ตอนที่ 2 งาน
เสียงอึกทึกครึกโครมดังแว่วๆ เข้ามาในหู แสงสว่างซึ่งสลัวรางจากแสงแดดช่วงเช้าส่องลอดเข้ามาผ่านกระจกสีทึบ เช้าวันใหม่ มาเยือนแล้ว ผมไม่รู้ตัวจริงๆ ว่าตัวเองเผลอหลับไปตอนไหนหลังจากเมื่อคืนที่ผมคร่ำครวญร้องไห้กับตัวเอง
ผมเดินกลับเข้ามาในครัวแล้วตรวจดูว่าเสื้อผ้าที่ผมผึ่งพัดลมเอาไว้เมื่อคืนมันแห้งสนิทดีแล้วหรือยัง กระเป๋าสะพายเริ่มแห้งแม้จะยังมีความชื้นอยู่นิดหน่อย ผมเหลือบตาขึ้นไปมองดูนาฬิกาตรงข้างผนังห้อง เห็นว่ามันเป็นเวลาเก้าโมงกว่าแล้ว
ท้องของผมร่ำๆ ร้องหาอาหารอีกครั้ง ผมยืนนิ่งมองตู้แช่ใบใหญ่แล้วเปิดออกมองดูอาหารแช่แข็งจำนวนมากซึ่งอัดอยู่ด้านในก่อนจะปิดมันลง
ผมหยิบไม้กวาดซึ่งวางพิงไว้ตรงมุมห้องออกมาแล้วจัดการ ใช้มันทำความสะอาด กวาดภายในห้องครัวจนสะอาดก่อนจะเดิน เข้าไปกวาดภายในร้านด้านใน พร้อมกับจัดเรียงโต๊ะเก้าอี้จนเข้าที่เรียบร้อยแล้ว ผมจึงเดินกลับมายืนอยู่หน้าตู้แช่อีกครั้ง
“ผมทำงานแล้วนะ อืม...ผมขออาหารในนี้ได้หรือเปล่า คุณจะคิดว่าผมขโมยมั้ย”
ผมพูดกับประตูตู้แช่แล้วดึงมันเปิดออกอีกครั้งก่อนจะหยิบเอาไข่ไก่ออกมาสองฟองแล้วนำมันมาใส่หม้อต้มบนเตา ก่อนจะหยิบห่อวุ้นเส้นสำหรับทำยำวุ้นเส้นแล้วโยนมันใส่ลงไปในน้ำร้อน เสียดายที่ภายในครัวนี้ไม่มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไม่อย่างนั้นผมคงได้กินอะไรที่มันอิ่ม และอยู่ท้องมากขึ้น
ผมจัดการตักวุ้นเส้นนุ่มๆ นั้นขึ้นมาแล้วปรุงมันด้วยผงปรุงรสอย่างง่ายๆ ปอกไข่ต้มผสมลงไปแล้วกินมันด้วยความหิว เสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังเดินอย่างเร็วๆ ตรงมาทางประตูด้านหลังซึ่งผมใช้มันเข้ามาเมื่อคืนนี้
ผมคว้ากระเป๋าสะพายขึ้นมากอดพร้อมกับยืนนิ่งรอดูว่าคนที่กำลังเดินเข้ามาเป็นใครและการที่ผมเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตนี้หวังว่าคงไม่มีใครแจ้งตำรวจมาจับผมหรอกนะ
“ไอ้เหี้ยป้อน” เสียงเรียกชื่อผมดังมาจากด้านหน้า หลังจากบานประตูนั้นถูกดึงให้เปิดออก
“พี่กบ” ผมวิ่งเข้าไปหารุ่นพี่คนที่ผมตามหาด้วยความดีใจจนน้ำตาไหล
“มึงมาทำอะไรในนี้เนี่ย” รุ่นพี่โรงเรียนเก่าถามผมพร้อมกับกวาดตามองไปทั่วห้องครัว
“ก็เมื่อคืนผมโทรหาพี่ ส่งข้อความหาพี่ก็ไม่ตอบ ผมนั่งรอพี่ตรงลานจอดรถทั้งคืนเลยนะ แล้วประตูมันไม่ได้ล็อกผมไม่รู้จะไปนอนที่ไหนก็เลยเข้ามานอนรอพี่ในนี้” ผมรู้สึกปลอดโปร่งในใจ ความกลัวความกังวลทั้งหมดถูกปัดเป่าหายไปจนสิ้น เพียงแค่ได้เจอรุ่นพี่ที่ผมตามหา
“เออ โทษทีพอดีเมื่อคืนกูยุ่งๆ ตอนทำงานรับโทรศัพท์ไม่ได้ด้วยเลยไม่ได้รับสายมึง พออ่านข้อความกูก็ถึงห้องแล้วอ่ะ แล้วนี่มึงเข้ามาในนี้ได้ยังไงเนี่ย เดี๋ยวเขาก็คิดว่ามึงมาขโมยของในร้านหรอก” พี่กบมองไปรอบๆ ห้องครัวแล้ววกกลับมาจ้องหน้าผมอีกครั้ง
“ผมไม่ได้ขโมยอะไรเลยนะ พี่กบขอผมไปอยู่กับพี่ได้หรือเปล่า” ผมถามรุ่นพี่ที่เคยเอ่ยปากชวนผมไปอยู่ด้วยเมื่อนานมาแล้ว
“กบเหี้ยอะไรล่ะ กูเปลี่ยนชื่อแล้ว” พี่กบยกมือมาตบหัวผมเบาๆ
“หือ...เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนทำไมล่ะ”
“เออ...เรื่องของกู แต่อยู่ที่นี่กูชื่อแก๊ป”
พี่กบ หรือ พี่แก๊ป ดีดหูผมหลายทีกว่าผมจะเรียกชื่อพี่แก๊ปได้คล่องปากเพราะผมยังไม่คุ้นกับชื่อใหม่ที่ฟังดูทันสมัยของพี่แก๊ป เพราะแบบนี้นี่เองเมื่อคืนนี้พอผมไปถามผู้ชายสองคนนั้นถึงไม่มีคนรู้จักพี่กบ
“ตกลงว่าผมขอไปอยู่กับพี่นะ” ผมขยับกระเป๋าสะพายบนหลังให้กระชับตัวยืนจ้องหน้าเพื่อเป็นการกดดันรุ่นพี่ที่อายุมากกว่าผมสองปี
“เอ่อ...ตอนนี้เหรอ กูก็อยากให้มึงไปอยู่ด้วยอยู่หรอกนะแต่ว่า กูไม่สะดวกจริงๆ ว่ะ ขอโทษทีนะป้อน” พี่แก๊ปก้มหน้าหลบสายตาผมด้วยท่าทีลำบากใจจนผมหัวใจร่วงตุ้บตกพื้นทันที
“แต่ผมไม่มีที่อยู่นะพี่แก๊ป แล้วผมจะทำยังไงดีล่ะ” ผมเงยหน้าขึ้นไปปรึกษากับพี่แก๊ปรู้สึกเหมือนความกังวลที่เพิ่งคลายไปเมื่อ สิบนาทีก่อนนั้นก่อตัวเป็นพายุลูกใหญ่ซัดโครมเข้ามาหาผมอีกครั้ง
“มึงก็เช่าหอไง แถวนี้พอจะมีหอพักถูกๆ เดือนละสองสามพันน่าจะมีเดี๋ยวกูช่วยหา” พี่แก๊ปยื่นมือมาวางบนไหล่อันห่อเหี่ยวของผม
“ฮะ สองสามพันเลยเหรอ ผมไม่มีเงินขนาดนั้นหรอกพี่แก๊ป” ผมยืนตัวชาเพราะนึกถึงเงินแค่สี่ร้อยกว่าบาทในกระเป๋าทันที
“เงินสองสามพันมึงก็ไม่มีเหรอป้อน แล้วนี่มึงมาที่นี่ได้ยังไง” พี่แก๊ปขมวดคิ้วถามผมทันที
สิ่งที่ผมตอบกลับไปก็เพียงแค่การส่ายหน้าไปมาช้าๆ เท่านั้น ริมฝีปากทั้งสองของผมถูกบีบเม้มเข้าหากันเพราะผมยังไม่อยากพูดถึงเหตุผลที่ทำให้ผมต้องระหกระเหินมาไกลถึงที่นี่
“พี่แก๊ป พี่ช่วยผมหางานได้มั้ย ที่นี่น่ะรับคนงานหรือเปล่า” ในเมื่อหาที่พักยังไม่ได้ผมก็ต้องหาเงินเข้ากระเป๋าโดยการหางานทำให้ได้เร็วที่สุด
“งานน่ะมีแต่...มึงจะทำแน่เหรอ” พี่แก๊ปมองผมด้วยสายตาแปลกๆ
“พี่แก๊ปทำงานอะไร ที่นี่น่ะคงไม่ใช่...แบบว่า”
ถึงผมจะเป็นเด็กบ้านนอกแต่ผมก็พอจะดูออกว่าบาร์แห่งนี้ ทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร เพราะตอนที่ผมกวาดทำความสะอาดร้านผมเห็นบนเวทีด้านหน้ามีเสาสเตนเลสตั้งอยู่ มีรูปผู้ชายหุ่นล่ำๆ ถอดเสื้อใส่แค่กางเกงในเป็นป้ายไฟยืนเรียงกันเป็นแถวๆ แถมหน้าห้องน้ำยังมีตู้ขายถุงยางอนามัยแบบหยอดเหรียญด้วย
“พอๆ หุบปากไปเลย เรื่องงานกูจะลองถามคุณเนลสันให้ แต่ต้องรอให้คุณเนลสันกลับมาจากเมืองนอกก่อนนะ คงอีกสองสามวัน แล้วนี่เรื่องที่พักมึงจะเอายังไง แต่กูคงให้มึงไปอยู่ด้วยไม่ได้หรอกนะป้อน กูไม่สะดวกจริงๆ”
“ถ้าอย่างนั้น ผมขอนอนที่นี่ต่อไปก่อนได้มั้ย” ผมหันไปมองรอบๆ ห้องครัวแล้วถามรุ่นพี่ทันที
“มึงจะบ้าเหรอไอ้ป้อน มึงจะนอนที่นี่ได้ยังไง” พี่แก๊ปทำตาโตใส่ผม
“ทำไมล่ะ เมื่อคืนผมยังนอนที่นี่เลย น่านะพี่แก๊ปไม่มีใครรู้ สักหน่อย” ผมเอื้อมมือไปเขย่าแขนรุ่นพี่พร้อมกับอ้อนวอน
“ถ้าเกิดคุณเนลสันรู้เข้า กระทืบมึงตายห่าคาตีนเลยนะป้อน”
“คุณเนลสันคือใคร เจ้าของร้านเหรอ” ผมยืนทำหน้างงส่งให้พี่แก๊ป
“เออสิ ดุฉิบหายเลยล่ะ”
“แล้วพี่จะให้ผมทำยังไง ผมไม่มีเงิน ผมไม่มีที่ไปจริงๆ”
ผมยังไม่ทันอ้าปากคุยกับพี่แก๊ปต่อ เสียงใครหลายคนกำลังเดินพูดคุยกันใกล้เข้ามาจากด้านหลังประตู พี่แก๊ปตาลีตาเหลือก คว้าคอเสื้อของผมแล้วจับผมยัดใส่เข้าไปในห้องเก็บของเล็กๆ ข้างๆ ห้องครัวก่อนจะปิดประตู
“เข้าไปแล้วเงียบๆ ห้ามออกมานะมึง”
ผมถูกพี่แก๊ปจับโยนเข้ามาอยู่ข้างในโดยที่ผมไม่กล้าขยับตัว ไปไหนนอกจากเดินไปกอดกระเป๋าสะพายไว้แนบอกแล้วนั่งซุกอยู่ตรงมุมห้องข้างๆ กองไม้กวาดกับไม้ถูพื้น ลังกระดาษลูกฟูกสำหรับใส่น้ำยาล้างห้องน้ำถูกผมเอามาปูลาดลงบนพื้นแทนเสื่อ
เสียงเอะอะโวยวาย เสียงคนพูดจาหยอกล้อสลับกับเสียงพูดด่าทอล้อเล่นดังมาเป็นระยะๆ จนผ่านไปนานหลายชั่วโมง เสียงดนตรีเริ่มดังขึ้นเป็นจังหวะต่างๆ พร้อมกับเสียงคนพูดใส่ไมค์ประกาศเรียกชื่อใครต่อใครหลายคนพร้อมกับเบอร์ประจำตัว
ผมเงี่ยหูฟังได้ยินคนเรียกชื่อพี่แก๊ปพร้อมเบอร์ประจำตัว จึงพอเดาออกว่าภายในบาร์แห่งนี้พี่แก๊ปทำงานอะไร ผมนั่งฟังทุกอย่างนานหลายชั่วโมงจนท้องเริ่มหิว ชั่วเสี้ยววินาทีประตูห้องตรงหน้าถูกดึงให้เปิดออกพร้อมกับขนมปังห่อหนึ่งถูกโยนเข้ามาด้านในแล้วประตูก็ถูกดึงให้ปิดลงเหมือนเดิม
อย่างน้อยพี่แก๊ปก็ไม่ปล่อยให้ผมหิวตายอยู่ในห้องเก็บของนี้ ผมกินขนมปังชิ้นนั้นแล้วนั่งรอต่อไปจนเสียงต่างๆ เงียบลงแล้วประตูห้องถูกเปิดออกอีกครั้ง
“พี่แก๊ป ผมไม่มีที่ไปจริงๆ นะ” ผมยืนก้มหน้ามองพื้นด้วยความหดหู่ใจในความอับจนหนทางของตัวเอง
“กูก็ไม่รู้จะช่วยมึงยังไง เอาเป็นว่า คืนนี้...มึงก็หลบนอนในนี้ไปก่อนแล้วกัน เอาไว้ถ้าคุณเนลสันกลับมากูจะถามให้ว่าจะรับมึงมาทำงานหรือเปล่า”
“จริงๆ นะ พี่แก๊ปจะถามให้ผมจริงๆ นะ” ผมยิ้มทั้งน้ำตาเพราะดีใจที่อย่างน้อยผมก็มีความหวังว่าจะได้งานทำ
“อืม กูจะถามให้ ป้อนทำไมอยู่ๆ มึงถึงมาหากู” พี่แก๊ปตีหน้านิ่งแล้วถามผมอีกครั้งด้วยสีหน้าจริงจัง
“เอาไว้....ผมจะเล่าให้พี่ฟังวันหลังแล้วกันนะ” ผมเหลือบตาขึ้นไปมองหน้าพี่แก๊ปแวบหนึ่งแล้วก้มลงมาหลบลงไปมองรองเท้าผ้าใบของพี่แก๊ปแทน
“แล้วแต่มึงแล้วกัน มึงอยู่คนเดียวได้แน่นะ” พี่แก๊ปเงยหน้ากวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องครัว
“อืม...ได้ดิ เมื่อคืนผมยังอยู่ได้เลยสบายมาก” ผมฝืนยิ้มแล้วพยักหน้าช้าๆ
“ขอโทษนะ ที่กูช่วยมึงได้แค่นี้”
“ไม่เป็นไร...แล้วนี่พี่จะกลับแล้วเหรอ”
“อืม กูต้องกลับแล้ว มึงก็นอนในนี้ไปก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้คนจะเริ่มเข้ามาที่ร้านตอนบ่ายโมงมึงก็รีบทำอะไรให้เรียบร้อย หาอะไรกิน แล้วก็มาหลบในนี้ไปก่อนอย่าให้ใครเห็นล่ะ”
ผมกับพี่แก๊ปเรามีความลับร่วมกันคือการที่ผมแอบหลบอาศัยอยู่ภายในร้านโดยไม่มีใครสังเกตเห็นมาสามวันแล้ว วันนี้หลังจาก พี่แก๊ปออกไปแล้วผมล็อกประตูทุกบาน แล้วจัดแจงอาบน้ำอาบท่า ซักเสื้อผ้าเอามาตากแขวนผึ่งพัดลมตามเดิม
ผมจัดการล้างถ้วยล้างจานทำความสะอาดห้องครัวแล้วเลยเข้าไปจัดเก้าอี้ กวาดพื้นในร้านเหมือนเมื่อคืนที่ผ่านมาเพื่อแลกกับที่ซุกหัวนอนและอาหารในคืนนี้
“อ๊ะ” ผมสะดุ้งจนสุดตัว เมื่อเงยหน้าขึ้นมาจากพื้นแล้วพบกับผู้ชายหน้าฝรั่งตัวโตยืนจ้องผมตาขวาง
“ขโมย!” ผมยกไม้กวาดในมือแล้วฟาดใส่หัวขโมยที่แอบเข้ามา ภายในร้านลงไปแรงๆ หลายครั้ง พร้อมกับอ้าปากร้องตะโกนออกไป แต่ผมพูดไปได้แค่ไม่กี่คำเสียงของผมก็สะดุดเพราะอุ้งมือแข็งๆ ของ ผู้บุกรุกคว้าบีบลงมาตรงกรอบกระดูกขากรรไกรของผมจนกระดูกผมแทบหัก คนตัวโตผลักผมล้มลงไปนอนแผ่อยู่บนโต๊ะตัวหนึ่งแล้วกดท่อนแขนลงมาดันตรงคอหอยจนลูกกระเดือกของผมแทบแตก
“เธอเป็นใคร” เสียงแหบห้าวของฝรั่งตัวโตตรงหน้าถามผมเสียงเครียด
“ปล่อยนะ”
“ฉันถามว่าเธอเป็นใคร เข้ามาทำอะไรในนี้” เสียงผู้ชายหน้าฝรั่งแต่พูดภาษาไทยชัดแจ๋วถามผมเสียงเข้ม
“คุณต่างหากเข้ามาทำอะไร”
“ขโมยของมั้ง”
“ขโมยเหรอ ผมจะแจ้งตำรวจ ออกไปเลยห้ามมายุ่งกับของในนี้นะ”
ผมพยายามสะบัดข้อมือ เหวี่ยงแขนเหวี่ยงขาไปทั่วแต่เพราะผู้ชายซึ่งกดทับผมไว้ตัวโตกว่าผมมาก ท่อนแขนพ่อฝรั่งใหญ่ไม่ต่างอะไรกับท่อนขา ผมจึงทำได้แต่ขยับปากตอบโต้สนทนากับหัวขโมยหน้าตาดีคนนี้เท่านั้น
“ดี งั้นโทรเลยฉันจะได้แจ้งตำรวจว่าเธอบุกรุกร้านของฉัน”
“ร้านของคุณ หมายความว่ายังไง” ผมหยุดดิ้นแล้วจ้องหน้า พ่อฝรั่งตัวโตทันที
“ร้านนี้เป็นของฉัน เธอต่างหากเข้ามาทำอะไร”
“ร้านของคุณเหรอ คุณคือ...คุณเนลสันเหรอ” ผมเอ่ยทวนชื่อที่ผมจำได้ว่าพี่แก๊ปพูดถึงชื่อนี้ให้ได้ยินหลายครั้ง
“......” ฝรั่งหนุ่มยักคิ้วให้ผมแทนคำตอบ
“ผมจะรู้ได้ยังไงว่าคุณไม่ได้โกหก”
ผมถูกฝ่ามือหนาขยุ้มคอเสื้อแล้วจับผมเหวี่ยงขึ้นมาจากโต๊ะเพื่อลุกขึ้นมานั่งเผชิญหน้ากันตรงๆ มือหนาข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะดึงพาสปอร์ตเปิดกางออกตรงหน้า ผมเหลือบตาขึ้นไปจ้องภาพถ่ายขาวดำของผู้ชายในรูปพร้อมกับชื่อแรกแล้วจึงเริ่มมั่นใจว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้โกหก
“เนลสันจริงๆ ด้วย”
“ตอบมาเธอเข้ามาทำอะไรในร้านของฉัน”
“ผม...ผม คือผมมาทำความสะอาด” ผมก้มหน้าตอบออกไปเสียงแผ่ว ผมไม่ได้โกหกนะเพราะผมทำความสะอาดจริงๆ
“อย่างนั้นเหรอ ฉันจำได้ว่าพนักงานทำความสะอาดของฉันไม่ใช่เด็กมัธยมอย่างเธอ”
“ผมไม่ใช่เด็กมัธยมนะ ผมเรียนจบแล้ว” ผมเหลือบตาขึ้นไปมองใบหน้าหล่อจนเกินพอดีของคนที่บอกว่าเป็นเจ้าของบาร์แห่งนี้อีกครั้ง
“ออกไป”
“ฮะ”
“ออกไป” หนุ่มฝรั่งตัวโตลุกขึ้นยืนกอดอกมองผมตาเขม็ง
“แต่ผม...”
“ฉันไม่ได้อนุญาตให้เธอเข้ามาในร้านของฉันเพราะฉะนั้นออกไป”
“เอ่อคุณเนลสัน ขอผมทำงานที่นี่ได้มั้ยครับ จะให้ผมกวาดร้าน ทำความสะอาด ล้างจานก็ได้ ทำกับข้าวก็ได้ ให้ผมทำงานอะไรก็ได้ แต่คุณให้ผมทำงานที่นี่ได้มั้ยครับ” ผมส่งสายตาวิงวอนให้กับคนที่บอกว่าเป็นเจ้าของร้าน คนที่พี่แก๊ปเคยบอกว่าจะถามเรื่องงานให้ผม
ผมอยากทำงานที่นี่เพราะพี่แก๊ปเป็นคนเดียวที่ผมไว้ใจ เป็นคนเดียวที่ผมรู้จักในเมืองหลวงอันกว้างใหญ่นี้ อย่างน้อยในความเคว้งคว้างเดียวดายของผมก็ขอให้ผมได้ทำงานที่เดียวกับคนบ้านเดียวกันก็ยังดี
“เธอชื่ออะไร”
“ป้อน...ครับ”
“แล้วนี่เธอเข้ามาได้ยังไง ใครเป็นคนอนุญาตให้เธอเข้ามา” คุณเนลสันปล่อยมือออกจากคอเสื้อของผมแล้วเดินไปเลือกหยิบเหล้าฝรั่งขวดสวยๆ มาจากบนชั้น ตรงที่น่าจะเป็นบาร์สำหรับชงเครื่องดื่มแล้วรินมันใส่ลงไปในแก้วใบสวยก่อนจะยกขึ้นจิบอย่างช้าๆ
“เอ่อ...” ผมไม่กล้าอ้าปากบอกว่าพี่แก๊ปเป็นคนบอกให้ผมแอบหลบอยู่ในร้านเพราะผมกลัวว่าจะทำให้รุ่นพี่ที่ผมเคารพต้องเดือดร้อน
“ว่ายังไง ใครอนุญาตให้เธอเข้ามาในร้านฉัน”
“ผมแอบเข้ามาเอง แต่ผมไม่ได้ขโมยข้าวของอะไรนะครับ ผมหิว ผม...ไม่มีที่นอนก็เลยเข้ามาในนี้ แต่ว่าผมกวาดร้านให้คุณ ล้างจาน ล้างแก้ว เก็บทำความสะอาดแลกกับอาหารในตู้เย็น ผมไม่ได้ขโมยของจริงๆ นะ” ผมรีบอธิบายแล้วยืนยันความบริสุทธิ์ใจของผมทันที
“อยู่มากี่วันแล้ว”
“สามวันครับ” ผมตอบตามความเป็นจริง
“อยากทำงานที่นี่มากขนาดนั้นเลยเหรอ” คุณเนลสันเดินถือแก้วเหล้าเข้ามาหาผมในระยะประชิด ลมหายใจอุ่นๆ กรุ่นคลุ้งไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์เป่าลงมาบนใบหน้าผม
“ครับ อยากทำครับ” ผมพยักหน้าช้าๆ พร้อมกับก้าวเท้าถอยหลังไปหนึ่งก้าวเนื่องจากเห็นว่าเจ้าของร้านเข้ามาอยู่ในระยะประชิดเกินไป
“ได้ ฉันจะให้เธอทำงานที่นี่”
“จริงเหรอครับ ขอบคุณครับคุณเนลสัน ขอบคุณครับ” ผมทิ้งไม้กวาดในมือแล้วยกมือขึ้นมาประนมไหว้ขอบคุณเจ้าของร้านวัยหนุ่มด้วยความดีใจ
“เธอรู้ใช่มั้ยว่าที่นี่...เป็นร้านอะไร” คุณเนลสันปรายตาพยักพเยิดหน้าไปทางเวทีขนาดใหญ่
“ครับ ผมรู้”
“แล้วเธอ....อยากทำงานที่นี่ในตำแหน่งอะไร”
หลังจากที่ผมแอบอยู่ภายในร้านนี้มาสามวันทำให้ผมพอจะรู้ว่าที่นี่เป็นบาร์สำหรับคนที่มีรสนิยมเฉพาะ พนักงานที่นี่หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นผู้ชายทั้งหมดและนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการก็เกือบจะเป็นผู้ชายทั้งหมดเช่นกัน
คุณเนลสันขยับเข้ามาใกล้ผมอีก แก้วเหล้าใบสวยถูกยกขึ้นมาวางนาบไว้บนแก้มของผม ปลายนิ้วเรียวหนายกเชยคางให้ผมเงยหน้ามองตรงสบตาคมคู่สีน้ำตาลทอง
“เอ่อ...ผมอยากล้างจานในครัวครับ”
“อะไรนะ ล้างจาน” หัวคิ้วสีน้ำตาลเข้มกดเข้าหากันจนหน้าผากย่น
“ครับ”
“เธอรู้หรือเปล่าว่าเด็กล้างจานร้านฉันได้เงินค่าจ้างเท่าไหร่” สายตาเหยียดๆ ของคุณเนลสันมองลงมายังผมเหมือนคิดว่าสิ่งที่ผมพูดออกไปเป็นเรื่องตลก
“.....” ผมส่ายหน้าเพราะความไม่รู้ ก่อนจะก้าวถอยหลังมาอีกหนึ่งก้าวเพราะคุณเนลสันไม่ยอมหยุดเดินเข้ามาหาผมสักที
“อันที่จริง....มันมีงานอย่างอื่นที่เหมาะกับเธอมากกว่าการไปล้างจานอยู่ในครัวนะป้อน รายได้ดีกว่ามากเธอสนใจหรือเปล่า”
“เอ่อ...ไม่ครับ ผมเรียนมาน้อย ความรู้ก็ไม่มี ผมขอแค่ล้างจานอยู่ในครัวกับคอยเก็บกวาด ทำความสะอาดร้านก็พอแล้วครับ” ผมรีบปฏิเสธเจ้าของร้านและยืนยันในตำแหน่งหน้าที่ซึ่งตัวเองต้องการแม้มันจะได้ค่าจ้างค่าแรงอันน้อยนิดก็ตามที
“เรื่องนั้นเธอไม่ต้องห่วง งานนี้ไม่ต้องใช้ความรู้ ใช้แค่.....” คุณเนลสันก้าวเท้าชิดเข้ามาหาผมพร้อมกับโน้มใบหน้าลงมาหาจนเกือบชิด
“เด็กล้างจานได้เงินเท่าไหร่เหรอครับ” ผมก้าวเท้าถอยหลังหนีฝ่ามือที่กำลังเอื้อมเข้ามาใกล้ผมอีกครั้ง แล้วแสร้งถามหาเงินค่าจ้างค่าแรงงานของผม
“สามร้อยบาท ล้างจาน เก็บกวาด ทำความสะอาดร้าน”
คุณเนลสันหรี่ตาลงมามองคนตัวเตี้ยอย่างผมซึ่งยืนตัวลีบไหล่ห่ออยู่ตรงหน้า ผมหันคอเหลียวไปมองดูรอบๆ ร้านอีกครั้ง อันที่จริงผมก็เก็บกวาดทำความสะอาดร้านนี้มาสามวันแล้ว มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรมาก ส่วนใหญ่เป็นแค่พวกกระดาษทิชชู่ กระดาษซับมัน เท่านั้น ส่วนจานชามในห้องครัวส่วนมากเป็นพวกแก้วเหล้า แก้วเบียร์ ถังน้ำแข็ง จานออเดิร์ฟที่ไม่ได้สกปรกเหมือนร้านอาหารทั่วไป
“ครับ ตกลงแต่...ผมขอนอนที่ร้านได้หรือเปล่าครับ คือผมเพิ่งมาจากต่างจังหวัดแล้วผมยังไม่มีที่พัก อีกอย่าง...ตอนนี้ผมไม่มีเงินเลย”
“ในเมื่อเธอไม่มีเงินแล้วทำไมไม่รับข้อเสนอของฉัน งานสบาย รายได้ก็ดี” คุณเนลสันยื่นมือซึ่งยังคงถือแก้วเหล้าเอาไว้ออกมาแตะลงบนคางของผม ปลายนิ้วอุ่นๆ เกลี่ยไปมาช้าๆ แล้วค่อยๆ เลื่อนขยับมาแตะสัมผัสลงบนกลีบปากบางเบา
“ไม่ดีกว่าครับ ตกลงว่าคุณเนลสันรับผมเข้าทำงานใช่มั้ยครับ”
“ตกลง ฉันรับเธอให้มาทำงานที่นี่ก็ได้ เอาไว้ถ้าเบื่อฟองน้ำล้างจานเมื่อไหร่ก็บอกฉันแล้วกัน ส่วนที่พักฉันจะอนุโลมให้นอนที่นี่ไปก่อนชั่วคราว แต่บอกเอาไว้ก่อนนะว่าอย่าคิดไม่ซื่อกับฉันเพราะไม่อย่างนั้นเราได้เห็นดีกันแน่ๆ”
“ขอบคุณครับ...เอ่อ แล้วคุณเนลสันเข้ามาที่ร้านทำไมเหรอครับดึกขนาดนี้แล้ว” ผมออกปากถามเจ้าของร้านหนุ่มเพราะตอนนี้นาฬิกาบนผนังร้านซึ่งติดอยู่บนหัวนั่นบอกว่าจวนเจียนจะตีสองแล้ว
“ฉันนอนที่นี่”
“ฮะ อะไรนะครับ”
Waiting for the first comment……
Please log in to leave a comment.