สายลมที่พัดผ่านต้นไม้ใหญ่นั้นแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่กลับนำพาบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า—กลิ่นอายของอดีตที่หวนคืนมาในทุกลมหายใจ
ชายหนุ่มพลิกสมุดภาพในมืออย่างแผ่วเบา ทุกหน้ากระดาษเหมือนพาเขาดำดิ่งลึกลงไปในความทรงจำ ภาพเลือนรางที่เคยจางหายกลับชัดเจนขึ้น เสียงหัวเราะในวัยเยาว์สะท้อนขึ้นมาในใจ คำสัญญาที่หลงลืมกลับมาก่อตัวอีกครั้ง ทันใดนั้น บรรยากาศรอบตัวกลับเปลี่ยนไปเล็กน้อย
หญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ไกลหันมามองเขาด้วยสายตาสงสัย “เกิดอะไรขึ้น...” เธอเอ่ยออกมาเบาๆ ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อสายลมรอบๆ ต้นไม้เริ่มพัดไหวเบาๆ ราวกับกำลังแหวกม่านบางๆ เผยให้เห็นบางสิ่งที่อยู่อีกฟากของเวลา
และแล้ว...ภาพในสมุดภาพก็เหมือนจะก้าวข้ามหน้ากระดาษ
เบื้องหน้าของพวกเขาปรากฏเป็นภาพลวงตาที่ไม่อาจอธิบายได้ เด็กชายในชุดเรียบง่ายปรากฏตัวพร้อมเด็กสาวสองคน พวกเขาหัวเราะสดใสราวกับไม่ได้รับรู้ถึงสายตาของผู้ชมจากอนาคต ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยชีวิตชีวาเหมือนมองผ่านหน้าต่างแห่งเวลา
หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างชายหนุ่มมองภาพเหล่านั้นอย่างตกตะลึง “นี่มัน...” เธออ้าปากค้าง แต่เสียงของเธอกลับถูกกลืนหายไปกับเสียงหัวเราะแผ่วเบาที่ดังมาจากภาพลวงตา
ในภาพ เด็กชายในวัยเยาว์วิ่งเล่นรอบต้นไม้ใหญ่กับเด็กสาวสองคน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยประกายสดใส ขณะที่เสียงหัวเราะของพวกเขาก้องอยู่ใต้ท้องฟ้าอันอบอุ่น
เด็กสาวผมสีเงินกอดสมุดวาดภาพแน่น มือเล็กๆ ของเธอค่อยๆ เปิดมันออก ขณะที่เด็กสาวผมสีทองนั่งลงพร้อมกล่องดินสอสี “มาวาดรูปกัน!” เด็กสาวผมสีเงินเอ่ยอย่างตื่นเต้น น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเบิกบาน
ชายหนุ่มเฝ้ามองภาพในอดีตด้วยความรู้สึกที่ปะปนกัน ทั้งอ่อนหวานและเจ็บปวด ขณะที่หญิงสาวข้างกายเหลือบมองเขาด้วยความสงสัย “ภาพเหล่านี้...” เธอเริ่มพูดแต่หยุดไว้แค่นั้น เพราะภาพในสมุดภาพเริ่มมีชีวิตอีกครั้ง
“รู้ไหม?” เสียงของเด็กสาวผมสีเงินดังขึ้นอย่างหนักแน่น “มีตำนานเล่าว่า ถ้าเราขอพรจากต้นไม้นี้ คำขอของเราจะเป็นจริง!”
เด็กสาวผมสีทองหันมามองเธอด้วยดวงตาเป็นประกาย “จริงเหรอ? งั้นฉันจะขอให้ตัวเองแข็งแกร่ง จะได้ปกป้องทุกคนที่อ่อนแอ!”
“ส่วนฉัน...” เด็กสาวผมสีเงินลุกขึ้นยืน ตะโกนออกมาอย่างมั่นใจ “ฉันจะขอให้โลกนี้สงบสุข ไม่มีใครต้องเจ็บปวดอีก!”
เด็กชายในภาพยิ้ม ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฉันขอให้คำขอของพวกเธอเป็นจริง”
“ขออะไรที่เป็นของตัวเองสิ!” เด็กสาวผมสีทองหันมาแกล้งทำหน้านิ่ว แต่เสียงหัวเราะของเธอก็เผยให้เห็นว่าเธอไม่ได้จริงจังนัก
เขาหัวเราะเบาๆ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความตั้งใจ “นี่แหละความปรารถนาของฉัน ต่อให้ต้นไม้ไม่ช่วย ฉันจะช่วยพวกเธอเอง”
ภาพในอดีตดำเนินต่อไปเหมือนการฉายซ้ำ เด็กๆ หัวเราะ วิ่งเล่น และช่วยกันฝังสมุดภาพไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ เด็กสาวผมสีเงินหันมามองพวกเขาด้วยสายตาจริงจัง
“เราจะกลับมาที่นี่ด้วยกันอีกใช่ไหม?”
“แน่นอน!” เด็กชายตอบเสียงหนักแน่น “ไม่ว่าเราจะห่างกันแค่ไหน พวกเราจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง...ด้วยกัน”
หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างชายหนุ่มยืนนิ่ง มองภาพเหล่านั้นด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยคำถามและความเข้าใจใหม่
และแล้ว ภาพเหล่านั้นก็เริ่มเลือนลาง เสียงหัวเราะค่อยๆจางหาย สายลมที่พัดผ่านเหมือนกระซิบบางอย่างในใจ เขาก้มมองสมุดภาพในมือที่เหมือนจะมีชีวิต ความทรงจำที่เลือนรางค่อยๆหวนคืน ความอบอุ่นจากเสียงหัวเราะของเด็กๆ ในภาพสะท้อนกลับมาในจิตใจ ทำให้รู้สึกว่าอดีตไม่ได้ถูกลืมเลือนไป แต่มันยังอยู่ตรงนี้ ท่ามกลางสายลมและเงาของต้นไม้ใหญ่ในปัจจุบัน มันดูหนักแน่นขึ้นในความรู้สึก ก่อนจะเงยหน้ามองต้นไม้ใหญ่ตรงหน้า
ต้นไม้ใหญ่ยังคงยืนหยัดอยู่ตรงนั้น ราวกับเป็นผู้พิทักษ์ที่คอยเฝ้ามองเรื่องราวของชีวิตที่เคยอยู่ใต้ร่มเงาของมัน
ชายหนุ่มยังคงจ้องมองต้นไม้ใหญ่ตรงหน้า ความหนักอึ้งในใจถูกแทนที่ด้วยความเข้าใจที่ชัดเจนขึ้น เขาก้มมองสมุดภาพในมือที่เหมือนจะสั่นไหวเบาๆ ใต้ปลายนิ้วของเขา
ทันใดนั้นเอง สายลมรอบๆ เริ่มเปลี่ยนแปลง มันไม่ใช่เพียงสายลมธรรมดาอีกต่อไป แต่เหมือนเป็นแรงลมหายใจสุดท้ายของสิ่งที่เคยมีชีวิตชีวา พลังงานบางอย่างเริ่มไหลซึมออกมาจากต้นไม้และหลั่งไหลเข้าสู่ร่างของเขา
ลำแสงสีทองจากใบไม้ส่องผ่านร่างของชายหนุ่ม คล้ายกับพยายามหล่อหลอมบางสิ่งเข้าไปในตัวเขา เขารู้สึกถึงความร้อนอุ่นวาบที่ไม่ได้เพียงแค่สัมผัสร่างกาย แต่เหมือนมันกำลังฝังลงไปในจิตใจ ลึกเข้าไปในส่วนที่เขาเองไม่เคยเข้าถึงมาก่อน…
“นี่มัน...” เขาพึมพำเสียงเบา ราวกับกลัวว่าคำพูดจะทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของช่วงเวลานี้ ความรู้สึกอุ่นวาบแผ่ซ่านจากปลายนิ้วเข้าสู่ร่างกาย ราวกับกระแสคลื่นที่พัดพาความอบอุ่นเข้าสู่หัวใจ พลังนี้ไม่ใช่มานาธรรมดาที่พบเห็นได้ในธรรมชาติ แต่คือสิ่งที่มีชีวิต และสิ่งที่มีสติปัญญา…พลังเวทย์
พลังเวทของต้นไม้กำลังหลั่งไหลเข้ามา มันไม่ได้มีแค่พลังเพียงอย่างเดียว แต่มันมีเสียงกระซิบของความทรงจำ เรื่องราวที่ถูกจารึกไว้ในวงจรชีวิตของมัน ทุกแผลเป็นบนลำต้น ทุกกิ่งก้านที่แตกหน่อ ทุกใบไม้ที่ร่วงหล่น ล้วนส่งต่อเรื่องราวที่ก้องสะท้อนอยู่ในจิตใจของเขา เป็นการเชื่อมโยง เป็นการสัมผัสถึงแก่นแท้ของชีวิตที่ดำรงอยู่ และ ต่อสู้กับกาลเวลา มันคือการพบกันของอดีตและปัจจุบัน การหลอมรวมของชีวิตที่ต่างกันให้กลายเป็นหนึ่งเดียว…
หญิงสาวข้างกายมองเขาด้วยความตกตะลึง “การหลอมรวมของพลังเวทย์!?...เป็นไปไม่ได้” น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ ราวกับรู้ว่าเธอกำลังเป็นพยานในสิ่งที่ยากจะบรรยาย เธอเพียงยืนมองเขาอยู่ไม่ไกล แต่สายตาของเธอแฝงความคาดหวังบางอย่าง
ชายหนุ่มกุมสมุดภาพในมือแน่นขึ้น แต่สมุดภาพในมือเริ่มสั่นไหว เส้นร่างและสีสันที่เคยชัดเจนบนหน้ากระดาษค่อยๆเลือนหายไป ราวกับมันถูกลบออกจากความทรงจำ ขอบกระดาษกร่อนตัวเป็นเศษฝุ่นที่ปลิวไปกับสายลม กล่องเก็บสมุดภาพที่วางอยู่ไม่ไกลก็เริ่มแตกสลาย เศษซากเล็กๆ ร่วงหล่นสู่พื้นก่อนจะกลายเป็นละอองแสง
เขายืนมองสิ่งเหล่านั้นอย่างเงียบงัน จนในที่สุด สิ่งที่เคยอยู่ในมือของเขาก็ไม่เหลืออะไรเลย
“ความทรงจำเหล่านี้...” เขากระซิบเบาๆ ขณะความอบอุ่นจากพลังเวทแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ราวกับกระแสชีวิตที่ต้นไม้เก็บรักษามานับพันปีถูกถ่ายทอดมายังเขา ทุกภาพ ทุกเสียง ทุกคำสัญญา ทุกความรู้สึกที่มันเคยเป็นพยานค่อยๆ หลั่งไหลเข้ามาในจิตใจ คล้ายกับคลื่นทะเลที่ไม่มีวันสงบลง และในชั่วขณะนั้น เขารับรู้ได้ถึงสิ่งที่ต้นไม้พยายามบอกเล่า มันได้หยุดเวลาของตัวเองไว้ยาวนานเพียงเพื่อรอคอยวันนี้—วันที่มันจะได้พบกับเขาอีกครั้งและส่งต่อสิ่งสุดท้ายของตัวเองให้เขาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึก ก่อนจะหลับตาลงรับมันไว้ทั้งหมด
ต้นไม้ที่เคยสง่างามค่อยๆ เสื่อมสลาย ลำต้นที่เคยตั้งตระหง่านกลายเป็นเถ้าฝุ่น ปลิวกระจายไปทั่วอากาศ สายลมพัดเอาเศษซากเหล่านั้นไปราวกับกระซิบบางอย่างในใจของเขา
เขายังคงยืนนิ่ง มองละอองเหล่านั้นล่องลอยหายไปเรื่อยๆ เขาหลับตาลง ปล่อยให้พลังสุดท้ายของต้นไม้ซึมซับเข้าสู่จิตใจ เรื่องราวทั้งหมดของมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวเขา
เขาลืมตาขึ้น ดวงตาสีเทาของเขาเปล่งประกายแสงเรืองรองเบาบาง ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สงบและมั่นคง “เวลาของมันถูกหยุดเอาไว้มานานมากแล้ว ตอนนี้มันก็ได้พักเสียที”
เขายังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม สายลมแผ่วเบาพัดผ่านราวกับกำลังบอกลาบางสิ่งที่เคยอยู่ ณ ที่แห่งนี้มานานแสนนาน ลำแสงสุดท้ายจากต้นไม้ใหญ่จางหายไปพร้อมกับเศษละอองแสงที่ค่อยๆ ล่องลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
"มันจบแล้ว..." เขาพึมพำเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวข้างกาย ใบหน้าของเธอยังคงแสดงความเศร้าสร้อย แต่ในดวงตาคู่นั้นกลับมีบางสิ่งที่เปลี่ยนไป
"ไม่หรอก" เธอพูดเสียงเบา แต่หนักแน่น "มันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น"
เขาหันมามองเธอ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย "เธอหมายความว่าอะไร?"
หญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่ง เธอก้มหน้าลงราวกับลังเล แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของเธอกลับเปล่งประกายแสงที่แฝงไว้ด้วยความแน่วแน่
"นายไม่เข้าใจงั้นหรอ?" เธอพูดช้าๆ ราวกับต้องการให้ทุกคำสลักลึกลงไปในใจของเขา
"สิ่งที่ฉันรอมานาน...หวังว่ามันจะกลับมาอีกครั้ง และในที่สุด ฉันก็ได้เจอกับความหวังนั้นเสียที"
"สิ่งที่เธอรอ?" เขาถามกลับ เสียงของเขาแฝงความกังวล "จอมปราชญ์ไรอัส...อย่างนั้นหรือ?"
ชื่อที่เขาเอ่ยทำให้เธอชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าอย่างช้าๆ
"ใช่ ไรอัส..." เธอสูดลมหายใจลึก ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้เขา "นายคือภาชนะที่เหมาะสมที่สุด เป็นคนเดียวที่สามารถรับหัวใจของเขาได้โดยไม่ถูกมันทำลาย และที่สำคัญ………สามารถจะกลายเป็นเขาได้"
เขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันบางอย่างในอากาศ ความนิ่งสงบของสายลมเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นความตึงเครียดที่ไม่อาจอธิบาย
หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น ดวงตาของเธอฉายแววโศกเศร้าแต่เต็มไปด้วยความตั้งใจ
"ฉันพยายามแล้ว...พยายามที่จะตัดใจจากเขาโดยตลอด" เธอก้าวเข้าไปใกล้อีก จนกระทั่งระยะห่างระหว่างพวกเขาแทบไม่มีเหลือ "ฉันไม่อยากทำแบบนี้ แต่ความจริงก็คือ...การที่นายสามารถจะกลายเป็นเขาได้ มันทำให้ฉันได้เห็นถึงความหวัง"
ลมที่เคยนิ่งสงบเริ่มหมุนวนเป็นพายุขนาดเล็ก เงาของเธอทอดยาวออกไปบนพื้นราวกับบางสิ่งที่เหนือธรรมชาติกำลังปลดปล่อยตัวเอง
ชายหนุ่มพยายามเอื้อมมือไปคว้าปืนที่ห้อยอยู่ข้างลำตัว แต่ก่อนที่นิ้วจะสัมผัสมัน พลังที่มองไม่เห็นกลับพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ร่างของเขาถูกตรึงแน่นในอากาศ ราวกับเชือกที่มองไม่เห็นพันธนาการทุกส่วนไว้ ก่อนที่เขาจะทันได้ขยับตัว ปากของเขาถูกปิดด้วยพลังบางอย่างที่กดทับแน่นจนไม่สามารถส่งเสียงใดออกมาได้
"………..!" เขาพยายามเปล่งเสียง ดวงตาฉายแววกร้าว แต่ไม่มีแม้กระทั่งเสียงกระซิบเล็ดลอดออกไป หญิงสาวยังคงยืนนิ่ง ไม่ตอบสนองต่อการต่อต้านของเขา เธอหลับตาลง สีหน้าเต็มไปด้วยความลังเลและเจ็บปวด ราวกับกำลังต่อสู้กับความคิดบางอย่างที่ปั่นป่วนอยู่ภายในจิตใจ
"ขอโทษ..." เสียงกระซิบของเธอแผ่วเบา แทบจมหายไปกับสายลม ร่างกายของเธอสั่นเล็กน้อย แต่เธอก็ยังคงยืนนิ่ง มือข้างหนึ่งกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นมา ความตั้งใจบางอย่างฉายชัดในแววตาของเธอ ขณะที่พลังที่ตรึงเขาไว้ยิ่งรัดแน่นขึ้นอีก...
"นายทำให้ฉันไม่มีทางเลือก" เธอเอ่ยเสียงแผ่ว แต่ในคำพูดนั้นกลับเต็มไปด้วยน้ำหนักของการตัดสินใจ
Waiting for the first comment……
Please log in to leave a comment.