ภายในโกดังเก็บของที่อึมครึม แสงอาทิตย์ยามเช้าที่ยังอ่อนแรงค่อยๆส่องผ่านหน้าต่างบานเดียวที่ฝุ่นจับหนา ทำให้ภายในโกดังยังคงมืดสลัว
ชายหนุ่มผู้หนึ่งหลบซ่อนตัวในเงามืด ดวงตาจับจ้องไปยังประตู มือกำแน่นข้างลำตัว ความกดดันค่อยๆ เพิ่มขึ้นพร้อมเสียงสัญญาณเตือนภัยที่ดังไม่หยุดยั้ง เหมือนจะคอยย้ำเตือนถึงอันตรายที่คืบคลานเข้ามาใกล้ทุกขณะ
ทันใดนั้น เสียงบานประตูเหล็กของโกดังตรงหน้าดังขึ้น ก้องสะท้อนท่ามกลางความเงียบ เสียงคล้ายโลหะกระทบกันเมื่อวงเวทย์ที่ปิดผนึกไว้ถูกปลดออก ไม่นานนัก จอมเวทย์แปลกหน้าสองคนพุ่งเข้ามาภายในโกดังด้วยความระมัดระวัง พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างช่ำชองและสำรวจทุกจุดราวกับคุ้นเคยกับสถานที่นี้เป็นอย่างดี
ผู้หลบซ่อนยังคงนิ่ง หลบตัวอยู่ในเงาอย่างสมบูรณ์แบบ เขาชะลอลมหายใจ ควบคุมการเต้นของหัวใจให้สงบนิ่งมากที่สุดอย่างมีสติ ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจหมายถึงจุดจบ
ในจังหวะที่จอมเวทย์คนแรกเดินเข้ามาใกล้ ผู้หลบหนีได้พุ่งตัวออกจากเงามืดอย่างเงียบเชียบ มือขวาของเขาคว้าแขนของจอมเวทย์คนนั้น ก่อนจะบิด และ เหวี่ยงมันเต็มแรงจนได้ยินเสียงกระดูกแตกดังกรอบแกรบในอากาศ ใบหน้าของจอมเวทย์บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ร่างของเขาทรุดลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่จอมเวทย์คนที่สองหันมาทันที
ใบหน้าของจอมเวทย์คนนั้นเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก มือยกขึ้นเตรียมจะร่ายเวทย์ป้องกันตัว แต่ยังไม่ทันร่ายคาถาใดๆ ผู้หลบซ่อนก็พุ่งหมัดอัดเข้าเต็มลำตัวของจอมเวทย์คนนั้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงจนร่างของเขาล้มลงไปอย่างง่ายดาย
เมื่อเห็นว่าจอมเวทย์ทั้งสองหมดสติ ผู้หลบหนีจึงหยิบผ้าในโกดังขึ้นมาคลุมใบหน้าเพื่อปิดบังตัวตน พร้อมกับค้นหาไม้คฑาเก่าๆมาใช้ ดูเหมือนว่าโกดังแห่งนี้จะถูกสร้างขึ้นเพื่อปกปิดการมีอยู่ของสถานที่ด้านล่าง ทำให้มีของใช้งานอยู่เป็นจำนวนมาก แม้จะน่าเสียดายที่ของส่วนใหญ่ เป็นของที่ใกล้จะเสียหายแล้ว แต่มันก็ยังใช้งานได้อยู่
เมื่อเขาเตรียมตัวเสร็จ ก็ประตูโกดังที่แง้มอยู่ เผยให้เห็นลานโล่งกว้างเบื้องหน้า แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องกระทบกับพื้นที่โดยรอบ ทำให้เห็นรายละเอียดของพื้นที่ได้ชัดเจนขึ้น ทั่วทั้งลานมีเพียงต้นไม้ไม่กี่ต้นขึ้นเป็นหย่อมๆ ยากที่จะหาที่หลบซ่อน
ผู้หลบหนีเริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางลานกว้างที่ไร้ผู้คน ความเงียบสงบของทุ่งโล่ง และ ต้นไม้ประปรายทำให้เขายิ่งระมัดระวังยิ่งขึ้นมากขึ้น
การหลบหนีดูเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดีในตอนแรก แต่ทว่ากลางทางกลับไม่เป็นเช่นนั้น เขาหยุดแล้วหันกลับไปมองจากระยะไกล เห็นกลุ่มจอมเวทย์หลายคนเคลื่อนตัวตรงไปยังโกดังที่เขาทิ้งห่างไว้ แม้จะอยู่ไกลพอสมควร แต่จำนวนของจอมเวทย์ที่มุ่งตรงไปยังโกดังทำให้เขาเข้าใจทันทีว่าต้องรีบให้มากกว่านี้
ผู้หลบหนีได้ตัดสินใจใช้เวทมนตร์กระตุ้นพลังในร่างกายเพื่อเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนไหวโดยไม่ลังเลในทันที เพื่อหลบหนีออกจากลานโล่งกว้างที่เสี่ยงจะทำให้เขาโดนล้อมจับเอาได้ โชคยังดีที่บริเวณนี้เต็มไปด้วยอณูมานาหนาแน่น ทำให้การตรวจจับพลังเวทย์ที่อยู่ในร่างกายเล็กน้อยเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร
ขณะที่เขากำลังโล่งใจ เขาสังเกตเห็นกลุ่มจอมเวทย์ด้านหน้ากลุ่มนึง กำลังวิ่งตรงเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนี้จึงหลบซ่อนอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่ง บริเวณโดยรอบนั้นเปิดโล่งเกินไป ทำให้ยากที่จะหลบเลี่ยงไปได้
แต่ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา เขายกคฑาไม้เก่าในมือ ยิงมานาจำนวนเล็กน้อยไปยังพุ่มไม้ที่เขาผ่านมาก่อนหน้านี้ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เสียง และ การเคลื่อนไหวของพุ่มไม้ กระตุ้นความสนใจให้กลุ่มจอมเวทย์ที่มุ่งมาทางเขา หันเหความสนใจไปยังจุดนั้นโดยไม่แสดงท่าทีสงสัยในทิศทางที่ผู้หลบหนีซ่อนตัวอยู่เลย
เมื่อกลุ่มจอมเวทย์วิ่งผ่านเขาไป เขาจึงหลบออกจากจุดซ่อนตัวอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะพุ่งตรงไปในทิศทางที่พวกเขาจากมาอย่างไม่ลังเล
เมื่อหลุดจากการถูกเจอตัวของกลุ่มจอมเวทย์ได้สำเร็จ เขาพุ่งตัวเข้าไปในทางเดินแคบระหว่างพุ่มไม้ ในสวนขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้กับประตูทางออกเมืองพอสมควร ผู้หลบหนีเร่งฝีเท้าให้เงียบที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่ในใจยังรู้สึกแปลกๆราวกับมีอะไรบางอย่างตามมา ก่อนที่การหลบหนีของเขาจะถูกทำลายในไม่ช้า
เพียงชั่วอึดใจหลังจากที่ก้าวผ่านพุ่มไม้อีกแถว เสียงกระแสพลังเวทย์พลิ้วไหวบางเบาก็ดังขึ้นจากเบื้องหลัง เขาหยุดชะงัก และเมื่อหันกลับไป ก็พบกับภาพที่ทำให้เขาต้องขบกรามแน่น
จอมเวทย์อาวุโสระดับ 5 วงแหวน สองคนกำลังลอยตัวเหนือพื้นดิน จ้องมองมาที่ผู้หลบหนีราวกับพวกเขาจับตาดูเขามาตั้งแต่แรก ด้านล่างคือชายหนุ่มในวัยใกล้สามสิบ สายตาคมกริบ สะท้อนถึงประสบการณ์การต่อสู้ที่โชกโชน ท่าทางเยือกเย็นและมั่นใจอย่างยิ่ง
"การหลบหนีคงทำให้เจ้าเหนื่อยไม่ใช่น้อย? แต่ข้าผิดหวังยิ่งนักที่เจ้าไม่ได้แสดงความสามารถอะไรเลย" หนึ่งในจอมเวทย์เอ่ยเสียงเรียบ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเหนือกว่า ทำให้ผู้ฟังเลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล
ผู้หลบหนีกำคฑาไว้ในมือแน่น พยายามตั้งสติ การต่อสู้ในตอนนี้ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนีก แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น
แต่ก่อนที่เขาจะทันตั้งตัว บรรยากาศรอบตัวเริ่มร้อนระอุขึ้นกระทันหัน เมื่อจอมเวทย์คนหนึ่งยกมือขึ้น วงแหวนเวทย์ขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นเหนือมือของเขา เปลวไฟสว่างวาบก่อนจะพุ่งตรงมาทางเขาด้วยความเร็ว ราวกับจะเผาเขาให้มอดไหม้ในทันที
ผู้หลบหนีเบี่ยงตัวหลบ แต่ด้วยอาการบาดเจ็บของร่างกาย เขาจึงเสียหลักล้มลงกับพื้น แรงลมจากเวทมนตร์ซัดร่างของเขาไถลไปตามพื้นดิน ความเจ็บแปลบแล่นไปทั่วร่าง พละกำลังที่เหลืออยู่น้อยนิดทำให้เขาลุกขึ้นยืนแทบไม่ไหว
ต่อจากนั้น ชายหนุ่มด้านล่างที่ยืนรอจังหวะอยู่ พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขากระชากแขนของผู้หลบหนีและกดร่างของเขาลงกับพื้นทันที มือที่แข็งแรงกดไหล่เขาไว้แน่นจนรับได้ถึงแรงมหาศาลที่แทบทำให้หายใจไม่ออก ความเชี่ยวชาญในด้านการจับกุมเผยให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพของเขา
“จับมันเอาไว้ให้แน่น ข้าไม่อยากเสียเวลากับมันมากนัก นี้ก็ใกล้ถึงเวลานัดหมายแล้ว”
จอมเวทย์อาวุโสอีกคนเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขาราบเรียบแต่แฝงไปด้วยอำนาจ ผู้หลบหนีฝืนยิ้มบาง ขณะที่ร่างกายถูกกดอยู่กับพื้น สายตาท้าทายยังคงจ้องมองไปที่พวกเขาแม้จะถูกปิดบังด้วยผ้าคลุมก็ตาม
ชายผู้จับกุมเริ่มเกิดความสงสัยในใจ เขามองผู้หลบหนีอีกครั้ง ราวกับรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ จากข้อมูลที่ได้รับมา ผู้หลบหนีตรงหน้าควรจะเป็นชายที่มีพละกำลัง และ ร่างกายที่แข็งแรง แต่แขนที่เขาจับ กลับสัมผัสได้เพียงแขนที่บอบบาง ราวกับอดอาหารมาหลาย
เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจดึงผ้าคลุมออกอย่างแรง เผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่ทำให้เขาต้องชะงัก ข้อมูลที่ได้รับมาไม่ตรงกับชายตรงหน้าเลยสักนิด ผมสีทองที่สกปรกและเต็มไปด้วยฝุ่น ต่างจากเป้าหมายที่มีผมสีดำ นั้นทำให้ชายคนนั้นรู้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น เสียงฝีเท้าเร่งรีบดังเข้ามาใกล้จากด้านหลัง จอมเวทย์อาวุโสหันไปมองอย่างระแวดระวัง ก่อนที่ดวงตาจะสบเข้ากับหญิงสาวผู้หนึ่ง
เธอปรากฏตัวขึ้นพร้อมใบหน้าที่ซีดเผือด ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง เธอมองชายที่ถูกกดลงกับพื้นอย่างทารุณ แขนขาของเขาถูกตรึงไว้อย่างแน่นหนา ลมหายใจของเขาติดขัดขณะที่พยายามดิ้นรนใต้แรงกดดัน มือที่กดลงบนไหล่ของเขาหนักแน่นและไร้ความปรานี ท่ามกลางความเจ็บปวดที่เขาต้องทน
“อาร์วิน... นี่นาย?” เอเลน่าอุทานออกมาด้วยความสับสน สายตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เมื่อได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว เธอก็เริ่มตั้งคำถามกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าโดยทันที
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาแต่ชัดเจน คำพูดของเธอเต็มไปด้วยความเฉียบคม สายตาจ้องไปยังชายทั้งสามอย่างไร้ความปรานี ราวกับแสดงถึงอำนาจที่ไม่อาจละเลยได้
“คู่หมั้นที่หายตัวไปของฉันกำลังถูกทำร้ายอยู่ต่อหน้า หวังว่าพวกคุณคงจะมีคำอธิบายดีๆ…. ใช่ไหม?”
บรรยากาศรอบตัวเย็นลงอย่างเห็นได้ชัด จอมเวทย์อาวุโสชะงักไปเล็กน้อย พวกเขาสบตากันอย่างเคร่งเครียดเมื่อได้ยินคำพูดของหยิงสาว ร่างกายของจอมเวทย์อาวุโสขยับเพียงเล็กน้อย แต่พอจะสังเกตได้ถึงความลังเล ความเงียบที่ปกคลุมแสดงให้เห็นว่าพวกเขาก็ไม่เข้าใจในสถานการณ์เหมือนกัน
Waiting for the first comment……
Please log in to leave a comment.