ตอนที่ 6 ของเล่น
ผมยืนนิ่งเป็นรูปปั้นไม่กล้าขยับ ไม่กล้าแม้แต่หายใจแรง สายตาของคนหลายสิบคนบนเวทีพุ่งมองมายังผมเป็นตาเดียวรวมไปถึงเจ้าของบาร์ซึ่งเอี้ยวหน้าหันคอมองมาทางผมด้วย
“ว่ายังไง สนใจอยากขึ้นโชว์กับพวกพี่หรือเปล่า” พี่แม็กซ์ถามย้ำกับผมอีกรอบ
“...............” ผมส่ายหน้าปฏิเสธแล้วก้มหน้าก้มตากวาดพื้นของผมต่อไป
เสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังก่อนที่ตัวผมจะถูกอุ้มยกลอยขึ้นจากพื้นให้เข้าไปนอนอยู่ในอ้อมแขนของรุ่นพี่ชื่อแม็กซ์คนเดิมที่เพิ่งชวนให้ผมขึ้นไปร่วมโชว์บนเวที
“ไม่เอา ปล่อยผมนะ” ผมฟาดฝ่ามือตีลงไปบนเสื้อยืดของพี่แม็กซ์ซึ่งอุ้มผมเดินตรงกลับไปยังเวทีซึ่งมีคนยืนยิ้มอย่างพอใจอยู่ หลายคน พี่แม็กซ์อุ้มผมมาวางผมลงบนพื้นเวทีก่อนจะยืนส่งยิ้ม เจ้าเล่ห์มาให้
“มาเถอะน่าป้อน มันไม่ยากเลยแค่ถอดเสื้อ ถอดกางเกง แล้วก็ถอด.....”
“ไม่...ไม่เอา” ผมปัดมือพี่แม็กซ์ที่กำลังเอื้อมล้วงลึกเข้ามาในเสื้อยืดของผมให้ออกไปไกลๆ
“อย่าดื้อสิป้อน นี่ถือเป็นงานสำคัญของร้านนะ” พี่แม็กซ์ใช้มืออีกข้างคว้าข้อมือผมไปยึดเอาไว้ก่อนจะแทรกเอาตัวเองเข้ามายืนอยู่ตรงกลางระหว่างหน้าขาทั้งสองข้างของผม รอยยิ้มหยันๆ น่ารังเกียจและน่ากลัวมันทำให้คลื่นอารมณ์อ่อนไหวในตัวของผมปั่นป่วนม้วนตัวตีตลบจนสมองของผมมองภาพทุกอย่างเหมือนตัวเองกำลังยืนอยู่กลางพายุหมุน
“ก็แค่ถอดเสื้อ...แล้วเดินบนเวทีเอง น่ารักๆ แบบป้อนแขกน่าจะชอบ” ภาพใบหน้าของพี่แม็กซ์เริ่มบิดเบี้ยวไม่ชัดเจนขึ้นทุกที
“ไม่เอาครับ”
“ลองดูแล้วจะติดใจ..” พี่แม็กยกชายเสื้อยืดของผมสูงขึ้นจนผิวเนื้อส่วนหน้าท้องของผมสัมผัสถึงลมเย็นๆ จากพัดลมตัวใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปพัดวูบมาปะทะผิว
“อย่า ไม่เอา” หัวสมองชาๆ ของผมพร่าเลือน ภาพและสัมผัสของพี่แม็กซ์เริ่มถอยห่างออกไปจากการรับรู้ของผม
“...........”
“ป้อน ป้อน”
อีกแล้ว.....เสียงใครตะโกนเรียกชื่อผมอีกแล้ว
ผมกลับมานอนอยู่บนโซฟาหนังซึ่งเคยใช้นอนทุกคืนโดยมีใบหน้าของคุณเนลสันจ้องมองผมอยู่ใกล้ๆ แอมโมเนียกลิ่นฉุนถูกยื่นจ่อลงมาอยู่ใต้จมูกผมเหมือนเมื่อนี้ไม่มีผิด
“ฉันต้องบอกอีกกี่ครั้งว่าเธอกินข้าวได้” คุณเนลสันดุผมเสียงเข้ม ไม่เพียงแค่น้ำเสียงแต่สีหน้าและแววตาของคุณเนลสันบ่งบอกชัดเจนว่าไม่พอใจผมอย่างมาก
“ก็เมื่อเช้าผมตื่นสายนี่ครับ คุณบอกว่าให้กินข้าวเจ็ดโมง เริ่มงานแปดโมง”
“ป้อน....ถ้าเธอเป็นลมให้ฉันเห็นอีกครั้งเดียว ฉันจะไล่เธอออก” คุณเนลสันโยนสำลีก้อนกลมซึ่งชุบแอมโมเนียจนชุ่มทิ้งลงไปบนโต๊ะกลางด้านหน้าโซฟา
ผมลุกขึ้นนั่งแล้วมองเลยขึ้นไปบนเวทีเห็นคนหลายคนกำลังมองลงมาที่ผมรวมถึงพี่แม็กซ์ด้วย ผมไม่ชอบสายตาของพี่คนนี้เพราะมันทำให้ผมอึดอัดและรู้สึกทุกครั้งเวลาสายตาคู่นี้ประสานกันกับผมมันเหมือนภาพเงาของอดีตสีดำจางๆ ที่ผมพยายามวิ่งหนีอยู่เริ่มเป็นรูปร่างและมีตัวตน
ผมกลับเข้ามาทำงานในครัวตามปกติและพยายามไม่สนใจ กับเสียงพูดจาค่อนแคะ ถากถางหรือบางคนที่พยายามล้อเลียนผมจากความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสิ่งที่พี่เพียวเอาสิ่งที่เห็นภายในห้องนอนเมื่อเช้านี้มาเล่าต่อ ซึ่งแน่นอนทุกคนคิดว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาผมคงนอนกับ คุณเนลสันไปเรียบร้อยแล้ว
“ป้อน” พี่แก๊ปเดินเข้ามาหาผมในครัวด้วยสภาพที่เกือบจะแก้ผ้าเพราะรุ่นพี่ของผมมีเพียงผ้าเตี่ยวผืนเล็กเท่าฝ่ามือปิดแปะอยู่ข้างหน้ากันงูเห่าโผล่หัวออกมาทักทายผมเท่านั้น
“พี่แก๊ป โชว์เสร็จแล้วเหรอ” ผมถามพร้อมกับมองดูรุ่นพี่ตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วไล่จากเท้าขึ้นไปจรดหัวอีกครั้ง
ผมไม่ได้รังเกียจหรือดูถูกดูแคลนในสิ่งที่พี่แก๊ปทำตรงกันข้ามผมนับถือในความซื่อตรงของรุ่นพี่คนนี้ เพราะเงินที่พี่แก๊ปหามาได้ผมรู้ว่าพี่แก๊ปส่งมันกลับไปจุนเจือครอบครัวแม่พ่อ ปู่ย่าตายายที่ต่างจังหวัดให้เปลี่ยนสภาพจากการกินข้าวคลุกน้ำปลาร้าให้ได้รู้จักกับการกินเนื้อ กินปลา กินของดีๆ มีเสื้อผ้าใหม่ใส่ มีเงินจ่ายเป็นค่าเทอมให้น้องๆ ได้เรียนหนังสือ ทุกอย่างมันมาจากพี่แก๊ปทั้งนั้น
“อืม...แล้วนี่มึงหายดีแล้วเหรอมายืนล้างจานอยู่นี่เดี๋ยวก็เป็นลมหน้าทิ่มไปอีกหรอก”
“ผมไม่เป็นอะไรแล้ว”
“อืม..ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว” พี่แก๊ปเอื้อมมือลงมาหยิบแก้วจากในซิ้งค์ล้างจานแล้วหมุนมันไปมาอยู่ครู่หนึ่ง
“พี่แก๊ปมีอะไรหรือเปล่า”
“ป้อน...กูอยากจะเข้ามาเตือนมึงหน่อย” พี่แก๊ปขยับเข้ามายืนชิดกับผมแล้วพูดกระซิบให้พอได้ยินกันแค่สองคน
“......” ผมเอี้ยวหน้าหันไปมองรุ่นพี่ทันที พี่แก๊ปดูมีท่าทางอึดอัดลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด
“ถ้ามึงเต็มใจ กับคุณเนลสันกูก็ไม่ว่าอะไรนะ แต่มึงน่าจะรู้ว่ามีหลายคนที่นี่ดูเหมือนไม่ชอบหน้ามึง ป้อน...ไอ้พวกที่ทำงานอยู่ที่นี่ส่วนใหญ่ก็เคยเป็นเด็กของคุณเนลสันมาก่อนทั้งนั้น ถ้ามึงคิดอยากจะเป็นหนึ่งในนั้นกูขอเตือนมึงเอาไว้ก่อน..ว่าวันหนึ่งมึงอาจจะมีสถานะไม่ต่างจากพวกมัน...การเป็นคือของเก่า...ของเหลือ”
ผมยืนฟังคำเตือนของพี่แก๊ปแล้วคิดตามคำพูดนั้นทุกคำ ในหัวสมองคิดย้อนกลับไปถึงสิ่งที่คุณเนลสันพยายามพูดเพื่อให้ผมยินยอม ผมเงยหน้าขึ้นไปมองหัวคิ้วของพี่แก๊ปแล้วพยักหน้าช้าๆ
“พี่แก๊ป...ผมไม่ได้ต้องการแบบนี้จริงๆ นะ ผมกับคุณเนลสันไม่มีอะไรกันจริงๆ”
“เอาเถอะ...กูแค่มาเตือนมึง กูไม่อยากให้มึงเสียใจ กูกลัวว่ามึงจะเผลอใจไปรักเขา คุณเนลสันน่ะเป็นเจ้าของบาร์ เซ็กส์ของเขาเหมือนการจ่ายเงินซื้อข้าวกิน พอเขากินอิ่มแล้วเขาก็ไป กูไม่ได้อยู่คอยดูแลมึงตลอดเวลาทุกอย่างอยู่ที่มึงตัดสินใจนะป้อน” พี่แก๊ปเดินหายออกไปจากห้องครัวแล้ว ตอนนี้เหมือนผมยืนอยู่ในห้องมืดเพียงลำพัง เสียงเพลง เสียงดนตรีที่ดังจนปวดแก้วหูจากในร้านไม่รู้ว่ามันเงียบหายไปตอนไหน เสียงผู้คนถูกปิดกั้นจนหายลับไปจากประสาทสัมผัสของผม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่แก๊ปเอ่ยปากเตือนผมให้ออกห่างจากคนไม่ดี
“ป้อน...คุณเนลสันให้ขึ้นไปหาที่ชั้นสาม” พี่ผู้ชายคนหนึ่งเดินมาเรียกผมในห้องครัว
ผมเงยหน้าขึ้นมาจากซิงค์ล้างจานเจอเข้ากับสายตาของผู้ชายอีกสองสามคนซึ่งหันมามองผมเป็นตาเดียว คำพูดของพี่แก๊ปแวบวิ่งเข้ามาในหัวทันที คนพวกนี้ทุกคนเคยนอนซุกอยู่ในอ้อมกอดของ คุณเนลสันมาแล้วทั้งนั้น
วันนี้ผมคือของเล่นชิ้นใหม่ที่คุณเนลสันทำได้เพียงแค่มองดูและลูบคลำเพราะอยากได้ถึงขนาดเอ่ยปากเสนอเงินให้ผมตามแต่ จะเรียก แล้วถ้าวันหนึ่งของเล่นชิ้นนี้มันไม่น่าสนใจอีกต่อไปล่ะ?
“...................” ผมไม่ได้ตอบรับรุ่นพี่คนนั้นแต่ยังคงก้มหน้าล้างจานของผมต่อไป โดยไม่ได้สนใจเจ้าของบาร์ที่เรียกให้ผมขึ้นไปหา
“ไม่ขึ้นไปหาคุณเนลสันเหรอ” เสียงเด็กเสิร์ฟซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ ถามผม
“ไม่ครับ...ผมมีหน้าที่แค่ล้างจาน” ผมไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากซิงค์ล้างจานอีกจนกระทั่งจานชาม แก้วน้ำทุกใบสะอาดหมดจด เสียงเพลงจากเวทีด้านหน้าเงียบลงแล้ว ผมได้ยินเสียงคนคุยกันบวกกับเสียงฝีเท้าคนหลายคนเดินผ่านผมไป เป็นสัญญาณว่าตอนนี้ร้านปิดและจะเหลือเพียงผมกับเจ้านายฝรั่งแค่สองคนภายในร้านแห่งนี้
“ฉันให้คนลงมาเรียกเธอขึ้นไปหา ทำไมไม่ขึ้นไป”
“ผมยังล้างจาน ล้างแก้วไม่เสร็จ” ผมทำทีเป็นยังคงล้างเครื่องครัวต่อโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมองดูเจ้านายฝรั่ง
“ฉันเคยบอกแล้ว ว่าเที่ยงคืนปิดร้าน”
“ครับ คุณเคยบอกแล้วแต่ผมอยากทำงานให้เสร็จก่อนแล้วค่อยพัก” ผมยกมือซึ่งแช่น้ำจนเปื่อยขึ้นมาแล้วใช้ผ้าผืนบางซับมันเบาๆ
“เธอล้างจานจนมือเน่าก็ได้เงินแค่วันละสามร้อย แต่นอนกับฉันแค่คืนเดียวเธอก็สามารถหาเงินหมื่นได้ แล้วถ้าทำดีเธออาจจะได้มากกว่านั้นก็ได้นะ”
“บนเวทีข้างหน้านั่นมีคนยืนต่อคิวเพื่อรอนอนกับคุณ ตั้งมากมาย คุณไม่ควรมาเสียเวลากับเด็กล้างจานอย่างผม” ผมเหลือบตาขึ้นไปมองเจ้านายฝรั่งอีกครั้ง
“ฉันได้พวกมันมาหมดแล้ว...เหลือแค่เธอ...”
เป็นความจริงอย่างที่พี่แก๊ปเอ่ยปากเตือนผมเอาไว้ สำหรับคุณเนลสันเซ็กส์ไม่ได้มีความหมายอย่างอื่น ไม่มีความรู้สึก ไม่มีความผูกพัน ไม่มีคำว่ารัก มันเป็นเพียงอารมณ์แรงปรารถนาความต้องการของร่างกายตามธรรมชาติ ที่เรียกร้องและต้องการได้รับการตอบสนอง
“คุณเนลสันครับ ผมมาที่นี่ร้องขอความเมตตาจากคุณของานทำ ผมใช้แรงกายเพื่อแลกเงิน แลกอาหาร แลกที่พัก แลกที่ซุกหัวนอน คุ้มกะลาหัวให้พ้นแดดพ้นฝน ผมพอใจกับค่าแรงต่ำๆ เศษเงินสามร้อยของคุณแต่ได้โปรดอย่าลดค่าชีวิตอันต่ำต้อยของผมให้มันน้อยลงไปกว่านี้เลยนะครับ” ผมยืนก้มหน้ามองกระดุมเสื้อเชิ้ตของเจ้านายฝรั่งซึ่งยืนนิ่งไม่ยอมขยับเช่นเดียวกัน ผมไม่รู้ว่าคำพูดของผมมันอาจจะทำให้คุณ เนลสันโกรธหรืออาจจะไล่ผมออก แต่ผมอยากบอกกล่าวให้คุณเนลสันได้รู้ถึงสิ่งที่ผมต้องการในการมาที่นี่
“เธอรู้อะไรมั้ยป้อน ไม่เคยมีใครปฏิเสธแล้วทำให้ฉันรู้อับอายและรังเกียจตัวเองเท่านี้มาก่อนเลย” คุณเนลสันยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ เสียงหัวเราะเบาๆ สะท้อนดังออกมาจากแผงอกเหมือนคนตรงหน้าพยายามระงับความโกรธ
“คุณเนลสัน ผมขอโทษครับ”
“ห้องเก็บของมันสกปรกเธอไม่ควรใช้มันเป็นห้องนอน ฉันให้คนเตรียมห้องเอาไว้ให้เธอที่ชั้นสาม เก็บของแล้วย้ายขึ้นไปนอนบนห้องนั้น ปิดร้านล็อกประตูให้เรียบร้อยแล้วไปพักผ่อนได้แล้ว” คุณเนลสันวางกุญแจดอกหนึ่งทิ้งไว้ให้ผมตรงขอบซิงค์ล้างจานก่อนจะเดินออกจากห้องครัวไปอย่างเงียบๆ
ผมเดินถือกุญแจดอกเล็กๆ นั้นเดินขึ้นไปยังชั้นสามซึ่งปกติมันถูกใช้เป็นห้องทำงานของคุณเนลสันส่วนหนึ่ง ผมใช้กุญแจดอกนั้นไขเข้าไปภายในห้องซึ่งอยู่ถัดจากห้องทำงานของคุณเนลสัน
ภายในห้องมีเตียงนอนหลังเล็กพร้อมฟูกหนาอย่างดี ตู้เสื้อผ้าไม้ขนาดไม่ใหญ่มากแต่มันก็ใหญ่เกินกว่าความต้องการสำหรับผม มีเสื้อผ้าเพียงสามชุดติดมาในกระเป๋า บนผนังเหนือหัวขึ้นไปมีเครื่องปรับอากาศติดเอาไว้ด้วย
ผมจัดการอาบน้ำและซักเสื้อผ้าชุดเดิมที่ผมใส่อยู่ภายในห้องน้ำแล้วเอามันไปแขวนตากไว้นอกหน้าต่างติดกับพัดลมแอร์ ด้านนอกตรงระเบียงห้องก่อนจะกลับมานั่งอยู่บนเตียงนอนขนาดสามฟุตครึ่ง
ผ้าห่มนวมหนานุ่มกลิ่นหอมถูกผมดึงขึ้นมาห่มคลุมกายแล้วพันม้วนเป็นก้อนก่อนจะซุกซบวางใบหน้าไว้กับก้อนผ้าห่ม คลื่นความรู้สึกบางอย่างตีไล่ขึ้นมาจากภายในช่องท้อง สะท้อนออกมาเป็นแรงสะอื้นเบาๆ อีกครั้งมันเหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันก่อนนอนของผมไปแล้วกับสิ่งนี้
“ฮึก ฮึก ฮือออออ” ผมก้มหน้าซุกลงไปกับหัวเข่าปล่อยให้เสียงร้องไห้ของผมถูกผ้าเนื้อหนากรองมันเอาไว้ให้หลุดรอดออกมาเบาที่สุด
Waiting for the first comment……
Please log in to leave a comment.