เสียงบางอย่างแว่วมาแต่ไกล ราวกับคลื่นทะเลกระทบชายฝั่ง มันไม่ใช่เสียงที่คุ้นเคย แต่กลับปลอบโยนอย่างน่าประหลาด สติของเขาค่อยๆ ฟื้นขึ้นจากความมืดมิด ดวงตาที่พร่ามัวลืมขึ้นอย่างเชื่องช้า เหมือนยังติดอยู่ในห้วงฝันที่ยาวนาน
เขาไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานแค่ไหน แต่สิ่งที่สัมผัสได้ คือความเปลี่ยนแปลงในร่างกาย ร่างที่เคยเล็กและอ่อนแอกลับมาหนักแน่น นิ้วมือที่เคยเหมือนเด็กเล็กบัดนี้เรียวยาวและหยาบกร้าน รอยแผลที่คุ้นเคยปรากฏบนผิวอย่างชัดเจน มันเป็นหลักฐานของชีวิตที่เขาเคยมี
เขาค่อยๆลุกขึ้นยืน ขาที่มั่นคงและร่างกายที่สมส่วน ทำให้เขารู้สึกถึงเรี่ยวแรงที่หายไปนาน ชุดเสื้อโค้ทสีดำและกางเกงขายาวกลับคืนมาราวกับมันไม่เคยหายไปไหน ความคุ้นเคยที่ผุดขึ้นมาพร้อมกับสัมผัสของเนื้อผ้า ทำให้เขารู้ว่าสิ่งนี้เป็นความจริง ไม่ใช่ภาพหลอน
"เกิดอะไรขึ้น..." เขาพึมพำ เสียงแหบแห้งแต่หนักแน่นกว่าที่เคยเป็น
เมื่อมองไปรอบตัว เขาเห็นเพียงหมอกดำหนาทึบที่ปกคลุมทุกสิ่ง แต่ในความมืดนั้น มีบางสิ่งดึงดูดสายตา โดมขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านกลางความมืด โครงสร้างสีขาวมุกสะท้อนแสงเลือนรางจากหมอก มันดูทั้งน่าค้นหาและน่าหวาดหวั่นในเวลาเดียวกัน
ชายหนุ่มหยิกที่มือของตัวเองอย่างแรง ความเจ็บปวดที่สัมผัสได้ ยืนยันว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่ความฝัน
"ไม่ใช่ความฝัน... เรื่องจริงงั้นหรอ?" เขาเอ่ยกับตัวเอง ขณะเริ่มก้าวไปข้างหน้า
ทุกย่างก้าวให้สัมผัสของพื้นดินแข็งกระทบฝ่าเท้า แต่ละก้าวเต็มไปด้วยความมั่นคง แม้ในหัวจะเต็มไปด้วยคำถาม แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนในใจคือเขาต้องไปให้ถึงโดมนั้น
เมื่อเข้าใกล้ โครงสร้างของโดมยิ่งดูน่าเกรงขาม พื้นหินอ่อนเย็นเฉียบสะท้อนเสียงฝีเท้าของเขาก้องในความเงียบ เบื้องบน เพดานกระจกแตกร้าวในบางส่วน แสงอาทิตย์เลือนรางลอดผ่านรอยร้าว ทาบเงาลวดลายซับซ้อนบนพื้นหิน เงากิ่งไม้ใหญ่ที่ทับซ้อนสร้างบรรยากาศที่ทั้งลึกลับและกดดัน
เขาเดินตรงไปยังศาลาหินเก่าที่ตั้งอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ โครงสร้างเต็มไปด้วยร่องรอยของกาลเวลา แต่ยังตั้งตระหง่านอย่างมั่นคง เบาะหินที่ปกคลุมด้วยมอสเขียวบ่งบอกว่ามันไม่ได้ถูกใช้งานมานาน
ปลายนิ้วของเขาแตะลงบนขอบหินของศาลา สัมผัสหยาบกร้านปลุกความทรงจำที่เลือนรางขึ้นมา เสียงหัวเราะใสๆ ของเด็กเล็กๆ ดังสะท้อนในหัว ภาพเด็กชายคนหนึ่ง นั่งอยู่ตรงบันไดที่เขายืนอยู่ พร้อมกับเด็กสาวอีกสองคน รอยยิ้มของพวกเขาเต็มไปด้วยความสุข เสียงหัวเราะดังก้องในบรรยากาศ แต่ภาพเหล่านั้นเลือนหายไปราวกับหมอกถูกพัดด้วยลม
เขาหลับตา พยายามจะจับภาพเหล่านั้นไว้ แต่ยิ่งพยายาม มันก็ยิ่งหลุดลอยไปเหมือนทรายร่วงหล่นจากฝ่ามือ แต่เมื่อเขาลืมตาขึ้น สายตากลับสะดุดกับร่างของใครบางคนที่เขาไม่ได้สังเกตเห็นก่อนหน้านี้
ใต้เงาไม้ใหญ่ หญิงสาวคนหนึ่งนั่งพิงเสาศาลา ผมยาวสีดำขลับพลิ้วไหวรอบใบหน้าที่นิ่งสงบ ราวกับคนที่กำลังหลับไหล อ้อมแขนของเธอกอดกรงเหล็กเล็กๆ ที่ภายในมีหัวใจสีแดงฉานเต้นเป็นจังหวะ โซ่เงินบางพันธนาการหัวใจนั้นไว้แน่น แสงสะท้อนจากโซ่ทำให้ทุกอย่างดูน่าหวาดหวั่น
เขาก้าวเข้าไปใกล้ ความรู้สึกหนักหน่วงจากพลังเวทย์ที่แผ่ออกมาจากเธอ ทำให้ลมหายใจของเขาติดขัด บรรยากาศรอบตัวหญิงสาวเหมือนอากาศที่บิดเบี้ยวในวันร้อนจัด เหมือนกับพลังเวทย์ที่เขาสัมผัสมาก่อนหน้านี้ แต่หนักหน่วงเกินไปจนหัวใจเต้นแรง
ผิวของเธอขาวนวลดุจไข่มุก เผยเงาอ่อนๆ เมื่อแสงลอดผ่านปลายผมดำขลับที่ตกลงมาถึงขอบพื้น เดรสสีดำผสมสีขาวที่เรียบหรู ผูกริบบิ้นสีดำไว้คอปกอย่างเรียบง่าย
เขาหยุดห่างจากเธอเพียงไม่กี่ก้าว มองตรงไปยังร่างที่สงบนิ่ง หัวใจที่เคยเต็มไปด้วยคำถามเริ่มสั่นคลอน มันไม่ใช่เพียงความงามของเธอที่ทำให้เขาหยุด แต่เป็นพลังเวทย์มหาศาลที่เก็บซ่อนไว้ในร่างเล็กๆเหล่านั้น
ขณะนั้นเอง เสียงลมพัดผ่านกิ่งไม้ ใบไม้สั่นไหวในบรรยากาศที่สงบนิ่งแต่แฝงความลึกลับ หญิงสาวค่อยๆลืมตา ดวงตาสีเงินเข้มจ้องมองเบื้องหน้า ร่างกายสั่นไหวเล็กน้อยราวกับเพิ่งตื่นจากภวังค์ เธอสูดลมหายใจลึก พยายามระงับความรู้สึกประหลาดที่เกาะกินในใจ ศาลาแห่งนี้ราวกับถูกตัดขาดจากโลกภายนอก
ชั่วขณะนั้น ดวงตาของเธอเหลือบเห็นเงาบุคคลหนึ่ง—ตัวตนอื่นที่ไม่ควรอยู่ที่นี้ตอนนี้ เขายืนอยู่ใต้แสงที่ส่องผ่านใบไม้ไม่ไกลจากเธอ ราวกับธรรมชาติรอบตัวหยุดนิ่งเพื่อต้อนรับการมาของเขา หัวใจของหญิงสาวกระตุก สัญชาตญาณเตือนถึงอันตราย ชายหนุ่มผู้นั้นสามารถลอบผ่านเวทมนตร์ของเธอ โดยที่เธอไม่รู้สึกตัว
พลังเวทย์ในตัวเธอพลุ่งพล่านราวกับทะเลเดือด ดวงตาของเธอเบิกกว้างก่อนจะระเบิดพลังเวทย์ออกมา คลื่นพลังทำให้ใบไม้ปลิวกระจาย บรรยากาศเปลี่ยนจากสงบเป็นความกดดันหนักอึ้ง
ชายหนุ่มสะดุดลมหายใจ แรงกดดันมหาศาลโถมเข้าใส่จนแทบขยับไม่ได้ แม้แต่ต้นไม้รอบศาลายังสั่นสะเทือน แต่เขายังคงยืนหยัด กัดฟันแน่น ดึงพลังจากจิตวิญญาณที่เคยกลืนกิน วงแหวนสีแดงเข้มปรากฏรอบหัวใจของเขา หมุนวนอย่างบ้าคลั่ง พลังเวทย์ร้อนระอุแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ผมของเขาเปลี่ยนเป็นสีเทา ผิวหยาบกร้านคล้ำขึ้น แสงสีแดงจากมานาเรืองรองใต้ผิวหนัง บรรยากาศรอบตัวเขากลายเป็นมวลความร้อนที่แผ่ซ่าน กระจายแรงกดดันจากพลังเวทย์ของเธอให้เจือจางลงเพียงเล็กน้อย
หญิงสาวมองการเปลี่ยนแปลงของเขาด้วยความตกใจปนสงสัย เธอถอยหลังจนชิดผนังหิน ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจับจ้องเขาด้วยความหวาดระแวง แต่ก็มีแรงดึงดูดบางอย่างในตัวเขาที่เธอไม่อาจละสายตา เธอใช้เวทมนตร์ตรวจสอบจิตวิญญาณของเขา และพบว่ามีจิตวิญญาณอีกดวงที่กำลังหลอมรวมกับเขาอยู่—จิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง และ บิดเบี้ยว ถูกผสมกับอะไรบางอย่างที่ไม่ควรมีอยู่ในมนุษย์
ชายหนุ่มกัดฟัน ขณะที่พลังเวทย์ในตัวเขาก่อตัวเป็นเกราะบางๆ คลุมร่างกาย พลังสีแดงเข้มลุกโชน ดินและใบไม้รอบตัวเขาเหี่ยวแห้ง หญิงสาวค่อยๆลดแรงกดดัน แม้ยังไม่ไว้ใจ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธความลับที่อยู่ตรงหน้าได้ พลังเวทย์ในศาลาค่อยๆจางหาย ใบไม้ร่วงลงอย่างเงียบงัน
เธอยืนมองเขาที่พยายามฟื้นคืนสู่ร่างเดิม ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า หอบหายใจหนักหน่วงเหมือนร่างกายกำลังรับภาระอันใหญ่หลวง เขามีทั้งพลังและข้อจำกัดในคราวเดียวกัน มันทำให้เธอรู้สึกขัดแย้ง—ทั้งสับสนและสนใจในตัวเขาอย่างประหลาด
บรรยากาศรอบตัวค่อยๆกลับสู่ความสงบ แต่หัวใจของหญิงสาวยังคงเต้นแรง ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในใจ—ชายตรงหน้าอาจทำให้สิ่งที่เธอปรารถนามาโดยตลอดเป็นจริงได้ แต่มันจะเป็นไปได้งั้นหรอ? คำถามนี้วนเวียนอยู่ในใจเธอขณะที่สายตาของทั้งสองประสานกัน ราวกับว่าความลับในจิตใจของทั้งคู่กำลังจะเปิดเผย
Waiting for the first comment……
Please log in to leave a comment.