ในขณะที่หญิงสาวคนนึงกำลังเดินกลับคฤหาสน์ด้วยความเสียใจ เสียงพลังเวทที่แตกกระจายดังก้องสะท้อนผ่านตรอกแคบๆ ในยามค่ำคืน ทำให้เธอต้องหยุดชะงัก หัวใจของเอเลน่าเต้นแรงด้วยความกังวลและตื่นเต้น เธอกระชับดาบข้างกายและเร่งฝีเท้าตรงไปยังต้นตอของเสียง
ที่ลานเปิดกลางตรอก เธอพบกลุ่มจอมเวทย์ในชุดคลุมดำยืนล้อมร่างชายคนหนึ่งที่ถูกพันธนาการด้วยโซ่เวทมนตร์ที่เปล่งแสงริบหรี่ใต้แสงจันทร์ กลิ่นอายเวทมนตร์ที่เข้มข้นแผ่กระจายจนทำให้บรรยากาศรอบตัวหนักอึ้ง ชายที่ถูกจับมีผ้าคลุมหนาคลุมร่างจนมองไม่เห็นใบหน้า ข้างกายเขามีคฑาเวทมนตร์ที่ปลายแตกหักวางอยู่
เอเลน่าก้าวออกจากเงามืด ดวงตาจับจ้องไปยังกลุ่มนั้นก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง แต่แฝงด้วยความมั่นใจ
"ข้า เอเลน่า วัลธอเรน ขอถามว่าพวกท่านกำลังทำอะไรกันอยู่ที่นี่?"
ชายสูงวัยในชุดคลุมดำค่อยๆหันมามองเธอ ใบหน้าใต้ฮู้ดของเขาเผยรอยยิ้มที่ไม่ชัดเจน เขาก้าวออกมาด้านหน้าอย่างมั่นคง ก่อนโค้งตัวเล็กน้อยด้วยท่าทีที่เสแสร้ง "ท่านเอเลน่า แห่งตระกูลวัลธอเรน...นี้เอง นึกไม่ถึงว่าจะได้รับเกียรติพบเจอท่านในยามค่ำคืนเช่นนี้"
เอเลน่าขมวดคิ้ว เธอยืดตัวตรงและกล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้น "การจับกุมคนในเขตเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาติ ถือเป็นการละเมิดกฎ ข้าขอให้พวกท่านอธิบาย"
ชายสูงวัยหัวเราะเบาๆ ราวกับคำพูดของเธอเป็นเพียงเรื่องล้อเล่น "ท่านเรียกสิ่งนี้ว่าการละเมิดกฎหรือ? หอคอยเวทมนตร์มีกฎของตนเอง และชายคนนี้" เขาชี้ไปยังชายที่ถูกพันธนาการ "ได้ละเมิดกฎที่สำคัญยิ่งกว่าใดๆของเรา เขาทำลายคฑาเวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ และพยายามสังหารสมาชิกของเรา"
เอเลน่าสูดหายใจลึก พยายามคุมอารมณ์ขณะโต้กลับ "แม้เขาจะกระทำผิด ท่านก็ควรส่งเขาให้เจ้าหน้าที่ของเมือง มิใช่ลงโทษเองตามอำเภอใจ"
ชายสูงวัยก้าวเข้ามาใกล้เธอขึ้น ดวงตาเปล่งประกายเย็นเยียบ ขณะเอ่ยเสียงราบเรียบแต่แฝงเล่ห์เหลี่ยม "ท่านเอเลน่า... ข้าเป็นเพียงจอมเวทย์อาวุโสของหอคอย ผู้ได้รับมอบหมายงานเล็กน้อยที่แทบไม่ควรค่าให้ท่านใส่ใจ สมบัติที่ต้องคุ้มครองเหล่านี้สำคัญยิ่งนัก ตัวท่านเองนั้น ยังคงมีอำนาจเพียงพอจะตั้งคำถามกับพวกเราอยู่หรือ? หรือบางทีท่านอาจลืมไปแล้วว่าตระกูลของท่านในตอนนี้อยู่ในสถานะใด?"
คำพูดนั้นกรีดลึกเข้าในหัวใจเอเลน่า แต่เธอยังคงยืดตัวตรงและตอบกลับ "ตระกูลของข้าจะไม่ยอมให้ใครละเมิดกฎของเมือง ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร!"
ชายสูงวัยยิ้มบาง ดวงตาแฝงความเย้ยหยัน "กฎของเมือง? นั่นคงเป็นสิ่งที่ดีถ้ากฎนั้นยังมีพลังอย่างที่ท่านคิด แต่ในเมื่อหอคอยอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง ท่านเอเลน่า... การรักษาเกียรติของตระกูลท่านเป็นเรื่องน่าชื่นชม แต่ดูเหมือนเกียรตินั้นจะกลายเป็นเพียงเงาเลือนรางในสายตาของข้า"
เอเลน่ากำหมัดแน่น เธอรู้ว่าคำพูดนั้นไม่ได้เป็นเพียงการข่มขู่ แต่คือการเตือนถึงอำนาจของหอคอยที่ไม่อาจต้านทานได้
ชายสูงวัยยังคงมองเอเลน่าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเหนือกว่า ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลเกินไปจนเหมือนจะเย้ยหยัน "ข้าต้องยอมรับว่าความกล้าหาญของท่านนั้นช่างน่านับถือ ท่านเอเลน่า ตระกูลวัลธอเรนผู้ไม่เคยย่อท้อต่อความอยุติธรรม... แต่ข้าอดสงสัยไม่ได้ว่า นี่คือความกล้าหาญ หรือเพียงความดื้อรั้นที่ไร้จุดหมาย"
"ข้าไม่ต้องการให้ท่านมาสงสัยในตัวข้า" เอเลน่าตอบกลับทันที ดวงตาของเธอจับจ้องเขาอย่างแน่วแน่
"สิ่งที่ข้าทำก็เพื่อปกป้องกฎระเบียบในเมืองนี้ และปกป้องประชาชนจากความอยุติธรรมที่พวกท่านกำลังทำ"
ชายสูงวัยยิ้มบาง ราวกับคำพูดของเธอเป็นเพียงเรื่องขำขัน เขาก้าวกลับไปยังกลุ่มของตน พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนให้เกียรติ แต่กลับเต็มไปด้วยการประชด "หอคอยเวทมนตร์ไม่เคยแทรกแซงความสงบสุขของเมืองนี้โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร และแน่นอน ข้าขอแสดงความนับถือในความตั้งใจดีของท่าน... เพียงแต่ หอคอยไม่ได้อยู่ภายใต้กฎที่ท่านกล่าวถึง"
จอมเวทย์คนอื่นๆ ในกลุ่มเริ่มส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ราวกับกำลังสนับสนุนชายสูงวัย เอเลน่ารู้สึกเหมือนถูกต้อนจนมุม แต่เธอยังคงไม่ยอมถอย "ถ้าหอคอยไม่คิดเคารพกฎของเมือง ท่านก็อย่าหาว่าตระกูลของข้าไม่เคารพท่านก็แล้วกัน"
คำพูดของเธอทำให้เสียงหัวเราะของกลุ่มนั้นหยุดลงในทันที ชายสูงวัยเหลือบมองเธอด้วยแววตาที่แฝงความเยือกเย็น เขากล่าวช้าๆ ด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะเตือน "ระวังคำพูดของท่านเอเลน่า... ท่านอาจคิดว่าตระกูลของท่านยังคงมีอำนาจมากพอที่จะทำให้คำพูดนั้นมีน้ำหนัก แต่ความเป็นจริงอาจไม่อ่อนโยนเช่นนั้น"
เอเลน่ารู้สึกถึงน้ำหนักของคำพูดนั้น เธอไม่อาจโต้แย้งได้อีก สายตาของเธอหันไปมองชายที่ถูกพันธนาการ แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไร ชายสูงวัยยกมือขึ้น ราวกับบอกให้เธอหยุด
"ข้าแนะนำให้ท่านกลับไปที่คฤหาสน์ของท่าน และพิจารณาใหม่ว่าท่านต้องการเดินเกมนี้อย่างไร เพราะการท้าทายหอคอย..." เขาหยุดพูดไปชั่วครู่ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน "อาจไม่ใช่สิ่งที่ฉลาดที่สุดในสถานการณ์นี้"
เอเลน่ายืนนิ่ง ราวกับคำพูดนั้นได้ตรึงเธอไว้กับที่ ความรู้สึกพ่ายแพ้และสิ้นหวังไหลเข้ามาในใจเหมือนกระแสน้ำ เธอกำหมัดแน่น พยายามบอกตัวเองว่าเธอจะไม่ยอมแพ้ เธอต้องหาหนทางเปลี่ยนแปลงสถานการณ์นี้ให้ได้ ไม่ว่ามันจะยากเย็นแค่ไหนก็ตาม
ทว่าชายสูงวัยกลับกระทำสิ่งที่ดูขัดแย้งกับคำพูดของเขา เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนพยักหน้าให้จอมเวทย์คนหนึ่งในกลุ่มผู้ติดตามของเขา "ปล่อยเขา"
จอมเวทย์ยกมือร่ายเวทมนตร์ พันธนาการที่ตรึงชายคนหนึ่งอยู่ค่อยๆ คลายออก ร่างของเขาร่วงลงกับพื้น เอเลน่ารีบเข้าไปตรวจสอบ แต่เมื่อเห็นใบหน้าของชายคนนั้น เธอถึงกับขมวดคิ้ว
"นี่ไม่ใช่คนที่ข้าตามหา..."
ชายสูงวัยยิ้มเยาะ รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความเหนือกว่า "ดูเหมือนจะมีการเข้าใจผิดเกิดขึ้น... อย่างไรก็ตาม ข้าได้ให้เกียรติแก่ตระกูลของท่านแล้ว เช่นนั้นก็จงนำชายคนนี้ไปเสีย แล้วรับผิดชอบเขาให้ดีๆ"
เอเลน่าหันกลับไปสบตากับชายสูงวัย ความไม่พอใจปรากฏชัดในแววตา แต่ก่อนที่เธอจะตอบอะไรต่อ ชายผู้นั้นก็โบกมือให้กลุ่มของเขาเดินจากไปอย่างไม่แยแส
ขณะที่กลุ่มจอมเวทย์กำลังเดินจากไป หนึ่งในนั้นสะดุดและเซมาชนเอเลน่า เธอรีบยื่นมือพยุงเขาทันที "คุณเป็นอะไรรึเปล่า?"
ชายในชุดคลุมไม่ตอบ มีเพียงจอมเวทย์อีกคนที่รีบเข้ามาพยุงตัวเขาไว้แทน "ขออภัย ดูเหมือนเขาจะเหนื่อยจากการเดินทาง ข้าจะดูแลเขาเอง"
เอเลน่ามองตามพวกเขาเดินจากไปด้วยความแปลกใจ เธอรู้สึกคุ้นเคยกับชายที่ชนเธออย่างน่าประหลาด แต่เพียงครู่เดียวเธอสลัดความคิดนั้นทิ้ง ก่อนจะหันกลับมามองชายที่ถูกปล่อยตัว
เอเลน่าตัดสินใจพาชายที่หมดสติไปยังโรงพยาบาลของเมือง ระหว่างทางเธอได้ขอความช่วยเหลือจากทหารยามและประชาชนในบริเวณใกล้เคียง พวกเขาช่วยกันนำชายคนนั้นขึ้นรถม้าของโรงพยาบาล เมื่อถึงที่หมาย เอเลน่ากำชับกับเจ้าหน้าที่ให้ดูแลเขาอย่างใกล้ชิด พร้อมแจ้งเธอทันทีเมื่อเขาฟื้น
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เอเลน่าจึงเดินกลับคฤหาสน์ด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ เธอครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา โดยไม่รู้เลยว่าชายที่ชนเธอคือ "เอรอส" คนที่เธอกำลังตามหา ซึ่งถูกจอมเวทย์ในกลุ่มสลับตัวและควบคุมด้วยเวทพันธนาการ การเคลื่อนไหวของเขาทั้งหมดล้วนถูกบงการโดยผู้ที่พยุงเขา
Waiting for the first comment……
Please log in to leave a comment.