1 ชั่วโมงก่อนการหลบหนี เกิดเหตุไฟไหม้ที่สถานพยาบาลของเมือง
ในห้องสอบปากคำที่มืดสลัว มีเพียงแสงจากโคมไฟเวทมนตร์ที่ลอยอยู่กลางอากาศช่วยให้เห็นใบหน้าของลีน่า หญิงสาวผมสีส้มอมทองที่สวมแว่นหนาๆ และชุดเครื่องแบบของกิล เธอก้มมองสมุดบันทึกที่เต็มไปด้วยลายมือเรียบเรียงอย่างละเอียด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองชายผู้รอดชีวิตที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
"คุณช่วยเล่าอีกครั้งได้ไหมคะ ว่าเกิดอะไรขึ้น?" ลีน่าถามเสียงนุ่ม แต่แฝงไปด้วยความจริงจัง เธอยกปากกาขนนกขึ้นจรดลงบนกระดาษ ขณะที่มองจ้องมองอีกฝ่าย ชายผู้นั้นกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะเริ่มเล่า
“มันเกิดขึ้นเร็วมากครับ ตอนนั้นพวกผมกำลังนั่งเฝ้าผู้ป่วยอยู่ในห้อง แต่แล้วชายคนหนึ่งก็ถูกพยาบาลพาตัวเข้ามา...เขาดูซีดเซียวเหมือนไม่มีแรง”ชายคนนั้นลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ
"ผมได้ยินพวกพยาบาลพูดกัน เห็นว่าเป็นคนที่ลูกสาวของตระกูลวัลธอเรนให้พาตัวมา ทุกคนก็เลยไม่ได้สงสัย หรือ สนใจอะไรเกี่ยวกับตัวเขามากนัก…."
หญิงสาวพยักหน้าเป็นเชิงให้เขาเล่าต่อ "แล้วอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้นคะ?"
"จู่ๆ ร่างกายของเขาก็ลุกเป็นไฟครับ! ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนั้นมาก่อน ไฟพวกนั้นดูไม่ใช่ไฟธรรมดา มันมีสีฟ้าสว่าง ก่อนที่เขาจะกรีดร้องท่ามกลางผู้คน และ วิ่งผ่านทั่วห้อง โจมตีทุกอย่างไม่เลือกหน้า!"
น้ำเสียงของชายผู้เล่าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขากุมมือที่สั่นเทาไว้แน่น เธอจดคำพูดเหล่านั้นลงอย่างเคร่งเครียด ก่อนจะถามต่อ
"แล้วคุณสังเกตเห็นอะไรแปลกๆ เกี่ยวกับเขาไหม? ท่าทาง หรือลักษณะบางอย่างที่ผิดปกติ?"
"ผมไม่แน่ใจ แต่..." ชายคนนั้นพยักหน้า "ดวงตาของเขาก่อนที่จะคลุ้มคลั่ง…อยู่ๆก็เปลี่ยนเป็นสีขาวสนิท ไม่มีลูกตาดำเหมือนกับคนทั่วไป เหมือนกับว่าเขาถูกอะไรบางอย่างครอบงำ…."
“ขอบคุณมากคะสำหรับข้อมูล เจ้าหน้าที่ของเราจะพาคุณไปยังที่ปลอดภัยเอง”
เธอพูดจบ ก็มีเจ้าหน้าหลายคนพาชายคนนั้นออกไป หญิงสาวที่กำลังอ่านข้อมูลอยู่ก็ขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะหันไปถามเจ้าหน้าที่ข้างตัว
"คุณบอกว่าเขาไม่มีสิ่งใดติดตัวมาเลยใช่ไหมคะ?"
"ใช่ครับ เขาไม่มีเอกสาร ไม่มีของใช้ส่วนตัวเลย แถมในฐานข้อมูลของเมือง ก็ไม่มีชื่อของเขาปรากฏอยู่ด้วย"
“งั้นก็หมายความว่า อาจจะเป็นผู้ลักลอบเข้าเมืองมาอย่างผิดกฏหมาย แต่เพราะได้รับการรับรอง เลยไม่ได้ถูกส่งตัวไปที่สถานกักกันงั้นสิน่ะ….แล้วได้ส่งจดหมายเชิญตัวเธอมารึยัง”
ผู้ช่วยมีสีหน้าที่ลำบากใจเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหัวปฏิเสธ
“ยังครับ….ถึงยังไงเธอก็เป็นคุณหนูจากตระกูลวัลธอเรน เกรงว่าคงไม่เหมาะสมที่จะเรียกตัวมาในเวลานี้…..”
"ฉันเข้าใจเรืื่องฐานะของเธอ แต่สถานการณ์ในตอนนี้จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากเธอโดยเร็วที่สุด โปรดเตรียมจดหมายและส่งไปทันที ฉันจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง"
ผู้ช่วยคนนั้นได้ยินก็รีบตอบตกลง และ เดินออกไปทันที ทิ้งให้หญิงสาวอยู่ในห้องสอบสวนตามลำพัง แต่ตอนที่เธอกำลังเตรียมตัวไปสถานที่เกิดเหตุ ก็มีพนักงานอีกคนรีบวิ่งเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็๋ว
“คุณลีน่าแย่แล้วครับ!” เขาเรียกเสียงดัง ก่อนจะกระซิบบางอย่างให้เธอได้ยิน ทำให้เธอแทบจะเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจทันที
"ห้องพักของรุ่นพี่..." เธอพึมพำเบาๆ แล้วรีบหมุนตัววิ่งออกไปทันที
อาคารที่เคยเป็นที่พักของเอรอสถูกไฟไหม้จนเหลือเพียงโครงสร้างไม้สีดำเกรียม กลิ่นควันยังคงลอยคลุ้งในอากาศ หญิงสาววิ่งฝ่ากลุ่มคนที่มุงดูจนถึงบริเวณจุดเกิดเหตุ เธอถามเจ้าหน้าที่คนหนึ่งด้วยน้ำเสียงเร่งร้อน
“เอรอสล่ะ? เขาอยู่ไหน?”
“พยานบอกว่าเขาออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าครับ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครเห็นเขากลับมา”
เจ้าหน้าที่ตอบด้วยน้ำเสียงหนักใจ
เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อได้ยินว่าชายหนุ่มไม่ได้อยู่ในห้องตอนเกิดเหตุ แต่สายตาเธอก็ยังจับจ้องไปที่ซากอาคารที่เสียหาย เธอเดินเข้าไปใกล้ประตูห้องที่ไหม้จนแทบไม่เหลือร่องรอย
“สาเหตุล่ะ?” ลีน่าถามขณะมองไปรอบๆ
“เหมือนกับเหตุการณ์ก่อนหน้าครับ” เจ้าหน้าที่อีกคนตอบ
“มีชายนิรนามคนหนึ่ง จู่ๆก็บุกเข้าไปในห้อง ก่อนที่ไฟจะลุกท่วมร่างแล้วเผาทำลายทุกอย่าง...”
เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนจะเสริมด้วยเสียงแผ่วเบา
“ร่างของเขาจะถูกไฟเผาจนกลายเป็นเศษซากเหมือนที่เจอในสถานพยาบาล...”
เธอขมวดคิ้วแน่น เดินเข้าไปสำรวจพื้นที่ในห้องพัก ซากศพที่เหลืออยู่เหมือนกับในรายงานก่อนหน้านี้ ถูกเผาไหม้จนดำเกรียม ไร้เค้าโครงใบหน้า มีแต่ร่องรอยที่ดูเหมือนการระเบิดของพลังเวทที่ไม่สามารถควบคุมได้
เธอย่อตัวลงมองใกล้ๆ หยิบถุงมือขึ้นมาสวมเพื่อสัมผัสเศษวัตถุที่แตกกระจัดกระจายรอบศพ บางชิ้นดูเหมือนเป็นเศษแก้วหรือผลึกเวทมนตร์ แต่ก็ไม่มีอะไรชัดเจนพอที่จะบอกถึงต้นตอ
"เกิดอะไรขึ้น? หรือจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ?…" เธอพึมพำเบาๆ สายตามองรอบห้องด้วยความกังวล ก่อนจะลุกขึ้นยืน หันไปหาเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง
“ตรวจสอบสถานที่แห่งนี้อย่างละเอียด และ ตามหาตัวให้เจอ ต้องรู้ให้ได้ว่าเขาหายไปไหน”
ชายคนนั้นสบตาเธอ สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น เขายืนตัวตรงก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“เข้าใจแล้วครับ!”
เจ้าหน้าที่หนุ่มก้มหน้ารับคำสั่งอีกครั้ง ก่อนจะรีบหมุนตัวไปทำงานตามที่สั่ง ทิ้งเธอยืนอยู่กลางพื้นที่ที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง
เธอหลับตาลง สูดลมหายใจลึกเพื่อพยายามตั้งสติ แม้หัวใจของเธอจะเต็มไปด้วยคำถามและความวิตก แต่การเสียสมาธิในตอนนี้จะไม่ช่วยอะไร
“รุ่นพี่... เกิดอะไรขึ้นกับคุณกันแน่?”
เสียงพึมพำนั้นจางหายไปกับสายลม ขณะที่หญิงสาวหันกลับไปยังทีมสำรวจ แม้ว่าตอนนี้เธอจะเป็นห่วงเขา แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่กังวล เธอต้องทำงานของเธอให้เรียบร้อยก่อนเหมือนกับที่เขาเคยบอกเธอเอาไว้
ตัดกลับมาที่อีกด้านหนึ่ง
ในความเงียบงันของคุกใต้ดิน ร่างของชายหนุ่มยังคงนิ่งสงบอยู่ในเงามืด เสียงกุญแจมือที่พันธนาการเขาหลุดออกด้วยเวทมนตร์บางอย่าง
ผู้คุมคนใหม่ยืนนิ่งอยู่หน้าลูกกรง ดวงตาของเขาขุ่นมัวไร้ประกาย ร่างกายเคลื่อนไหวแข็งทื่อราวกับหุ่นเชิดที่ไร้วิญญาณ
ไม่มีคำพูดใด ไม่มีเสียงอธิบาย ทุกอย่างชัดเจนในตัวมันเอง ผู้คุมตรงหน้านี้กำลังถูกสิงสู่อยู่
ชายหนุ่มลุกขึ้น ยืดตัวเต็มความสูง สายตาเย็นชาเพียงกวาดมองผู้คุมแวบหนึ่ง ก่อนจะก้าวเดินไปสู่ประตูที่เปิดอ้า ออกจากกรงขังด้วยความเงียบเชียบ
Waiting for the first comment……
Please log in to leave a comment.