เนื้อทองหนุ่มน้อยผู้อาภัพเนื่องเพราะถูกผู้เป็นพ่อครอบอาคมบดบังร่างงามเอาไว้มิให้ผู้ใดเห็น เดินเลาะไปตามชายทุ่ง ชื่นชมกับสิ่งสวยงามตามวัยอันสดใส เท้าเล็กเดินลัดเรื่อยไปตามทางและไม่ลืมที่จะหลบเลี่ยง
การพบปะพูดคุยกับผู้อื่น หนึ่งในเหตุผลนั้นเพราะเนื้อทองไม่อยากให้ใครพูดจาถากถางว่าตัวเองรูปชั่วอัปลักษณ์
“เจ้าตัวน้อยขึ้นมาทำอะไรบนนี้ ประเดี๋ยวก็โดนคนอื่นมาเหยียบตายเสียหรอก” อุ้งมือเล็กช้อนลงไปในแอ่งน้ำขังบนคันนา ลูกปลาตัวน้อยว่ายวนไปวนมาหาทางออกไม่ได้ ถูกอุ้มยกขึ้นมาไว้ในอุ้งมือก่อนจะนำไปปล่อยลงในนาข้าวใกล้ๆ กัน
“อย่าหนีขึ้นมาซนบนนี้อีกนะ” เด็กน้อยนั่งคุกเข่าชะเง้อคอมองตามหางปลาสีขาวระยับโบกสะบัดว่ายหลบหายไปกับกอข้าวสีเขียวสด
“ใครซนอย่างนั้นหรือเนื้อทอง” พรเทพเดินมาทันเห็นเด็กน้อยนั่งยองพูดกับลูกครอกแล้วอดเอ็นดูไม่ได้
“พี่พรเทพทองพูดกับลูกปลาจ้ะ ไม่รู้มันขึ้นมายังไง ทองกลัวมันโดนเขาเหยียบตาย” เนื้อทองขยับลุกขึ้นยืนยื่นนิ้วชี้กลับลงไปในนาข้าว
“วันนี้วันพระนี่นะ ช่วยชีวิตสัตว์ถือเป็นการให้ทานอย่างหนึ่ง ใจดีเหลือเกินนะเนื้อทอง” ฝ่ามือหยาบวางลูบบนเรือนผมเส้นกระด้างสากมือ
“เนื้อทองใจดีหรือ”
“ใจดีสิ เนื้อทองเด็กดี เป็นคนดีของพี่เสมอ” แก้มปุปะฉีกยิ้มกว้าง นัยน์ตาเป็นประกายเมื่อได้รับคำชม
“พ้นเพลแล้วหรือ ทองไม่ทันได้ยินเสียงกลองเพล พี่พรเทพมิต้องไปอ่านเขียนกับหลวงตาหรือวันนี้”
“วันนี้ไม่ต้อง เนื้อทองเล่าจะไปไหน”
“ทองไม่ได้จะไปไหนดอก วันนี้เป็นวันพระ พ่อให้ทองออกมาเที่ยวเล่นได้ ทองแค่ออกมาเดินเล่นเรื่อยเปื่อยเฉยๆ เบื่ออยู่แต่ในบ้านไม่มีเพื่อนเล่นเลย” เด็กน้อยก้มหน้าหลบสายตาคนอายุมากกว่าไม่อยากขยับหนี เพราะรู้สึกยินดีกับท่าทีลูบหัวอย่างอ่อนโยนนั้น ตั้งแต่จำความได้เนื้อทองเจ้าน้องน้อยผู้ไร้แม่ ขาดความเอ็นดูจากพ่อ ไม่เคยได้รับ ไม่เคยสัมผัสรับรู้ถึงความอ่อนโยนจากผู้ใดนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนมองข้ามรูปกายอันไม่งาม มองเห็นเนื้อแท้ของจิตใจตน
“ถ้าอย่างนั้น เนื้อทองไปเดินเล่นในตลาดกับพี่ดีหรือไม่”
“ไปเดินเล่นในตลาดหรือ” ใบหน้าอัปลักษณ์ช้อนสายตาอันเหล่เอียงขึ้นไปมองคนที่ตนแอบชื่นชอบชื่นชมมานาน ไม่คาดฝันว่าพรเทพเด็กวัดรูปงามจะเอ่ยปากชวน
“ใช่ เนื้อทองไปกับพี่สิ”
“จ้ะ” ยิ้มสดใสคลี่ออกมาจากริมฝีปากหนาแหว่งโหว่น่าเกลียดอวดฟันเหลืองซี่ห่าง เท้าแปกระโดดเดินตามหลังร่างสูงนั้นไปอย่างอารมณ์ดี บางครั้งบางที เด็กหนุ่มวัยสิบแปดจะหันมายิ้มให้กับความน่ารักสดใสของเด็กน้อย วัยอ่อนกว่า เจ้าของรูปร่างไม่งดงามแต่จิตใจอ่อนละมุน เสียงร้องเพลงเบาๆอย่างอารมณ์ดีของเด็กน้อยเนื้อทอง ทำให้พรเทพยิ้มกว้างออกมาโดยไม่ทันรู้ตัว
“เนื้อทอง” พรเทพหันมาเห็นว่าคนหลังงุ้มนั้นหายไปไม่ได้เดินตามมา เมื่อชะเง้อคอมองหาเห็นว่าบุตรชายหมอเสน่ห์กำลังยืนทำท่าลังเลมองเครื่องเงินอย่างอาวรณ์
“กำไลเงินนี้ ทองชอบหรือ” น้ำเสียงละมุนเอ่ยถามทันที
“อือ มันสวยดี”
“ชอบอันไหน เนื้อทองเลือกดูสิ พี่จะซื้อให้”
“พี่พรเทพจะซื้อให้เนื้อทองหรือ”
“ใช่ พี่จะซื้อให้เนื้อทองคนดีของพี่ อันนี้ดีหรือเปล่า สวยดีนะวงไม่ใหญ่มาก เหมาะกับเนื้อทองของพี่” มือหนาหยิบกำไลเงินลายดอกพิกุลขึ้นมา พรางขยับพลิกซ้ายพลิกขวาต่อหน้าบุตรชายหมอเสน่ห์
“แต่ทองรับไว้ไม่ได้หรอก พ่อบอกไม่ให้รับของคนอื่น” ดวงตาสีหม่นมองกำไลนั้นอย่างเสียดาย หาใช่เพราะเนื้อทองยากจนไร้เบี้ย ไร้อัฐจะซื้อหาแต่เพราะเสียดายที่ไม่อาจสวมใส่กำไลจากชายที่ตนพะวงรักได้
เรื่องข้อห้าม ข้อปฏิบัติในเรือนหมอผี หาใช่ว่าเนื้อทองจะไม่รู้ แม้เห็นอยู่เต็มตาว่ากำไลนี้ ซื้อหามามิได้ผ่านการปลุกเสกลงอาคมมนต์ขลัง แต่ถึงอย่างนั้นดวงตาดุของพ่อก็ตามมาหลอกหลอนจนไม่กล้ารับไว้
“อย่างนั้น ทองก็อย่าให้พ่อรู้สิ”
“ไม่ได้หรอก ทองโกหกไม่ได้ ถ้าหากพ่อรู้เดี๋ยวพ่อตีตายเลย”
“ทำไมพ่อครูถึงดุนัก”
“พ่อดุเพราะรักทอง พี่เทพอย่าว่าพ่อเลย”
ดวงหน้าเศร้าก้มต่ำก่อนจะสะบัดตัวเดินหนีออกมาให้ห่างร้านขายกำไลเงิน เพราะกลัวใจตัวเองจะโอนอ่อนผ่อนรับของจากคนที่ตัวเองแอบรัก พรเทพส่ายหน้าช้าๆ มองตามแผ่นหลังคดงอกับท่าเดินโขยกขาตัวเอียงของเด็กน้อยผู้น่าสงสารที่ไม่ว่าจะเดินผ่าผ่านผู้ใดก็มีแต่คนรังเกียจเดียดฉันท์ จากนั้นจึงวางคืนกำไลเงินให้แก่แม่ค้า
“ถ้าอย่างนั้น กำไลดอกไม้นี่รับได้หรือไม่ พี่ให้เจ้านะเนื้อทอง”
“กำไลดอกไม้อย่างนั้นหรือ สวยจังเลย”
“กำไลเงินเจ้ามิอาจรับไว้ เช่นนั้นกำไลดอกหญ้านี่เจ้าคงไม่ปฏิเสธพี่หรอกนะ” ดอกหญ้าจากริมทางถูกเด็ดขึ้นมาพันสลับเป็นวงใหญ่พอให้ข้อมือโปนเพราะกระดูกงอคล้องใส่ต่างกำไลเงิน ดวงตาเหล่เหลือบมองลงไปตรงข้อมือเล็กแล้วยิ้มอย่างตื้นตัน มืออีกข้างประคองกำไลดอกหญ้านั้นขึ้นมาทาบวางไว้กลางอก
“ก็แค่ดอกหญ้าริมทางเอามาสานทำกำไลแขน พ่อครูคงไม่ดุด่าตีเจ้าหรอกหนา เนื้อทองของพี่”
“ทองชอบกำไลอันนี้” เนื้อทองน้องน้อยยกกำไลดอกหญ้าขาวขึ้นมาเคลียกับผิวแก้มปุปะอันเต็มไปด้วยตุ่มหนอง
“อย่างนั้นหรือ”
“อือ”
“เช่นนั้นเอาไว้พี่จะทำให้อีก” เด็กวัดรูปงามยิ้มอย่างใจดี
“เนื้อทอง อ้าปากสิ” เสียงทุ้มร้องเรียกก่อนที่นิ้วยาวจะยื่นไปสะกิดไหล่เล็ก ใบหน้าหล่อคมคายส่งยิ้มหวานละมุน พร้อมทั้งยกขนมชิ้นเล็กยื่นมาให้
“หือ”
“เจ้ามิต้องรับขนมจากมือพี่ก็ได้ แค่อ้าปากก็พอ เดี๋ยวพี่ป้อนเจ้าเอง”
“พี่เทพ...” หยดน้ำตาใสเป็นประกายแวววาวดั่งน้ำค้างแก้ว รินออกมาจากดวงตาเหลืองเหล่น่าเกลียด ปากแหว่งเหยียดยิ้มน่าชังก่อนจะเม้มปากเข้าหากันแน่น ช่างใจในอาญาความผิด หากพ่อรู้เข้าเนื้อหนังบนร่างกายนี้คงเต็มไปด้วยรอยหวาย รอยแส้ แต่ชายตรงหน้าหรือนั้นคือคนที่ตนรักนักหนา ความอบอุ่นอ่อนโยนเช่นนี้สิบห้าปีผ่านมา เนื้อทองเพิ่งเคยได้รับมันเป็นครั้งแรกเท่านั้น
“พี่ได้ขนมมาชิ้นหนึ่งจากสำรับหลวงตา เห็นเด็กวัดคนอื่นบอกว่ามันอร่อย พี่เลยเอามาฝากเจ้า”
“ให้ทองหรือ” เด็กน้อยสะอื้นสะอึกตื้นตันใจ ดวงตาแสนซื่อมองขนมในมือนั้น ราวกับมันคืออัญมณีอันมีค่า
“ใช่ พี่ตั้งใจเอามาให้ทอง อ้าปากเร็ว”
ขนมทองเอกชิ้นน้อยถูกป้อนใส่เข้าไปในปากเล็ก ฟันห่างขยับเคี้ยวขนมหวานรสชาติหอมอร่อยกลืนล่วงผ่านเข้าไปในลำคอทั้งน้ำตา ชายหนุ่มเบื้องหน้าวางมือลูบผมปลอบประโลมเด็กน้อยผู้กลัวในความผิด
“อร่อยมั้ย”
“อือ”
“เอาไว้พี่มีของอร่อยๆ พี่จะเอามาฝากทองอีกนะ”
“อือ” ความตื้นตันบีบคั้นเค้นหัวใจจนมิอาจเอ่ยคำใดออกมาได้
“ไม่เอา ไม่ต้องร้องไห้นะ เนื้อทองของพี่” ท่อนแขนใหญ่โอบเอาเด็กน้อยผู้น่าสงสารเข้าไปสวมกอดพร้อมทั้งพูดปลอบโยนด้วยถ้อยคำหวานหูนุ่มนวล
“พรเทพ หลวงตาให้มาตามกลับวัด” รุ่งเด็กวัดหน้าใหม่เดินออกมาจากหลังพุ่มไม้ใหญ่สีหน้าตึงเหมือนมีเรื่องไม่พอใจ
“อย่างนั้นหรือ” คนทั้งสองผละถอยห่างออกจากกัน
“อือ รีบไปประเดี๋ยวจะโดนหลวงตาเอ็ดเอา”
“พี่เทพรีบไปหาหลวงตาเถิด ทองจะกลับบ้านแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นเดินกลับบ้านดีๆ นะทอง”
“จ้ะ”
“เดี๋ยวข้าไปส่งทองให้ เอ็งรีบกลับวัดไปเถิด” รุ่งหันหน้าไปมองเด็กวัดฐานะลูกท่านขุนก่อนจะหันมามองหน้าลูกหมอเสน่ห์
“ถ้าอย่างนั้น ข้าฝากให้เอ็งช่วยไปส่งเนื้อทองที่เรือนด้วย”
“ทองกลับเองก็ได้ พี่รุ่งไม่ต้องลำบากไปส่งทองดอก” เด็กน้อยมองสลับไปมาระหว่างเด็กหนุ่มโตกว่าสองคน
“มันใกล้ค่ำแล้วให้ไอ้รุ่งไปส่งเถิดทอง หน้าน้ำงูเงี้ยวเขี้ยวขอ ตะขาบ
แมงป่อง หนีน้ำขึ้นมาตามคันดินมีมากนักมันอันตรายพี่เป็นห่วง” ประโยคสั้นอันเปี่ยมไปด้วยความห่วงใย ทำให้หัวใจอันแห้งแล้งเหี่ยวเฉาของเด็กน้อยผู้อ่อนเดียงสากลับชุ่มเย็น แม้เท้าแปเดินปัดโขยกเป๋ไปเบื้องหน้าหากทว่าใบหน้ายังคอยเหลียวหันหลังกลับไปมองเจ้าของกำไลดอกไม้จนกระทั่ง ร่างสูงใหญ่นั้นลับไปจากสายตา
“ทองชอบดอกไม้มากหรือ” เสียงพร่าเอ่ยถามขณะเดินนำไปบน คันดินแฉะ
“ชอบมากเลย ทุกวันทองต้องไปเตรียมดอกไม้ ของหอมทำพานขันธ์ให้พ่อ ทองก็เลยชอบดอกไม้ พี่รุ่งถามทำไมหรือ”
“เปล่า พี่ถามไปอย่างนั้นเอง ไม่มีสิ่งใดหรอก”
“แล้วพี่รุ่งชอบอะไร ชอบกินขนมหรือเปล่า”
“ขนมตาลที่ทองทำนะหรือ”
“อือ”
“อร่อยดี พี่กินแล้ว” ใบหน้าคมก้มมองต่ำมายังคนตัวเตี้ยที่เดินโขยกไหล่ยักขึ้นยักลงเพราะขาพิการกับหลังงุ้มคดงอ
“อร่อยหรือ อย่างนั้นเดี๋ยวทองทำให้กินอีกนะ” เจ้าของขนมตาลยิ้มด้วยความปีติใจ เมื่อได้ยินคนชมว่าฝีมือทำขนมของตนนั้นอร่อย
“อย่าเลยลำบากทองเปล่าๆ ไม่เป็นไรดอก พี่รอกินข้าวกินขนม ของเหลือจากก้นบาตรหลวงตาก็พอแล้ว”
“ไม่ลำบากสักนิด ทองต้องทำมาใส่บาตรทุกวันอยู่แล้ว เอาไว้วันพรุ่งนี้ทองจะทำเผื่อพี่รุ่งด้วย”
“ขอบใจนะเนื้อทอง” มืออุ่นลูบลงบนกะโหลกโปนพร้อมยิ้มอบอุ่น
“ถึงเรือนแล้ว พี่รุ่งกลับเถิด” เท้าสองคู่เดินมาหยุดลงบนทางสองแพร่ง ก่อนถึงแยกต้นประดู่คู่ จากตรงนี้หลังคาเรือนหมอคุ้มห่างไปพอให้มองเห็นอยู่ไกลๆ เนื้อทองหันมากล่าวลาคนที่อาสาเดินมาส่ง เพราะไม่อยากเดินต่อไปด้วยกลัวว่าพ่อจะเห็น
“ถึงที่ไหนกัน เรือนทองอยู่โน่น”
“พี่รุ่ง ส่งทองตรงนี้แหละ เดี๋ยวพ่อเห็น ทองกลัวโดนพ่อตี” เล็บแข็งจิกลงบนปลายนิ้วตัวเองก่อนจะหันไปมองหลังคาเรือนอย่างหวาดระแวง
“ถ้าอย่างนั้นพี่ส่งตรงนี้ก็ได้ เพราะพี่เองก็ไม่อยากให้เนื้อทองของพี่ ถูกเฆี่ยน ถูกตี”
“จ้ะ ขอบคุณพี่รุ่งมากนะ ที่เดินมาส่งทอง”
“ไม่เป็นไร พี่กลับก่อนนะ”
เมื่อแผ่นหลังกว้างเดินห่างหายไปบนถนนคด เนื้อทองถอดกำไลดอกหญ้าออกมาจากข้อแขน แล้วเก็บซ่อนมันไว้ในชายพกโจงกระเบนเพราะกลัวถูกพ่อเอาไปเผาไฟทิ้ง เด็กน้อยกลัวความผิดยืนเกาะหัวกระไดเรือนอยู่นานจนแน่ใจว่าพ่อยังไม่ออกจากฌานกรรมฐานจึงแอบย่องขึ้นเรือน
“เนื้อทอง!”
เปรี๊ยะ แส้หางกระเบนสะบัดฟาดน่องเล็กจนเนื้อแตกเลือดซิบไหลติดมากับแส้คม แขนเรียวถูกกระชากเหวี่ยงร่างบอบบางของหนุ่มน้อยวัยสิบห้าปี ล้มลงไปนอนหมอบคว่ำหน้า เด็กน้อยผู้ยังไม่ประสาในความเกรี้ยวกราดของพ่อพนมมือไหว้กราบอยู่ติดหลังตีนผู้เป็นพ่อ
“กลัวแล้ว พ่ออย่าตีทองเลย ทองเจ็บ” มือน้อยๆ เหนี่ยวข้อเท้าของคนเป็นพ่อร้องไห้โฮอย่างน่าสงสาร
“มึงกลัวกูแน่หรือ ถ้ากลัวแล้วทำไมมึงยังกล้าขัดคำสั่งกู”
“ทองไม่ได้ทำอะไรเลย”
“มึงยังกล้าโกหกกูอีกหรือ” แส้ยาวขนาดสองวาสะบัดฟาดซ้ำลงไปบนแผ่นหลังเห็นรอยเลือดซึมติดเสื้อขาวขึ้นมาเป็นริ้วๆ ชัดเจน
“พ่อ ทองกลัวแล้ว กลัวแล้วไม่ทำแล้ว”
“หยิบมันออกมา ใครเอาอะไรให้มึง เอามันออกมา”
“พ่อ...พี่เขาให้ทอง” มือเล็กกอดรัดผ้าคาดเอวเอาไว้แน่น หวงแหนกำไลน้อยไร้ราคา แต่มันมีค่าต่อหัวใจดวงเล็ก
“มึงจะตายก็เพราะไอ้พวกผู้ชายหลอกลวง มึงจำคำกูไว้เนื้อทอง เอามันออกมา” มือหยาบกระชากดึงชายผ้านุ่งหลุดลุ่ยแย่งเอากำไลดอกหญ้า สีขาวออกไปโยนใส่กองไฟต่อหน้าต่อตาลูกชาย
“กูเคยบอกมึงกี่ครั้ง กี่หนแล้วว่าอย่ารับของจากมือคนอื่น” แส้หางกระเบนสะบัดหวดเสียงดังขวับๆ ฟาดลงมาซ้ำแล้วซ้ำอีก
“พ่อทองเจ็บ กลัวแล้ว ทองกลัวแล้ว” เสียงร้องไห้สลับกับเสียงแส้หวด ลงบนหลังอย่างไม่ยั้งมือ สามสี่ครั้งเสียงร้องไห้นั้นจึงเงียบไปเพราะคนที่ถูกลงทัณฑ์สลบหมดสติไปกลางเรือน
“ไอ้ครั้น มึงลากมันไปขังไว้ในห้อง ถ้ากูไม่อนุญาตห้ามมันลงจากเรือนเด็ดขาด”
Waiting for the first comment……
Please log in to leave a comment.