ศาลาหินกลางสวนที่ล้อมรอบด้วยพุ่มไม้เขียวขจีให้ความรู้สึกสงบ ราวกับหยุดเวลาเอาไว้ เสียงลมพัดแผ่วเบา แทรกซึมผ่านบรรยากาศที่เงียบงัน
เขาหยุดพูดไปชั่วครู่หลังจากเอ่ยปากว่าจะเล่าเรื่อง ดวงตาสีเทาหม่นทอดต่ำ ราวกับกำลังพยายามจับเศษเสี้ยวของความทรงจำที่กระจัดกระจาย
“จริงๆ แล้ว… ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” น้ำเสียงเรียบนิ่งนั้นเจืออารมณ์บางอย่างที่ซ่อนลึก
“ที่นี่… มันให้ความรู้สึกแปลกๆ เหมือนว่าฉันเคยมาที่นี่ แต่กลับจำอะไรไม่ได้”
หญิงสาวมองด้วยความสนใจ ดวงตาสีน้ำเงินเปล่งประกายอยากรู้อยากเห็น
“แล้วอะไรที่ทำให้นายมั่นใจว่าเคยมาที่นี่?”
ไม่มีคำตอบในทันที สายตาเลื่อนลอยกวาดมองรอบๆ ก่อนจะหยุดที่เสาไม้ด้านหนึ่ง มือยื่นออกไปแตะรอยขีดสามเส้นเล็กๆ ที่ดูเหมือนเกิดจากการแกะสลัก นิ้วลูบเบาๆบนพื้นผิวหยาบกร้าน สีหน้าฉายแววบางอย่างที่ยากจะอธิบาย
“นี่คือ...” เขาพึมพำ
อีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ ก้มมองรอยขีดด้วยความสงสัย
“นี่อะไร?”
“ที่ๆเราเคยใช้วัดส่วนสูงด้วยกัน ตอนนั้นเรามีกันสามคน…” เสียงแผ่วเบาดังขึ้น ร่องรอยความทรงจำเลือนลางเหมือนจะกลับมาชัดเจนขึ้นทุกครั้งที่ปลายนิ้วสัมผัสรอยขีดนั้น
“ใครคือ ‘เรา’?” อีกฝ่ายถามด้วยความอยากรู้
เขาเงียบไปอีกครั้ง ดวงตาสีเทามองเลื่อนลอยออกไปไกล ราวกับพยายามค้นหาภาพที่หล่นหาย
“จำได้ลางๆว่าตอนเด็ก ฉันเคยมาที่นี่กับพวกเขา… เพื่อนผู้หญิงสองคนที่สนิทกัน แต่ฉันกลับจำใบหน้าของอีกคนหนึ่งไม่ได้”
อากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความสงบ เสียงลมพัดแผ่วพาเอากลิ่นหอมของดอกไม้ลอยมา ศาลาหินสีขาวตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางพุ่มไม้เขียวขจี เสาต้นที่มีรอยขีดเล็กๆ ดูเป็นหลักฐานของความทรงจำในอดีตที่ยังคงทิ้งร่องรอยเอาไว้
เธอมองเขาด้วยความตั้งใจ น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยถาม
“พวกเธอสำคัญกับนายรึเปล่า?”
เขาถอนหายใจเฮือกเบาๆ เงยหน้ามองเพดานศาลา ขณะเอ่ยเสียงแผ่วที่เจือความสับสน
“ไม่รู้สิ… ฉันจำไม่ได้ แค่รู้สึกว่ามันมีบางอย่างเกี่ยวกับพวกเขา… เกี่ยวกับที่นี่”
นิ้วยังคงไล้ไปตามรอยขีดบนพื้นผิว ราวกับหวังจับต้องความทรงจำที่หล่นหาย
“ฉันเคยพยายามตามหาที่นี่ แต่สิ่งที่เจอ กลับเป็นเพียงย่านสลัมที่ไม่มีอะไรเหมือนกับในความทรงจำ มันเลยทำให้ฉันสงสัยว่า...บางทีความทรงจำที่มีอาจไม่ใช่เรื่องจริง หรือไม่ก็...”
คำพูดหยุดลง ความเงียบครอบงำ ขณะลมพัดผ่านเบาๆ เขาเอ่ยต่อด้วยเสียงที่เจือความไม่แน่ใจ
“...หรือไม่ก็ ที่นี่ไม่ใช่โลกที่ฉันเคยอยู่”
หญิงสาวมองด้วยความสงสัย ฟังอย่างตั้งใจโดยไม่พูดแทรก สายตาจับจ้อง ราวกับต้องการให้ทุกคำพูดถูกปลดปล่อยออกมา
“แล้วนายทำยังไงกับความทรงจำพวกนั้น?”
เขาถอนหายใจยาว ราวกับกำลังปลดปล่อยน้ำหนักบางอย่างในใจ
“ฉันพยายามเลิกสนใจมัน” เสียงเรียบนิ่งแฝงความเหนื่อยล้า “ฉันใช้ชีวิตไปตามปกติ พยายามบอกตัวเองว่า สิ่งเหล่านั้นเป็นแค่ภาพหลอน… เป็นแค่อาการป่วย หากปล่อยไว้มันก็หายไปเอง”
สายตามองออกไปยังต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลจากศาลา ใบหน้าครุ่นคิด
“แต่กลับกลายเป็นว่าสิ่งเหล่านั้นไม่เคยหายไปไหน มันยังอยู่กับฉันตลอด โดยเฉพาะตอนที่ฉันมาที่นี่…”
ดวงตาสีเทาจับจ้องไปยังจุดใต้ต้นไม้ใหญ่ ราวกับเห็นภาพบางอย่างที่คนอื่นมองไม่เห็น
“ฉันเห็นเด็กสามคนยืนอยู่ตรงนั้น ใกล้ๆกับต้นไม้นั้น…” เขาชี้ไปยังต้นไม้ใหญ่ มือสั่นเล็กน้อย “พวกมันติดตามฉันมาตลอด และตอนนี้เหมือนจะนำทางให้ฉันไปที่นั้น”
อีกฝ่ายหันมองตาม แต่ไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติ
“ไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้นน่ะ” เสียงเรียบนิ่งแต่หนักแน่นเอ่ยขึ้น ขณะหลับตาลง พยายามใช้พลังเวทสัมผัสถึงสิ่งที่ผิดปกติ กระแสพลังแผ่ขยายออกไปทั่วบริเวณ แต่กลับไม่พบอะไรที่เป็นข้อพิรุธ
“มานารอบต้นไม้นั้นไม่มีอะไรผิดปกติ” เธอกล่าว น้ำเสียงหนักแน่นแต่สีหน้ากลับสะท้อนถึงความลังเล
เขายังคงจ้องไปที่เดิม ร่างกายแน่นิ่ง ก่อนถอนหายใจเบาๆ มือยกขึ้นลูบต้นคออย่างเหนื่อยล้า ดวงตาสีเทาฉายแววเหมือนคนที่แบกรับบางสิ่งมานานเกินไป
“ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนบอกฉันแบบนั้นหรอก” เสียงที่เจือความขมขื่นเล็กน้อยดังขึ้น
“ฉันเคยลองเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟัง… แต่ก็ไม่มีใคร เชื่อ และ เห็นเหมือนสิ่งที่ฉันเห็น”
คำพูดนั้นทำให้อีกฝ่ายนิ่งคิด เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แฝงความลังเล
“หรือบางที… อาจจะมีอะไรบางอย่างอยู่จริงๆ”
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ยกมือขึ้นช้าๆ กระแสพลังเวทย์แผ่ขยายออกจากร่างของเธอไปผสมครอบคลุมมานาถึงบริเวณต้นไม้ และ บริเวณโดยรอบอย่างเอ่อล้น
แต่แล้วเธอก็สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงความขัดแย้งระหว่างสัมผัสและสิ่งที่มองเห็น เธอสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ไม่สมดุล เมื่อพลังของเธอแผ่ไปถึงพื้นที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ตรงหน้า กระแสมานาที่ควรจะตอบสนองต่อแรงกดดันของเธอกลับแสดงออกสองสิ่งที่ขัดแย้งกันอย่างประหลาด
เธอสัมผัสได้ว่ามานากำลังไหลตามแรงควบคุมของเธอ เหมือนกับน้ำที่เคลื่อนไหวตามการกวนน้ำของมือ แต่ภาพที่ปรากฏกลับนิ่งสนิท ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ราวกับไม่มีอะไรแตะต้องมัน ทำให้เธอต้องหยุดพิจารณา
"แปลกมาก" เธอเอ่ยขึ้น สีหน้าของเธอฉายความสงสัยลึกซึ้ง
"นี่...มันแปลกจริงๆ ฉันไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน"
เขาเบือนสายตามาสบกับเธอ ใบหน้าเขาดูอ่อนล้า
สายตายังจับจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างละเอียด เด็กสามคนยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ท่ามกลางแสงสีทองที่สาดส่องลงมาจากฟากฟ้า สร้างเวทีที่ทำให้ภาพนั้นดูเหมือนจริงจนน่าหลงใหล
เด็กชายในภาพ ดูเหมือนเขาตอนเด็ก ดวงตาสีเทาหม่นสะท้อนเจตนาบางอย่าง เขายืนอยู่ตรงกลาง มือทั้งสองข้างจับกล่องไม้ขนาดใหญ่กว่าตัวเล็กน้อยไว้แน่น ราวกับมันเป็นสมบัติล้ำค่าที่เขาจะไม่มีวันยอมปล่อย
ทางขวาเป็นเด็กสาวที่มีเรือนผมสีขาวเงินที่ส่องประกายระยิบระยับยามต้องแสงสีทอง แม้ร่างกายเธอจะพร่ามัว แต่เส้นผมสีเงินนั้นกลับเด่นสะดุดตาอย่างประหลาด ทำให้สายตาของเขาไม่อาจละไปได้ ทว่าทุกครั้งที่เขาพยายามเพ่งมองใบหน้าของเธอ มันกลับเลือนหาย ราวกับเธอปฏิเสธที่จะถูกจดจำ
ทางซ้ายมีเด็กหญิงอีกคนนึง เธอมีผมสีทองยาวและดวงตาสีเขียวมรกต ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสดใสและความเชื่อมั่น เหมือนกับตอนที่เขาเคยอยู่ด้วยกันดังเช่นในอดีต เธอยิ้มกว้าง มือหนึ่งจับไหล่ของเขาเอาไว้ ขณะที่มืออีกข้างหนึ่งชี้ไปยังกล่องไม้ในมือของเด็กชาย ก่อนจะหันไปพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
แสงสีทองที่สาดลงมาทำให้ทุกอย่างในภาพดูราวกับเป็นฉากในฝันที่สมจริงยิ่งกว่าความเป็นจริง ความอบอุ่นและความสุขจากภาพนั้นแผ่ซ่านเข้ามาจนเขารู้สึกได้ แต่ยิ่งมอง ภาพนั้นก็ยิ่งคลุมเครือราวกับมันกำลังหลบหนีไปจากสายตา
แต่ในความเลือนลางนั้น บางสิ่งกลับผุดขึ้นมาในห้วงความคิด…
กล่องไม้
ภาพกล่องปรากฏขึ้นในความทรงจำ มันดูเรียบง่าย แต่กลับให้ความรู้สึกว่าข้างในนั้นบรรจุสิ่งสำคัญบางอย่างเอาไว้ และเขาจำได้ชัดเจนว่า…
พวกเขาเคยฝังกล่องใบนั้นไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่
เขาเบิกตากว้างเล็กน้อย หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ความรู้สึกแปลกประหลาดที่หลั่งไหลมาทำให้เขาก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว ก่อนจะหันไปมองหญิงสาวข้างกาย
"ฉัน…ขอไปดูอะไรหน่อย" น้ำเสียงของเขาแผ่วเบา แต่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่น
เธอมองเขาด้วยความสงสัย แต่ไม่ได้ซักถามอะไร เพียงพยักหน้ารับ และ ก้าวตามไปอย่างเงียบๆ
เขาเดินตรงไปยังต้นไม้ใหญ่ แต่ละก้าวของเขาหนักแน่นขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาสีเทาหม่นจับจ้องไปยังพื้นดินเบื้องหน้า ราวกับถูกชักนำด้วยสิ่งที่มองไม่เห็น
เมื่อเขาเดินเข้าใกล้ ภาพหลอนของเด็กทั้งสามค่อยๆจางลงอย่างช้าๆราวกับหมอกที่ถูกลมพัดพาไป จนกระทั่งมันเลือนหายไปในที่สุด อากาศเย็นวูบสัมผัสผิว เสียงรอบตัวเงียบงัน ราวกับเวลาได้หยุดนิ่ง
เมื่อมาถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ เขาหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะคุกเข่าลง มือสั่นเล็กน้อยขณะที่เริ่มใช้ปลายนิ้วเขี่ยใบไม้แห้งและดินออกจากพื้นบริเวณนั้น
เธอยืนเฝ้ามองเขาเงียบๆ "นายกำลังหาอะไร?" เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
เขาไม่เงยหน้าขึ้น แต่ตอบเบาๆขณะมือยังคงขุดต่อไป "บางอย่างที่ฉันเคยซ่อนไว้…เมื่อนานมาแล้ว"
เมื่อเขาค่อยๆขุดพื้นดินเบื้องหน้า เสียงปลายนิ้วของเขาสัมผัสเข้ากับบางสิ่งที่แข็งและเย็น เขาดึงมันขึ้นมาอย่างระมัดระวัง กล่องไม้ใบเล็กปรากฏขึ้นจากชั้นดินที่ปกคลุมมันมานาน
"นี่น่ะหรอ คือสิ่งที่อยากจะบอก?" เขาพึมพำเบาๆขณะจ้องมองกล่องไม้ธรรมดาในมือ สีหน้าเขาฉายแววสับสนราวกับไม่เชื่อว่านี่คือสิ่งที่ภาพหลอนพยายามชี้นำให้เขาเห็น
มันเป็นกล่องไม้ธรรมดา ไม่มีลวดลาย ไม่มีสีสันโดดเด่น เป็นเพียงไม้เก่าที่ขอบเริ่มผุกร่อนตามกาลเวลา ความทรงจำเกี่ยวกับมัน เคยถูกเขาเพิกเฉยไปนาน ราวกับมันไม่เคยมีอยู่เลย—จนกระทั่งเมื่อครู่นี้
เขาค่อยๆ ลูบมันเบา ดวงตาของเขาฉายแววซับ หญิงสาวมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเงียบงัน ก่อนจะเอ่ยถามเบาๆ
“ในนั้นมีอะไร…?” ชายหนุ่มเงยหน้ามองเธอ ดวงตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะตอบด้วยเสียงที่แผ่วเบา
“...ความทรงจำของฉัน”
Waiting for the first comment……
Please log in to leave a comment.