ตอนที่ 8 ก้อนเนื้อ
ผมเก็บเสื้อผ้าออกมาจากบาร์โดยไม่ได้กล่าวลาใครแม้สักคนเดียวรวมไปถึงคุณเนลสันด้วย ผมสะพายกระเป๋าเป้เดินออกมาง่ายๆ เหมือนตอนที่ผมสะพายกระเป๋าเดินเข้าไปง่ายๆ ไม่ต่างกัน
“คุณเนลสันฝากมาให้มึง” พี่แก๊ปยื่นซองสีขาวส่งให้ผม
ภายในนั้นมีธนบัตรใบละหนึ่งพันบาทนอนเรียงกันอยู่สิบห้าใบซึ่งหากมันคือค่าแรงล้างจานของผม จำนวนเงินนั้นมันมากกว่าที่ผม ตกลงทำงานให้คุณเนลสันมากเพราะถ้าหากยกนิ้วขึ้นมานับจริงๆ ผมทำงานที่นี่ได้ยังไม่ถึงครึ่งเดือนด้วยซ้ำไป ค่าแรงต่ำๆ ราคาถูกตามที่ได้ตกลงไว้มันควรจะมีแบงค์พันอยู่ไม่เกินห้าใบเท่านั้น
ผมเอี้ยวหน้าหันไปมองดูป้ายไฟสีสวยซึ่งเขียนบอกชื่อบาร์ แห่งนี้อีกครั้ง นักเที่ยวกลางคืนเดินหายเข้าไปผ่านประตูกระจกสีทึบ ไม่ขาดสาย ภายในใจหวนนึกถึงใบหน้าของเจ้านายฝรั่ง ผมมั่นใจว่าคุณเนลสันเก่งและฉลาดคงไม่ได้หลงลืมหรือคิดเงินค่าแรงของผมเกินแต่นี่คงเป็นน้ำใจหรืออาจจะเพราะความเวทนาสงสารในตัวผม
คืนนี้พี่แก๊ปไม่ได้ทำงานเพราะมีสิ่งสำคัญที่พี่แก๊ปตั้งใจจะทำ นั่นคือการพาผมไปรีดเอาก้อนเลือดอายุสามเดือนกว่าออกไปจากตัวผม สถานที่แห่งนี้เป็นอาคารพาณิชย์เก่าๆ หากมองจากด้านหน้ามันเป็นเหมือนคลินิกรับรักษาคนไข้ทั่วไป แต่เมื่อเดินเข้ามาด้านในแล้วผมถูกพยาบาลหญิงร่างท้วมมีอายุคนหนึ่งเดินนำให้ขึ้นไปบนชั้นสอง
ทุกๆ ก้าวของผมมันยากจริงๆ ที่ผมจะยกขาก้าวออกไปข้างหน้า ผมมีมือของพี่แก๊ปคอยผลักดันแผ่นหลังของผมให้ก้าวเดินต่อไปเมื่อไหร่ก็ตามที่ผมชะลอฝีเท้าหรือไม่ยอมเดินพี่แก๊ปจะออกแรงดันฝ่ามือทันที
“เข้าไปนอนรอข้างใน” เสียงพยาบาลมีอายุคนนั้นบอกกับผมพร้อมกับดึงประตูบานเลื่อนซึ่งเป็นกระจกขุ่นๆ ให้เปิดออก
ประตูกระจกสีขุ่นเหนือบานประตูนั้นขึ้นไปมีป้ายตัวหนังสือ สีขาวกับพื้นสีเขียวเขียนเอาไว้ชัดเจน “ห้องตรวจ” กลิ่นเหม็นคาว น่าสะอิดสะเอียนลอยฟุ้งพุ่งออกมาจากภายในห้อง ผมคว้าข้อมือของพี่แก๊ปบีบไว้จนแน่นเพราะรู้สึกกลัวขึ้นมาจับหัวใจ
“ไม่ต้องกลัว กูจะรออยู่ข้างหน้านี่แหละ” พี่แก๊ปแกะมือของผมออกพร้อมกับดันหลังผมให้เดินเข้าไปด้านใน
ภายในห้องแคบๆ มีเตียงเหล็กแบบมีขาหยั่งยกสูงตั้งอยู่หนึ่งหลัง ด้านบนเป็นเบาะนอนซึ่งถูกปูราดไว้ด้วยผ้าพลาสติกสีฟ้าหม่นๆ ปลายเตียงเป็นแท่นสำหรับให้ใครก็ตามที่ต้องการมาตรวจยกขาไปวางพาดทิ้งเอาไว้ด้านบน ด้านล่างมีสายคาดเหมือนเข็มขัดเพื่อเอาไว้ใช้ ล็อกป้องกันไม่ให้คนที่เข้ารับการตรวจดิ้นหนีได้ ปลายเตียงด้านล่างมีถังขยะสเตนเลสสวมถุงขยะสีดำขนาดกลางรออยู่ รถเข็นเล็กๆ พร้อมเครื่องมือแพทย์หน้าตาน่ากลัววางอยู่บนถาดสีเงินข้างเตียง
“เอาชุดนี่ไปเปลี่ยนแล้วมานอนรอบนเตียง” ผมถูกพยาบาลคนนั้นยัดชุดคลุมเหมือนเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่แบบกระโปรงใส่มือพร้อมกับชี้นิ้วไปทางราวผ้าม่านมีฉากกั้นเหมือนเวลาเราไปลองชุดในห้างแบบนั้น
“เอ่อ....ผม”
“ไปสิเร็วๆ” ผมยังไม่กล้าขยับขาจนกระทั่งพยาบาลคนนั้นตะคอกใส่ผมอีกครั้งแล้วผลักผมให้เดินเข้าไปยืนอยู่ภายในกรอบผ้าม่าน
ผมถอดกางเกงยีนขายาวของตัวเองออกโดยสวมชุดคลุมสีฟ้านั้นทับเสื้อยืดคอกลมของผมเอาไว้ แล้วเดินออกมายืนนิ่งไม่กล้าขยับความรู้สึกเจ็บแปลบแวบวิ่งจากท้องน้อยวิ่งมาตีแน่นอยู่ตรงหน้าอก ผมขยับฝ่ามือกุมหน้าท้องตัวเองรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
“เอ้า...ยืนเฉยอยู่ทำไมขึ้นไปนอนรอบนเตียงสิ” พยาบาลคนเดิมคว้าแขนผมแล้วดึงให้ผมเดินไปยืนอยู่ข้างๆ เตียง
“....................”
“ขึ้นไปสิ ไม่ต้องกลัวหรอกแป๊ปเดียวก็เสร็จแล้ว เร็วกว่าตอนพวกเธอเอากันซะอีก”
พยาบาลคนเดิมจับผมให้นั่งลงไปบนเตียงพร้อมกับกดให้ผมนอนลงไปก่อนจะคว้าขาผมยกขึ้นไปวางพาดไว้บนขาหยั่งเย็นเฉียบ ทั้งสองข้าง คลื่นความกลัวไหลบ่าท่วมลงมาจนล้นหัวใจผม ความกลัวที่มียังไม่สู้ความรู้สึกผิดที่ผมมีต่อชีวิตเล็กๆ ซึ่งผมมีส่วนทำให้เขาได้รับสิทธิ์ ได้มีโอกาสได้ก่อร่างสร้างตัวเองมาเป็นก้อนเนื้อเล็กๆ มีหัวใจ ดวงน้อยๆ ที่กำลังเต้นเป็นจังหวะเดียวกับผม
แต่มันก็เท่านั้นสามเดือนกว่าที่ผมโอบอุ้มก้อนเนื้อน้อยๆ นี้เอาไว้และอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ตอนนี้กำลังมีผู้หญิงคนหนึ่งอาสาจะพรากพาเขาไปจากผม
“ฮึก...ฮึก” ผมพยายามกลั้นเสียงร้องไห้ กลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้อย่างสุดความสามารถแต่มันยากเหลือเกิน
ภาพอดีตอันผิดพลาดของผมฉายซ้ำกรอกลับมาเหมือนคลิปวิดีโอที่เดินถอยหลัง ตั้งแต่วันแรกที่ผมได้พบพี่เวย์ ครั้งแรกที่ผมได้สบตาและรู้สึกหวั่นไหวกับดวงตาคู่นั้น
ครั้งแรกที่ผมได้ยินคำบอกรักซึ่งหลุดออกมาจากปากของพี่เวย์ ภาพของจูบแรกและความสัมพันธ์ครั้งแรกและมันเป็นเพียงครั้งเดียวระหว่างผมกับพี่เวย์ แต่ใครเลยจะรู้ว่าเพียงครั้งแรกและครั้งเดียวที่ผมหลงคารมคำหวานมันจะเปลี่ยนชีวิตของผมไปทั้งชีวิต
“จะร้องไห้ทำไม ตอนทำไม่รู้จักคิดพวกเด็กวัยรุ่นรักสนุกก็แบบนี้แหละ นี่พอเดินออกไปเดี๋ยวก็ไปเอากันใหม่แล้วก็มาลำบากให้ฉัน เป็นคนเอาออกให้อีก” เสียงพยาบาลคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงถากถาง จนผมรู้สึกรังเกียจตัวเองเหลือเกิน
สายตาของผมจับจ้องมองทุกการเคลื่อนไหวของมืออวบอ้วนของพยาบาลซึ่งกำลังหยิบเครื่องมือบางอย่างขึ้นมาเหมือนคีมคีบ ส่วนอีกชิ้นมีลักษณะเป็นด้ามเหล็กยาวเกือบศอกตรงปลายมีตะขอรูปตัวเอสเหมือนเอาไว้เกี่ยวอะไรสักอย่าง ด้ามเหล็กนั้นถูกหยิบหายไปทางใต้หว่างขาของผมพร้อมกับสัมผัสเย็นเฉียบจากถุงมือยางที่แตะสัมผัสขาผม
“ไม่!” ผมสะบัดปลายเท้าเตะออกไปถูกปลายคางของพยาบาลอ้วนคนนั้นแล้วรีบลุกขึ้นตวัดขาลงมาจากเตียงพุ่งตัวออกมาจากห้องชนเข้ากับร่างของใครบางคน
“ป้อน” ผมจำเสียงของผู้ชายตัวสูงคนนี้ได้ ผมจำกลิ่นน้ำหอมกลิ่นนี้ได้ ผมกอดเอวของคนร่างหนานั้นไว้แน่นร้องไห้จนเสื้อเชิ้ตเนื้อละเอียดเปียกแฉะเพราะน้ำตาผม
“ฮืออออ ผมไม่ทำ ผมไม่อยากทำ” ผมร้องไห้อยู่กับแผงอกของคนที่ยืนนิ่งทำตัวเป็นผ้าซับน้ำตาให้กับผม
“ไอ้เด็กเวรนี่ กลับมานี่เดี๋ยวนี้” พยาบาลคนนั้นวิ่งตามผมออกมาพร้อมกับถุงมือยางพยายามฉุดแขนผมให้กลับเข้าไปในห้อง
“เราไม่ทำแล้ว” เสียงคุณเนลสันพูดดังอยู่เหนือหัวผมขึ้นไป พร้อมกับท่อนแขนที่โอบกอดดึงให้ผมเข้าไปซุกอยู่กลางหว่างอกอุ่นๆ
“ฮือออ ผมไม่อยากทำ” ผมเฝ้าพูดพร่ำอยู่เพียงแค่ประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมา
ผมไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆ คุณเนลสันถึงมาปรากฏตัวที่นี่ แต่ผมรู้....ผมรู้ว่าผมไม่สามารถทำลายชีวิตเล็กๆ ที่กำลังนอนขดตัวอยู่ภายในท้องผมได้ ไม่ว่าอนาคตข้างหน้าชีวิตของผมมันจะต้องเจอกับอะไรผมคงทำได้เพียงกัดฟันสู้ต่อไป ผมเคยทำสิ่งผิดพลาดมาแล้วและผมไม่อยากทำผิดซ้ำอีก
ผมนั่งก้มหน้าไม่กล้าสบตากับพี่แก๊ปเพราะรู้สึกผิดที่ไม่เชื่อฟัง คุณเนลสันขับรถพาผมมายังคอนโดมิเนียมสูงหลายสิบชั้นไกลจากบาร์ไม่มากนัก ผมกับพี่แก๊ปเดินตามหลังคุณเนลสันจนกระทั่งเราสองคนมายืนอยู่ภายในห้องพักหรูหราน่าอยู่
“ฉันให้เธอกลับไปทำงานที่ร้านไม่ได้ แต่เอาเถอะฉันไม่ได้รังเกียจ ไม่ได้คิดดูหมิ่น ไม่เคยคิดซ้ำเติมสำหรับปัญหาต่างๆ ที่เธอกำลังเผชิญอยู่ ห้องนี้เป็นของฉันแต่ฉันไม่ค่อยได้มาอยู่ ฉันถือว่าฉันจ้างให้เธอคอยดูแลทำความสะอาดมันแทนแม่บ้านประจำที่ฉันจ้างอยู่ก็แล้วกัน” คุณเนลสันเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟารับแขกพร้อมกับนั่งจ้องหน้ามองพวกเราทั้งสองคน โดยเฉพาะพี่แก๊ปดูเหมือนคุณเนลสันจะมีเรื่องขัดเคืองไม่พอใจมาก
“คุณเนลสันให้ผมทำงานที่นี่เหรอครับ” ผมกวาดสายตามองห้องพักหรูหราน่าอยู่ไปจนทั่วอย่างไม่เชื่อสายตา ไม่ว่าจะมองมุมไหนผมก็ยังคิดไม่ออกว่ามันจะมีอะไรให้ผมทำความสะอาด
“ถึงเธอไปทำงานที่อื่นก็คงลำบาก ฉันจ้างเธอให้ค่าแรงเท่าเดิมตกลงมั้ย”
“ครับ” ผมพยักหน้ารับทันทีแบบไม่ต้องเสียเวลาให้คิดมาก
“ที่นี่มีสองห้องนอน ห้องนอนเล็กนั่นของเธอ ส่วนห้องนอนฉันไม่มีอะไรมากเธอแค่แวะเข้าไปดูช่วยปัดกวาดหน่อยก็พอ” คุณเนลสันนั่งอธิบายเกี่ยวกับงานอันแสนสบายให้กับผมฟังเพียงไม่ถึงชั่วโมงก่อนจะกลับออกไปพร้อมกับพี่แก๊ป
ผมเดินเข้าไปภายในห้องนอนซึ่งคุณเนลสันให้ผมอาศัยอยู่ได้ ห้องนอนนี้ใหญ่พอๆ กับห้องนอนของคุณเนลสันที่ร้าน เตียงนอนหลังใหญ่ ตู้เสื้อผ้า ห้องอาบน้ำ มีทีวี มีทุกสิ่งทุกอย่างครบครัน ผมหยิบเอาเสื้อผ้าสามชุดของผมซึ่งมีเพียงกางเกงยีนขายาวสองตัวกับเสื้อยืดสามตัวแขวนใส่เข้าไปในตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ แล้วหยิบเอาผ้าขนหนู ยาสีฟัน แปรงสีฟันออกมาเรียงตรงหน้าเคาน์เตอร์หินอ่อนสีขาว
ผมยืนมองอ่างอาบน้ำใบใหญ่ก่อนจะหย่อนตัวลงไปนอนขดนิ่งอยู่ภายในนั้นแล้วพูดคุยกับก้อนเนื้อซึ่งดันหน้าท้องของผมให้ยื่นนูนป่องออกมามากขึ้นทุกวัน
“เรามีที่นอนแล้วนะ” ผมลูบมือลงไปบนหน้าท้องช้าๆ แล้วหลับตาปล่อยให้หยดน้ำใสๆ ไหลลงรวมกับน้ำในอ่างอาบน้ำ
คุณเนลสันไม่ได้กลับมาที่ห้องนี้อีก ไม่มีใครแวะมาที่นี่มีเพียงผมที่ใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังภายในห้องพักกว้างขวางใหญ่โต ผมใช้เงิน ที่คุณเนลสันใส่ซองมาให้ซื้อข้าวสาร ไข่ไก่และผักสด ของสดจากร้านค้าใกล้ๆ คอนโดแห่งนี้แล้วแบ่งทำเป็นอาหารง่ายๆ กินเพื่อประทังให้ชีวิตในแต่วันผ่านพ้นไปได้ โดยที่ผมแทบไม่รู้ว่ารสชาติของมันเปรี้ยวหวานมันเค็มยังไง
“เอ๊ะ” ผมสะดุ้งตกใจเมื่อได้กลิ่นแปลกๆ ลอยวนอยู่ภายในห้อง
ผมรีบวิ่งไปตรวจดูภายในห้องนอนของคุณเนลสัน แล้ววิ่งเข้าไปดูในห้องนอนผม ก่อนจะรีบวิ่งกลับเข้าไปดูในครัวแล้ววิ่งมาชนกับใครบางคนที่กลางห้องรับแขก
“เธอเป็นอะไร”
“คุณเนลสัน ผมได้กลิ่นควัน” ผมก้มลงไปดมเสื้อเชิ้ตของคนตรงหน้าจนมั่นใจว่ากลิ่นเหม็นที่ผมได้กลิ่นคงเป็นกลิ่นบุหรี่ของคุณ เนลสันนั่นเอง
“ฉันออกไปสูบบุหรี่ตรงระเบียง”
“อ่อ...อย่างนั้นเหรอครับ”
“เธอไปอาบน้ำแต่งตัวไป”
“แต่งตัวไปไหนเหรอครับ” ผมเงยหน้าขึ้นไปถามเจ้าของห้องด้วยความสงสัย
“ไม่ต้องถามได้มั้ย รีบไปเปลี่ยนชุด”
ผมก้มลงมองดูตัวเองแล้วรู้สึกสมเพชตัวเองอยู่เหมือนกันเพราะผมใส่เพียงเสื้อยืดเก่าๆ หลวมโพรกกับกางเกงขาสั้นราคาถูกซึ่งผมแวะซื้อมาจากแผงลอยที่เอาเสื้อผ้ามาวางขายตามข้างถนนตัวละแค่ห้าสิบบาท
เนื่องจากตอนนี้ผมเริ่มมีหน้าท้องขึ้นมากแล้วกางเกงยีนที่เคยสวมใส่ได้อย่างสบายเริ่มอึดอัดจนทำให้ผมลุกนั่งไม่สะดวกจนต้องหันมาใส่เป็นกางเกงแบบยางยืดแทน อีกอย่างการนั่งๆ นอนๆ อยู่เพียงในห้องนี้ผมไม่จำเป็นต้องใส่กางเกงยีนซึ่งซักยากแห้งยาก
คุณเนลสันขับรถพาผมกลับมาที่โรงพยาบาลเอกชนชั้นดี แห่งเดียวกับที่ผมมาเมื่อครั้งก่อนตอนเป็นลมตกบันได แล้วเดินนำหน้าไปโดยที่ผมทำได้เพียงเดินตามหลังเจ้านายฝรั่งไปโดยไม่กล้าเอ่ยปากถาม จนในที่สุดคำถามที่อยู่ในหัวของผมก็ได้รับการเฉลย คุณเนลสันพาผมมาโรงพยาบาลเพื่อ ฝากครรภ์
“ชื่อคุณพ่อค่ะ” เสียงพยาบาลสาวสวยพูดกับผม ปลายนิ้วมือเรียวของเธอกำลังหยุดเพื่อรอคอยการดีดเคาะแป้นพิมพ์ของคีย์บอร์ด
“.............” ผมนั่งตัวชาอยู่บนเก้าอี้หน้าจุดซักประวัติ คำถามของคุณพยาบาลเป็นเหมือนน้ำเย็นๆ ที่สาดราดมาใส่ผมโครมใหญ่ ตัวของผมเย็นวาบตั้งแต่หน้าอกไปจนถึงปลายเท้า
“น้องคะ ชื่อคุณพ่อเด็กค่ะ” คุณพยาบาลคนเดิมเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มพร้อมกับจ้องมองผม
“เอ่อชื่อพ่อ....คือผม”
“เนลสัน....เนลสัน กิฟต์”
Waiting for the first comment……
Please log in to leave a comment.