ตอนที่ 4 เด็กล้างจาน
ผมเดินกลับเข้ามาในครัวแล้วจัดเก็บข้าวของทุกอย่างเข้าที่ ให้เป็นระเบียบ สายมากแล้วเมื่อความรู้สึกหิวร่ำร้องเตือนให้ผม หาอาหารเติมใส่เข้าไปในท้อง
“ทำอะไร” เสียงเจ้าของบาร์ทำเอาผมสะดุ้งเพราะผมไม่ทันรู้ตัวจริงๆ ว่าคนฝีเท้าเบาแอบย่องเข้ามายืนอยู่ในครัวตั้งแต่เมื่อไหร่
“เอ่อ...กำลังหาของกินครับ” ผมเงยหน้าเหลือบตามองดูเจ้าของอาหารในตู้แช่ทันที
“เช็กรายการของสดในตู้ให้ฉันที ของอะไรที่ใกล้จะหมดและควรซื้อ เพิ่มลงรายการมาให้หมดนะเข้าใจมั้ย” คุณเนลสันยื่นกระดาษขนาดเอสี่ซึ่งมีตารางรายการของสดพิมพ์ใส่เอาไว้
ผมเปิดตู้แช่แล้วตรวจดูรายการของต่างๆ ตามรายการแล้วเขียนจำนวนคงเหลือของทั้งหมดตามรายการจนครบแล้วยื่นส่งกระดาษแผ่นนั้นคืนให้เจ้านายฝรั่งซึ่งยืนกอดอกเฝ้าผมอยู่ข้างๆ
“เรียบร้อยแล้วครับ”
“ดี...ตามฉันมาเราจะออกไปซื้อของกัน”
ผมรู้สึกหายใจไม่สะดวกเลยที่ต้องนั่งมาในรถซึ่งเจ้านายฝรั่งเป็นคนขับ ซูเปอร์มาร์เก็ตสำหรับขายอาหารสด อาหารแช่แข็งอยู่ไม่ไกลจากบาร์มากนัก ผมทำหน้าที่เข็นรถคอยเดินตามคุณเนลสันซึ่งเดินเลือกซื้อของต่างๆ แล้วโยนมันใส่เข้ามาจนเกือบล้น กว่าคุณเนลสันจะเลือกซื้อของเสร็จก็เกือบเที่ยง ผมรู้สึกหิวจนแขนขาสั่นไปหมดแต่ก็ไม่กล้าบ่นเพราะกลัวว่าคุณเนลสันจะหาว่าผมขี้เกียจห่วงแต่กิน
“ไม่สบายหรือเปล่า” คุณเนลสันตั้งคำถามกับผม ขณะยืนกอดอกมองผมยกของขึ้นรถ
“เปล่าครับ”
“หน้าของเธอซีดจนเหมือนจะเป็นลมแล้ว หิวหรือยัง”
“........” ผมพยักหน้าแทนคำตอบ ส่วนคนถามไม่ได้พูดอะไรนอกจากชี้นิ้วไปยังร้านอาหารเล็กๆ ข้างซูเปอร์มาร์เก็ตแล้วบอกให้ผมยกของใส่รถให้เสร็จเรียบร้อย ส่วนตัวเองเดินไปนั่งรอในร้านอาหาร
ผมนั่งมือสั่นเพราะความหิวตักข้าวใส่ปากแทบจะไม่ตรง อาจจะเพราะผมยังไม่ได้กินอะไรเลยนอกจากน้ำเปล่ามาตั้งแต่เมื่อคืน เพราะพอคุณเนลสันกลับมาผมก็ไม่กล้ากินของที่อยู่ในตู้เย็นอีกเพราะกลัวจะถูกหาว่าเป็นขโมย
“หิวขนาดนี้ ทำไมไม่บอก” คุณเนลสันยกแก้วน้ำอัดลมขึ้นดื่มอึกใหญ่สายตาดุๆ มองมือสั่นๆ ของผมที่กำลังตักข้าวเข้าปาก
“ก็ผมยังทำงานไม่เสร็จ” ผมตอบไปด้วยตักข้าวใส่ปากไปด้วย
“อันที่จริงถ้าเธอปลุกฉันดีๆ ตั้งแต่เช้า เธออาจจะไม่ต้องทำงานหนักขนาดนี้ก็ได้นะ” คุณเนลสันยิ้มน้อยๆ ก่อนจะผลักจานข้าวของตัวเองมาตรงหน้าผม
“อะไรครับ” ผมมองจานข้าวตรงหน้าแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองดูเจ้านายฝรั่ง
“ฉันยังไม่หิว ถ้าเธอกินไม่อิ่มจะกินของฉันไปด้วยก็ได้” ผมก้มลงมองจานข้าวที่เจ้าของเพิ่งจะตักกินไปได้เพียงสองสามคำแล้วรู้สึกเสียดายขึ้นมาจับใจ
“คุณอิ่มแล้วเหรอครับ ยังเหลืออีกตั้งเยอะ” ผมมองดูบนจานข้าวที่มีเนื้อชิ้นใหญ่น่ากินแล้วนึกเสียดายขึ้นมาทันที
“ถ้าเสียดายก็กินซะสิ” คุณเนลสันเอนตัวลงไปพิงพนักเก้าอี้ สายตามองตรงมาทางผม
“ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้ขอบคุณตามความเคยชินเมื่อมีผู้ใหญ่ให้สิ่งของ อย่างที่เคยถูกสอนมาตั้งแต่เด็กแล้วไม่ได้สนใจว่าสายตาคู่สีน้ำตาลทองนั้นจะมองผมเหยียดหยามดูแคลนแค่ไหนกับการที่ผมยอมกินของเหลือเดนต่อจากเขา ผมมันก็แค่เด็กบ้านนอกจนๆ ไม่ได้ยืนอยู่ในจุดที่จะแสดงความหยิ่งผยองจองหองอะไรได้มากนัก
หลังจากกินมื้อเที่ยงเสร็จคุณเนลสันขับรถพาผมกลับมาที่ร้าน ผมจัดการขนของทั้งหมดเข้ามาเก็บและจัดเรียงให้เข้าที่ หลังจากนั้นพนักงานคนอื่นๆ จึงเริ่มทยอยเข้ามาในร้าน นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสเห็นหน้าตาของคนที่ทำงานภายในบาร์แห่งนี้นอกเหนือจาก พี่แก๊ป
ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลา หุ่นดี รูปร่างสมส่วนน่ามองทุกคน แต่ละคนอายุไม่น่าจะเกินสามสิบ ผมนับจำนวนคร่าวๆ แล้วได้ประมาณสามสิบหรือสี่สิบคนค่อยๆ ทยอยเข้ามาในร้านแล้วเดินหายเข้าไปด้านหลัง ซึ่งผมจำได้ว่ามันเป็นห้องแต่งตัว
“ไอ้ป้อนมึงออกมาทำไม” พี่แก๊ปวิ่งตาเหลือกมาคว้าแขนผมทันทีเมื่อมาถึง
“ออกมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ผมเจอเจ้านายของพี่แล้วด้วย คุณเนลสันน่ะ”
“ฉิบหาย แล้วนี่ทำไมมึงยังรอดมาได้วะเนี่ย” พี่แก๊ปจับตัวผมหมุนเป็นวงกลมเหมือนต้องการสำรวจให้แน่ใจว่าผมยังมีแขนขาครบถ้วน
“ก็เกือบถูกฆ่าตายอยู่เหมือนกัน พี่แก๊ปตกลงว่าคุณเนลสันยอมให้ผมทำงานที่นี่นะ” ผมรีบบอกข่าวดีกับรุ่นพี่ทันที
“อะไรนะ คุณเนลสันให้มึงทำงานที่นี่ หืออออ....แล้วเขาให้มึงทำอะไร” พี่แก๊ปตาเหลือกค้างอีกรอบ
“ล้างจาน กวาดร้าน ถูร้าน”
“ฮะ คุณเนลสันเนี่ยนะให้มึงล้างจาน...” พี่แก๊ปขมวดคิ้วทำหน้าเหมือนไม่เชื่อคำพูดของผม
“อืม ได้ค่าจ้างวันละสามร้อยแลกกับที่อยู่ด้วย ทีนี้ผมก็ไม่ต้องไปรบกวนพี่แล้ว”
ผมกับพี่แก๊ปยังไม่ได้คุยอะไรกันมากกว่านี้ ก็มีผู้ชายสองคนมากวักมือเรียกพี่แก๊ปออกไปเสียก่อนผมจึงหันกลับไปสนใจกับงานในครัวของตัวเอง
“เด็กใหม่เหรอ” เสียงของใครคนหนึ่งซึ่งเดินเข้ามาภายในห้องครัวถามผม
“เอ่อ...ผมเป็นเด็กล้างจานครับ”
“เดี๋ยวนี้เด็กล้างจาน ต้องน่ารักขนาดนี้เลยเหรอ” ผู้ชายคนเดิมเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับใช้ปลายนิ้วเชยคางผมขึ้นไปมองสบตาเจ้าชู้กรุ้มกริ่มน่ากลัว
“นั่นสิ หัวยังเกรียนอยู่เลยครบสิบแปดหรือยังเนี่ย” ผู้ชายอีกคนเดินเข้ามาใกล้ๆ พร้อมกับเอื้อมมือมาลูบผมบนหัวซึ่งมันยังยาวไม่มากเพราะผมเพิ่งตัดสั้นไปในช่วงก่อนสอบปลายภาคเมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมานี่เอง
“ใครปล่อยให้เด็กเข้ามาเดินเล่นในนี้ระวังนะไอ้หนูเดี๋ยวจะโดนจับกินตับ” ผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้น เรียกเสียงฮาครืนจากคนอื่นๆ ซึ่งชะโงกหน้าเข้ามายืนมองดูเหมือนผมเป็นตัวประหลาด
“ผมไม่ใช่เด็กนะ” ผมเบี่ยงตัวแล้วขยับหัวออกห่างจากฝ่ามือของคนสองสามคนที่พยายามจะยื่นมือเข้ามาสัมผัสตัวผม
“ล้างจานอย่างเดียวเหรอ แบบว่า...ล้างอย่างอื่นด้วยมั้ย ถ้ารับล้างอย่างอื่นพี่จะได้ชวนไปล้างที่ห้อง”
“เอ่อ...” ผมเดินถอยหลังไปจนตัวชิดติดกำแพง ความรู้สึกเหมือนผมเป็นลูกแมวตัวเล็กๆ ที่กำลังถูกฝูงหมาป่าตัวใหญ่ล้อมเตรียมจะลงมือขย้ำคอ
“เด็กล้างจาน คุณเนลสันให้ขึ้นไปหาที่ชั้นสาม”
ผู้ชายคนหนึ่งใส่เพียงกางเกงในสีเขียวมะนาวสะท้อนแสงตรงขอบกางเกงในมีป้ายชื่อติดเอาไว้ว่า “เพียว” เดินมาตะโกนเรียกตำแหน่งของผมท่ามกลางสายตาแปลกๆ ของฝูงหมาป่าตรงหน้า
“ครับ” ผมรีบพาตัวเองออกมาจากวงล้อมของผู้ชายเปลือยอกสามสี่คนตรงหน้าแล้วเดินออกมาจากห้องครัวทันที
เสียงเพลง เสียงดนตรีและเสียงดีเจซึ่งยืนโยกหัวอยู่บนเวที ด้านหน้ามีผู้ชายหุ่นล่ำๆ กล้ามเป็นมัดๆ ยืนเต้นโยกย้ายส่ายสะโพก แอ่นหน้า แอ่นหลัง รับกับเสียงโห่ร้องชอบอกชอบใจของคนที่ยืนออกันอยู่หน้าเวทีดังจนผมหูอื้อหน้ามืดตาลายไปหมด
ผมเดินขึ้นไปตามบันได ผ่านห้องกระจกซึ่งเป็นโซนวีไอพีหลายห้อง ด้านในนั้นคนมีเงินแต่งตัวดีกำลังนั่งดื่มโดยมีพวกผู้ชายกล้ามโตคอยรินเหล้าให้ บางห้องก็เหมือนชวนกันเล่นเกมหรือบางห้องก็ร้องเพลงคาราโอเกะ ซึ่งแต่ละคนแทบจะเรียกว่าไม่มีเศษผ้าติดตัวอยู่เลย ผมเดินขึ้นมาจนถึงหน้าห้องทำงานของคุณเนลสันที่ชั้นสามแล้วเคาะประตูเพื่อส่งสัญญาณว่าผมมาถึงแล้ว
“คุณเนลสันมีอะไรจะใช้ผมเหรอครับ”
“ห้องรก จัดการให้ที”
คุณเนลสันเอนหลังพิงพนักเก้าอี้หนังสีดำตัวใหญ่แล้วยกเท้าขึ้นมาวางพาดไว้บนโต๊ะทำงาน ซึ่งมีขวดเหล้าฝรั่งลายสวยตั้งอยู่ ข้างๆ นั้นมีแก้วเหล้าตั้งอยู่เคียงกัน ผมหันคอกวาดสายตาไปรอบห้องเพื่อสำรวจดูว่าผมควรจะเริ่มจากตรงไหนดีและผมต้องใช้อะไรบ้างในการทำงาน
“ครับ” ผมพยักหน้าแล้วเดินหันหลังวิ่งกลับลงไปชั้นล่างเพื่อหอบเอาอุปกรณ์ทำความสะอาดขึ้นมาแล้วเริ่มต้นลงมือทำความสะอาดไปทีละส่วน
“เอ่อ...คุณเนลสันครับ” ผมยืนลังเลอยู่ด้านข้างโต๊ะทำงานตัวใหญ่เพราะเป็นเพียงจุดเดียวที่ผมยังไม่ได้ลงมือเช็ดถู แต่เพราะเกรงใจท่อนขาใหญ่โตที่วางพาดกระดิกดิ๊กๆ อยู่นั้นเลยไม่กล้าเข้าใกล้
“มีอะไร”
“คือผม...จะถู ทำความสะอาดโต๊ะให้น่ะครับ คุณเนลสันช่วยขยับไปหน่อยได้หรือเปล่าครับ”
คุณเนลสันไม่ได้พูดอะไรแค่เหลือบตาขึ้นมามองผมนิดหน่อย ท่อนขาหนานั้นขยับแต่มันไม่ได้ทิ้งลงไปยืนบนพื้นห้องเพื่อก้าวเท้าหลบทางให้กับผม
เจ้านายฝรั่งหน้าดุตวัดเรียวขาข้ามหัวผมไปแล้วงอเกี่ยวเอวผมให้เซถลาเข้ามาปะทะตัวยืนอยู่ตรงกลางเป้ากางเกงยีนสีเข้ม ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งคว้าท้ายทอยผมดึงลงมาแล้วประกบปากชิด มืออีกข้างช้อนลงไปยกขาของผมให้งอขึ้นมาวางพาดไว้บนหน้าขาตัวเองท่วงท่าน่ากลัวชวนให้ผมขนหัวลุก
“เฮือกกกก คุณเนลสัน เอ่อ....ขอโทษครับที่เข้ามา...ขัดจังหวะ” เสียงใครบางคนดังมาจากด้านหลังผมซึ่งเป็นประตูห้อง
“คุณเนลสันผมเจ็บ...โอ๊ย” ผมร้องพร้อมกับกำมือเป็นรูปกำปั้นทุบลงไปบนไหล่หนาของคนที่ดันเก้าอี้หนังเลื่อนชิดเข้ามาจนขาของผมซึ่งถูกยกขึ้นมามันแทบจะขึ้นไปพาดคอเจ้าของบาร์อยู่ลอมล่อ
“มีธุระอะไรก็รีบพูดมา...ฉันกำลังยุ่ง”
“ครับ...เอ่อ”
“โอ๊ยเจ็บ...คุณเนลสันปล่อยผม” ผมพยายามขยับคอหนี แต่คุณเนลสันออกแรงบีบกดต้นคอของผมไว้จนผมไม่สามารถเอี้ยวตัวหันกลับไปมองคนที่เข้ามาในห้องได้ว่าเป็นใครกันแน่ ผมจึงใช้มือยันแผงอกร้อนๆ ของคนที่เกี่ยวรัดผมไว้ในท่วงท่าที่อาจทำให้คนที่เพิ่งเข้ามาในห้องเข้าใจผิด
“อยู่เฉยๆ สิป้อนเดี๋ยวก็เจ็บหรอก...ตกลงนายมีอะไร รีบพูดแล้วก็รีบไปเห็นหรือเปล่าว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่”
“อ๋อ...คุณสเตฟานมาครับ”
“บอกให้เขารอก่อน เสร็จจากตรงนี้ฉันจะลงไป”
“ครับ” เสียงผู้ชายคนนั้นรับคำก่อนจะปิดประตูลง นั่นแหละมือของคุณเนลสันถึงกดคอผมลงไปหาอีกครั้ง
“ต่อนะ”
“ไม่เอา ปล่อยผมนะ” ผมออกแรงผลักเก้าอี้ตัวใหญ่ให้มันถอยหลังห่างออกไปจากตัวผมแล้วคว้าถังสำหรับใส่อุปกรณ์ทำความสะอาดวิ่งหนีออกจากห้องทำงานเจ้าของบาร์ทันที
ผมวิ่งกลับเข้ามาในครัวตามเดิม โดยพยายามทำตัวให้เป็นปกติ แม้ผมจะรู้สึกถึงสายตาของใครหลายคนที่มองผมแปลกๆ ทั้ง พ่อครัว เด็กเสิร์ฟ รวมไปถึงพนักงานคนอื่นๆ ซึ่งบางคนเดินผ่าน หน้าห้องครัวซึ่งมันมีส่วนเป็นกระจกบานใหญ่
ผมรับรู้จากหางตาว่ามีคนใครหลายคนแอบมาด้อมๆ มองๆ อยู่หน้าห้องครัวเพื่อมองดูจนผมอึดอัด เรื่องของผมในห้องทำงานของคุณเนลสัน กลายเป็นข่าวซุบซิบนินทาให้คนอื่นๆ มองผมด้วยสายตาแปลกๆ เพียงช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
หลังจากปิดร้านช่วงเที่ยงคืนและลูกค้ากลับกันไปหมดแล้ว พนักงานส่วนใหญ่เริ่มเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับไปใส่เสื้อผ้าตามปกติ ที่ควรจะเป็นไม่ใช่เพียงกางเกงในตัวเดียวเดินร่อนไปทั่วร้าน ผมกำลังเดินเข้าไปภายในห้องแต่งตัวเพื่อเข้าไปรอเก็บเสื้อผ้าชุดแต่งกายที่หลายคนใช้ใส่ขึ้นไปแสดงโชว์บนเวทีเตรียมเอาไปซัก
ผมเปิดประตูเข้ามาภายในห้องซึ่งครึ่งหนึ่งถูกแบ่งเป็นส่วนของล็อกเกอร์เหล็กสำหรับให้แต่ละคนเก็บข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว ส่วนหนึ่งเป็นราวแขวนเสื้อผ้าซึ่งเป็นแยกเป็นสัดส่วน ราวเสื้อเชิ้ต เสื้อยืด กางเกง ชุดแฟนซี หมวก ถัดมาด้านหน้าเป็นเก้าอี้ไม้ยาวสำหรับนั่งวางเรียงกันซึ่งมีผู้ชายเปลือยอกนั่งคุย นั่งถ่ายรูปอยู่กันหลายคน ด้านข้างติดผนังห้องเป็นกระจกเงาบานใหญ่พร้อมเคาน์เตอร์ซึ่งด้านหน้ามีเครื่องสำอางวางเรียงกันจนแน่น
ทันทีเมื่อผมก้าวเท้าเข้าไปภายในห้อง เสียงพูดคุยเซ็งแซ่เมื่อครู่กลับเงียบกริบลงไปในทันที สายตาหลายคู่หันกลับมามองผมเป็นตาเดียว
“ไอ้ป้อนเข้ามาทำไม” พี่แก๊ปเป็นคนวิ่งมาคว้าข้อมือผมแล้วทำท่าเหมือนจะลากผมออกไปจากห้อง
“เดี๋ยวสิไอ้แก๊ป มึงจะพาน้องป้อนไปไหน” ผู้ชายตัวโตเดินส่ายอาดๆ เหวี่ยงเสื้อยืดสีดำตัวใหญ่ขึ้นไปพาดทิ้งไว้บนบ่าแล้วเอื้อมมือมาดึงแขนผมไว้ก่อนที่พี่แก๊ปจะลากแขนผมออกไปพ้นประตูห้อง
“ก็พวกพี่ยังเปลี่ยนชุดไม่เสร็จนี่ ถึงไอ้ป้อนมันจะเก็บห้อง ก็ยังทำความสะอาดอะไรไม่ได้ ให้มันไปเก็บห้องอื่นก่อนดีกว่า”
“มึงจะหวงทำไมวะแก๊ป” ผู้ชายคนเดิมพูดเสียงเยาะ
“พี่แม็กซ์...ไม่ดีมั้งพี่นี่มันเด็กคุณเนลสันนะ” เสียงผู้ชายคนหนึ่งพูดขัดขึ้นซึ่งผมจำได้ว่าเป็นเสียงเดียวกับคนที่เปิดประตูเข้าไปภายในห้องทำงานเมื่อช่วงหัวค่ำ
“ถ้าคุณเนลสันหวงจริง คงไม่ปล่อยให้มาเดินกวาดพื้นอยู่อย่างนี้หรอก...เอาแบบนี้ดีกว่า คืนนี้น้องป้อนไปช่วยพี่ทำความสะอาดห้องดีกว่าว่ายังไงสนใจมั้ยครับ”
ผมชำเลืองตาขึ้นมามองหน้าพี่แก๊ปแล้วเบียดตัวไปยืนหลบอยู่ด้านหลังรุ่นพี่โรงเรียนเก่าก่อนที่ท่อนแขนข้างหนึ่งจะอ้อมโอบมาดึงเอวผมให้เดินถอยหลังไปหา แผงอกแข็งๆ กับหัวไหล่กว้างทาบแนบตลอดแนวแผ่นหลังของผม
“เสร็จงานแล้วก็รีบกลับบ้านมัวทำอะไรกันอยู่” เสียงทุ้มห้าวแข็งๆ ดังอยู่เหนือหัวผมขึ้นไป
“พวกเรากำลังจะกลับแล้วครับ” ผู้ชายคนเดิมรีบบอกแล้วเปิด ล็อกเกอร์หยิบกระเป๋าออกมาสะพายพาดบ่า
“ส่วนเธอป้อน เธอยังทำให้ฉันไม่เสร็จ ไปทำต่อในห้องนอน” คุณเนลสันก้มลงมาสั่งผมอีก
ผมเข้าใจความหมายของคุณเนลสันว่าต้องการให้ผมขึ้นไปทำความสะอาดต่อ แต่ตอนนี้ในครัวผมยังมีจานกองโตกับแก้วเหล้าอีกเป็นร้อยใบแถมผมยังไม่ได้เก็บโต๊ะเก็บเก้าอี้ในร้านเลยด้วย
“แต่ว่า...” ผมอ้าปากอยากปฏิเสธแต่เจ้านายฝรั่งก้าวขายาวๆ เดินจูงมือผมขึ้นชั้นสองมาทันที
“เห็นมั้ยผมบอกแล้วว่านี่เด็กคุณเนลสัน”
Waiting for the first comment……
Please log in to leave a comment.