ตอนที่ 7 นอกสายตา
ผมนอนจมอยู่ในกองผ้าห่มหนากลิ่นหอม แสงสว่างภายในห้องสลัวรางมองเห็นทุกอย่างเป็นเพียงเงาตะคุ่มๆ ไม่รู้ ผมไม่คิดว่าไอ้เพียวมันจะเป็นห่วงผมมากถึงขนาดมานั่งเฝ้าผมแบบนี้
“ไอ้เพียวมึงยังอยู่อีกเหรอ” ผมค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นมานั่งอย่างช้าๆ
“ตื่นแล้วเหรอมึง นึกว่าตายห่าไปแล้ว” ไอ้เพียวลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปนอกห้อง
นอกห้องเหรอ?
ผมกะพริบตาถี่ๆ แล้วหันไปมองรอบตัว นี่มันไม่ใช่ห้องของผม แต่เป็นห้องที่ผมเข้ามารับงานเมื่อคืนก่อน ผู้ชายสามคนเดินเรียงเข้ามายืนจ้องหน้าผมเหมือนต้องการอยากจะเค้นหาความจริง
“คุณโอลิเวอร์” ผมกดคางลงไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปสบตากับเจ้าของบาร์รูปหล่อ
“แก๊ป เกิดอะไรขึ้นใครเป็นคนทำร้ายเธอ”
คุณโอลิเวอร์ยืนกอดอกพยักหน้าลงมาหาผม ถามถึงที่มาของรอยแผลฟกช้ำตามใบหน้าและเนื้อตัว คำถามของคุณโอลิเวอร์ทำให้ผมก้มลงมามองแขนขาซึ่งเต็มไปด้วยรอยเขียวๆ ม่วงๆ และเสื้อผ้าที่มันไม่ใช่ของผม ไม่รู้ว่าไอ้เพียวมันเปลี่ยนเอาเสื้อใคร มาใส่ให้ แต่ถ้าอยู่ในห้องของคุณสเตฟานมันก็ไม่น่าจะเป็นของคนอื่นไปได้
“ฉันให้ทัชไปส่งเธอที่หอ แต่ทัชบอกว่าตอนที่ส่งเธอวิ่งลงจากรถไปทุกอย่างยังปกติดีแล้วมันเกิดอะไรขึ้น” คุณสเตฟานนั่งลงบนเตียงข้างๆ ผมพร้อมกับวางนิ้วแตะไล่ไปทั่วใบหน้าบวมช้ำของผมเบาๆ
“โอ๊ย...” ผมเอียงแก้มหนีนิ้วมือนั้นแล้วขยับตัวออกห่าง
“บอกสิมึงว่าใครเป็นคนทำ กูจะได้ตามไปกระทืบพวกมันถูก” ไอ้เพียวยื่นหน้าเข้ามาใกล้พร้อมกับทำท่ามองสำรวจผมไม่ต่างจากผู้ชายอีกสองคนในห้อง
“เอ่อ...ไม่มีอะไรครับ แค่วัยรุ่นอารมณ์ร้อน เข้าใจผิดกันนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
“อื้อฮือ นี่แถวบ้านมึงเรียกว่าไม่มีเหรอ เขียวไปทั้งตัวขนาดนี้ รอดตายมาได้กูก็ว่าปาฏิหาริย์แล้วนะไอ้แก๊ป”
“บอกมาเถอะว่าใครเป็นคนทำ ไม่มีอะไรต้องกลัวทั้งนั้น” คุณสเตฟานนั่งจ้องตาผมเขม็ง
“ไม่มีครับ”
ผมก้มหน้าลงไปมองหลังมือเขียวช้ำแล้วนึกถึงต้นสายปลายเหตุทั้งหมดที่เกิดขึ้น ถ้าผมอ้าปากบอกความจริงทั้งหมดออกไป เพียงแค่คำพูดลอยๆ ของผมอาจถูกมองว่ามันเป็นการ ใส่ร้ายพี่แม็กซ์โดยไม่มีหลักฐานไม่มีเหตุจูงใจใดๆ เลยหรือเปล่านะ ด้วยสถานะเบอร์หนึ่งของพี่แม็กซ์มันแทบไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะทำแบบนี้กับเด็กดริ๊งปลายแถวหน้าโหลอย่างผม
อีกทั้งเด็กขายบนชั้นสองโซนห้องแดงก็ล้วนแต่เป็นพรรคพวกของพี่แม็กซ์ทั้งหมด แล้วเด็กนั่งดริ๊งง่อยๆ อย่างผมจะเอาอะไรไปสู้กับเขา ผมยังคงอยากทำงานอย่างสงบอยู่ที่บาร์ต่อไป ดังนั้นการมีเรื่องตั้งตัวเป็นอริศัตรูกับพี่แม็กซ์จึงไม่น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผม อีกอย่างผมไม่รู้ใจของคุณโอลิเวอร์เลยว่าจะรับฟังคำบอกเล่าปากเปล่าจากเด็กดริ๊งอย่างผมที่หาเงินเข้าบาร์ได้แค่คืนละไม่กี่พันบาท หรือจะเลือกเก็บรักษาดาวบาร์เบอร์หนึ่งที่สามารถเรียกแขกทำเงินให้กับบาร์ได้คืนละเป็นแสน สำหรับผมในตอนนี้ได้แต่หวังว่าสิ่งที่ไอ้เพียวเคยพูดไว้มันจะเป็นจริงในวันนี้หรือพรุ่งนี้ คือภาวนาขอให้คุณสเตฟานรีบเบื่อแล้วหมดความสนใจในตัวของผมให้เร็วที่สุด
“ฉันถามอีกครั้งว่าใครเป็นคนทำร้ายเธอ” คุณสเตฟานถามย้ำผมท่าทางจริงจังดวงตาสีเข้มแข็งกร้าวดูน่ากลัว
“ผม...ไม่รู้จักครับ” ผมส่ายหน้าปฏิเสธแล้วเหลือบตาไปมองหน้าไอ้เพียวแทนเพื่อขอความช่วยเหลือจากมัน
“อ๋อออ...แถวนั้นวัยรุ่นขี้เมามันเยอะอ่ะครับ ไอ้แก๊ปมันคงจะเดินน่ารักไปเตะตาใครเข้า...” ไอ้เพียวลากเสียงยาวตอบกลับคุณโอลิเวอร์แล้วจ้องผมตอบกลับมา
“ในเมื่อหอพักไม่ปลอดภัย เธอก็อยู่ที่คอนโดนี่ไปก่อนแล้วกัน” คุณสเตฟานลุกขึ้นกลับไปยืนข้างคุณโอลิเวอร์
“นั่นสิ ฉันว่าเธออยู่ที่นี่ก่อนดีกว่า”
“เอ่อ...แต่ผมอยากกลับไปห้องมากกว่าครับ”
“มึงพักรักษาตัวอยู่นี่แหละ มึงจะกลับไปให้ถูกกระทืบอีกเหรอ” ไอ้เพียวสนับสนุนคำพูดเจ้าของบาร์อย่างประจบ
“เอาล่ะ ถ้าเธอไม่ยอมพูดว่าใครเป็นคนทำร้ายเธอ ฉันก็คงทำได้แค่รับรู้ว่าเธอเจ็บ อยู่ที่นี่รักษาตัวให้หายดีก่อนแล้วค่อยกลับไปทำงานก็แล้วกัน” คุณโอลิเวอร์ถอนหายใจเงียบๆ แล้วเดินออกจากห้องไปพร้อมกับคุณสเตฟาน
“ไอ้แก๊ป” ไอ้เพียวปีนขึ้นเตียงมานั่งใกล้ผมทันทีเมื่อหนุ่มฝรั่งสองคนเดินพ้นออกไปจากห้อง
“อะไรของมึง”
“บอกมานะว่านี่ฝีมือพี่แม็กซ์ใช่หรือเปล่า” ไอ้เพียวกระซิบลงมาถามผม ตาของมันชะเง้อไปทางประตูห้องเหมือนกลัวว่าฝรั่งสองคนที่เดินออกไปจะวนกลับเข้ามาได้ยิน
“อืม” ผมพยักหน้าตอบมันเบาๆ
“เหี้ยเอ๊ย...กูว่าแล้วเชียว” ไอ้เพียวยกมือขึ้นมาเกาหัวทันที
“เขาโกรธที่กู....มานอนกับคุณสเตฟาน” ผมหันหน้าไปยังหันเตียงถาดแก้วใสนั้นว่างเปล่าไม่มีซองถุงยางอนามัยหลากวางเตรียมเอาไว้เหมือนเคย
“ไอ้เพียว กูนอนกับคุณสเตฟานแล้ว...อีกนานมั้ยกว่าเขาจะเบื่อกู แล้วต่อไปกูต้องทำยังไงต่อ คุณสเตฟานของมึงถึงจะเลิกยุ่งกับกูหรือว่าทำให้เขาเกลียดกูก็ได้” ผมเอ่ยปากขอคำปรึกษาจากเพื่อนที่มีความรู้ทางด้านนี้มากที่สุด
“มึงอยากให้เขาเกลียดมึงมากขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ก็แค่อยากอยู่เงียบๆ ไม่อยากมีเรื่องกับใคร มึงช่วยกูได้มั้ย”
“กูไม่แน่ใจแต่เท่าที่กูสังเกตดูไอ้พวกเด็กขายที่มันขึ้นเตียงกับคุณสเตฟานแล้วไม่ถูกเรียกซ้ำก็เป็นประเภทพวกหิวเงิน พอเห็นว่าคุณสเตฟานเป็นพวกสายเปย์มันก็เรียกจนโอเวอร์เกินราคาแบบนี้คุณสเตฟานไม่ชอบ แล้วก็พวกที่ร่านมากๆ อ่ะมึง”
“ฮะ...ยังไงวะร่านมากๆ”
“ก็บางคนมันก็มั่วเกินเอาไม่เลือก แบบนั้นคุณสเตฟานก็ไม่ชอบเหมือนกัน ถึงเขาจะซื้อกินแต่ก็เลือกนะเว้ย...แต่หน้าอย่างมึงคงใช้เหตุผลนี้ไม่ได้หรอกเพราะมึงมันร่านไม่พอ...อ้ออีกอย่างหนึ่ง กูสังเกตมานานแล้ว”
“อะไร?”
“คุณสเตฟานไม่ชอบให้ใครยุ่งกับของใช้ส่วนตัวของเขา เหมือนห้องเนี่ยกูก็ไม่เคยมา เพิ่งเคยเห็นเนี่ยแหละ” ไอ้เพียวพูดพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบห้อง
ผมก้มลงมองเสื้อเชิ้ตแขนยางสีขาวตัวหลวมที่ตัวเองสวมอยู่ พร้อมกับเตียงนอนหลังใหญ่ที่ผมกับไอ้เพียวกำลังนั่งคุยกันอยู่นี่ ก็ถ้าคุณสเตฟานไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวายกับของใช้ส่วนตัวแล้วสิ่งเหล่านี้มันคืออะไรกัน
“เพียว...มึงไม่เคยมาที่นี่เหรอ”
“ฮึ...ไม่เคย...ทุกทีคุณสเตฟานจะพากูกับพี่แม็กซ์ไปเอาในโรงแรมเสร็จแล้วก็แยกย้ายไม่เคยค้างคืน”
“ไม่เคยค้างคืน?”
“ไม่นะอย่างมากก็นอนพักให้หายเหนื่อยแล้วก็ให้คนขับรถไปส่ง ถามแบบนี้หรือว่าเมื่อคืนก่อนคุณสเตฟานเอามึงยันเช้าเลยเหรอ”
“เปล่า ไม่ได้ถึงเช้า”
“แล้ว...เป็นไงบ้างเด็ดอย่างที่กูบอกปะ” ไอ้เพียวเอียงเอาตัวมากระแทกผม
“เด็ดเหี้ยอะไร”
“คิงไซส์ฝังมุก มึงว่าไม่เด็ดหรือไงแค่นึกถึงกูยังเสียวสะดือเลย” ไอ้เพียวทำท่าระริกระรี้จนน่าถีบให้ตกเตียง
“มึงเด็ดของมึงไปคนเดียวเถอะ”
ผมนั่งคุยกับไอ้เพียวได้ครู่เดียวคุณโอลิเวอร์ก็เดินกลับเข้ามาเพื่อขอบอกว่าจะกลับเพราะใกล้เวลาที่บาร์จะเปิดให้บริการแล้วจึงพาไอ้เพียวกลับไปพร้อมกัน หลังจากคุณโอลิเวอร์และไอ้เพียว กลับไปแล้วผมเดินไปหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่ พร้อมกับหันมองไปรอบๆ เพื่อมองหาของอะไรที่มันกินได้เพราะตอนนี้ผมรู้สึกหิวมากจนแทบไม่มีแรง สมองก็เบลอๆ ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะผมเอาแต่นอนฝังตัวอยู่บนเตียงตลอดเกือบสองวันสองคืนที่ผ่านมา
“หิวหรือเปล่า” เสียงเจ้าของคอนโดถามผมเหมือนแอบฟังความคิดในหัวผมได้
“ครับ...หิวครับ”
ผมพยักหน้าแล้วก้มลงมองเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งที่ตัวเองสวมอยู่กับกางเกงบ็อกเซอร์ตัวใหญ่แต่พอใส่ได้ไม่ถึงกับหลวมจนหลุดตูดแล้วนึกไปถึงคำพูดไอ้เพียว ไม่ชอบให้ใครยุ่งกับของใช้ส่วนตัว ก็ถ้าไม่ชอบให้คนอื่นยุ่งแล้วไอ้ที่ผมใส่อยู่นี่ล่ะ?
“คุณสเตฟานอันนี้เสื้อคุณเหรอครับ”
“ใช่ ทำไมเหรอ”
“เปล่าครับ...แค่ตัวมันใหญ่ไป” ผมยกมือดึงเอาไหล่เสื้อซึ่งมันตกลงไปจนเห็นหัวไหล่เขียวๆ ขยับขึ้นมาเพื่อปกปิดรอยช้ำและบดบังไหล่เปลือย
“เธอนี่ไม่ชอบของใหญ่จริงๆ เหรอ ถึงเธอไม่ชอบแต่ฉันชอบแบบนี้นะ” เจ้าของเสื้อยักคิ้วพร้อมกับยกมุมปากยิ้มอย่างพอใจ
“คุณสเตฟานครับ เอ่อ...เรื่องนาฬิกา ผมไม่มีเงินห้าล้านมาคืนคุณหรอกนะครับ ผมขอผ่อนจ่ายได้หรือเปล่าครับ สักเดือนละหนึ่งหมื่น” ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของข้อมือซึ่งเวลานี้มีนาฬิกาหรูเรือนใหม่แขวนติดอยู่บนนั้นแทนเรือนเดิมที่ผมทำมันพัง
“เดือนละหมื่นแล้วกี่ปีเธอถึงจะใช้หนี้ฉันหมด”
“ก็ถ้าเดือนไหนผมได้ทิปเยอะ ผมอาจจะใช้คืนคุณได้เดือนละสองหมื่นหรือไม่อย่างนั้น ผมจะลองเอาไปหาร้านซ่อมดูได้หรือเปล่าครับ”
“แบรนด์นี้ต้องส่งไปซ่อมที่ต่างประเทศ อีกอย่างฉันไม่ชอบของมีตำหนิ” คุณสเตฟานลุกขึ้นเดินไปยังบาร์เครื่องดื่มแล้วหยิบเหล้าฝรั่งขวดหนึ่งพร้อมแก้วลงมาจากชั้นด้านบนแล้วเดินกลับมานั่งลงข้างๆ ผม
“รินเหล้า”
ฝรั่งตัวโตวางขวดเหล้าพร้อมแก้วลงมาตรงหน้า ผมหยิบมันขึ้นมาแล้วออกแรงหมุนเกลียวเปิดแต่แรงผมตอนนี้นั่งเฉยๆ ยังแทบไม่ไหว จนลูกค้าฝรั่งคงรำคาญถึงคว้าขวดแก้วไปจากมือแล้วบิดเปิดฝาขวดให้ผมก่อนจะส่งมันคืนกลับมา
“ดริ๊งละพันเหมือนเดิม”
คุณสเตฟานกระดิกนิ้วชี้เรียกให้ผมขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ ผมค่อยๆ เลื่อนตัวเองไปหาแล้วยกแก้วในมือขึ้นไปจรดริมฝีปากหนาที่เผยอออกรอรับเครื่องดื่มดีกรีร้อนแรงในแก้วจากผม
หลังจากเครื่องดื่มในแก้วถูกลูกค้าพิเศษกลืนลงคอไปหมดแล้วผมเอื้อมมือไปหยิบกรวดสีขาวในกระถางต้นไม้พลาสติกด้านข้างออกมาวางบนโต๊ะกระจกหนึ่งเม็ดแทนความจำว่าลูกค้าผมดื่มไปกี่ดริ๊ง โดยมีสายตาของคุณสเตฟานมองตามมือผมไปด้วย
“กลัวฉันโกงเหรอ”
“เปล่าครับ ผมกลัวตัวเองจะลืมแล้วคิดเงินคุณเกินราคามากกว่า” ผมเทเหล้าลงไปในแก้วอีกรอบแล้วยกมันป้อนส่งลงคอเจ้าของห้องอีกครั้ง
“คิดว่าจะปกปิดเรื่องคนที่ทำร้ายเธอแบบนี้ไปได้นานแค่ไหน” คุณสเตฟานยื่นมือมาเชยคางผมขึ้นไปแล้วพลิกใบหน้าซ้ายขวามองสำรวจรอยช้ำเป็นจ้ำๆ
“เปล่านี่ครับ แต่ผมไม่รู้จักคนพวกนั้นจริงๆ”
“ฮึ...เอาเถอะตามใจเธอ ฉันจะไม่เซ้าซี้ถามเพราะเธอคงคิดดีแล้วเรื่องนี้”
“ครับ”
“ฉันอยากสูบบุหรี่ เราย้ายไปนั่งข้างนอกเถอะ” คุณสเตฟานลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วยกขวดเหล้าราคาแพงเดินออกจากห้องรับแขกไปทางระเบียงขนาดกว้างส่วนที่เป็นสระว่ายน้ำพร้อมสวนเล็กๆ ด้านนอก
ผมหยิบแก้วเหล้าเปล่าพร้อมกับกำหินสีขาวเม็ดเล็กๆ สี่ห้าเม็ดบนโต๊ะแล้วลุกเดินตามออกไปช้าๆ จากระเบียงคอนโดแห่งนี้มองออกไปมีเพียงวิวของตึกสูงในกรุงเทพ ท้องฟ้าสีเทาหม่นจากฝุ่นควันลอยฟุ้งเห็นได้ชัดเจน
คุณสเตฟานนั่งเอนหลังไปบนเก้าอี้ตัวใหญ่อย่างสบายใจมือข้างหนึ่งคีบบุหรี่ค้างเอาไว้พร้อมกับพ่นควันสีขาวออกมาลอยวนอยู่รอบตัว ฝ่ามือข้างหนึ่งตบลงบนหน้าขาที่ผมจำได้ว่าภายใต้เนื้อผ้านั้นมันมีหมีดำตัวใหญ่แยกเขี้ยวฟันขาวซ่อนอยู่ ผมหย่อนก้นที่ยังรู้สึกเจ็บระบมอยู่นิดๆ ลงไปนั่งบนตักกว้างแล้วรินเหล้าเติมลงแก้วเปล่าอีกครั้ง
“คืนนี้เธออยากรับงานพิเศษหรือเปล่า?” คุณสเตฟานดึงผมให้เอนตัวลงไปอิงซบกับแผงอกกว้างซึ่งมีปีกนกอินทรีโผล่ออกมาอวดสายตาผม
“ไม่รับครับ คืนนี้ผมแค่นั่งรินเหล้าเฉยๆ”
“ไม่เปลี่ยนใจเหรอ”
“ไม่ครับ...”
“แล้วตกลงว่าของใหญ่เนี่ยมันดีหรือเปล่า...เธอยังไม่ได้ตอบฉันเลยนะ” คุณสเตฟานก้มลงมาถามผมตรงข้างใบหู ซ้ำน่าจะเป็นรอบที่ห้าสิบตั้งแต่คืนก่อน
“ไม่ดีครับ” ผมเหยียดริมฝีปากอมยิ้มจนรู้สึกเจ็บตึงๆ เอื้อมมือไปรินเหล้าใส่แก้วแล้วยกขึ้นส่งให้ลูกค้าพิเศษดื่มอีกแก้ว
“ไม่ดีจริงเหรอ...”
“ครับ...ไม่ดี” ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตาเป็นประกายของคุณสเตฟานแล้วต้องรีบก้มหลบเพราะผมรู้สึกเหมือนตัวเองร้อนวูบวาบในช่องท้องแปลกๆ ทั้งที่ผมยังไม่ได้ดื่มแม้แต่แก้วเดียว
คุณสเตฟานดื่มเหล้าจากมือผม แล้วหันไปอัดบุหรี่เข้าปอดอย่างสบายใจเสียงฝีเท้าเบาๆ ของใครบางคนเดินตรงมาทางระเบียงเห็นเป็นร่างสูงในชุดดำ ซึ่งผมรู้ในทันทีว่าน่าจะเป็นพี่ทัช
“มาแล้วครับ” เสียงพี่ทัชดังอยู่ห่างไปไม่มาก
ผมผงกหัวผละออกมาจากซอกแขนของคุณสเตฟานเพื่อต้องการเอื้อมมือไปหยิบหินก้อนเล็กๆ มาเติมลงบนโต๊ะ แต่สายตาของผมเหลือบไปเห็นขากางเกงยีนสีอ่อนของใครคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่ข้างๆ คุณสเตฟานติดกับพี่ทัช
“ขอบใจนะแม็กซ์ ที่อุตส่าห์ซื้อของมาให้” คุณสเตฟานพ่นควันบุหรี่ทิ้งไปก่อนจะเอ่ยปากขอบคุณคนที่เพิ่งมาถึง
ตัวผมชาวูบตั้งแต่หนังหัวจนถึงปลายเท้าเมื่อหันไปเห็นสันกรามขาวๆ ของพี่แม็กซ์กระตุก สายตาอาฆาตแค้นเคืองที่มองลงมาทำให้ผมไม่รู้จะขยับหันไปทางไหน ได้แต่เอื้อมมือดึงชายเสื้อเชิ้ตสีขาวของคุณสเตฟานซึ่งผมสวมอยู่ให้มันขยับร่นลงไปบังเรียวขาที่มีแต่รอยช้ำของผม
“ผมไม่ยักรู้ว่าคุณสเตฟานเอาเด็กขายคนอื่นมาที่คอนโดด้วย” พี่แม็กซ์นั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้างคุณสเตฟาน
“นายจะดื่มสักแก้วมั้ยหรือว่าต้องรีบกลับไปทำงานที่บาร์”
คุณสเตฟานลดท่อนแขนลงมาโอบเอวของผมพร้อมกับสะกิดตบฝ่ามือลงบนเอวผมเบาๆ เหมือนต้องการให้ผมรินเหล้าให้พี่แม็กซ์ด้วย
“ถ้าคืนนี้คุณอยากให้ผมนอนที่นี่...ผมจะโทรไปแจ้งกับ คุณโอลิเวอร์เองว่าคืนนี้ผมมาอยู่ดูแลคุณ”
พี่แม็กซ์เอื้อมมือลงมาคว้าแย่งขวดเหล้าและแก้วเปล่าไปจากมือผม ปลายนิ้วมือเรียวที่แตะสัมผัสผ่านเพียงแผ่วผิวของ พี่แม็กซ์เหมือนถ่านไฟร้อนๆ ทั้งกองที่จี้ลงมาโดนตัวผม มือหนายกแก้วใบสวยยื่นส่งให้คุณสเตฟานพร้อมรอยยิ้มหวานอย่างคนช่างประจบเอาใจ
ผมนั่งหน้าชา ตัวแข็งเหมือนถูกสาปทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าต้องเอามือ เอาขา เอาแขนไปวางไว้ตรงไหนดีแต่ที่แน่ๆ มือคุณสเตฟานยังวางทิ้งไว้บนเอวผม ส่วนมืออีกข้างที่คีบค้างบุหรี่ครึ่งมวนยกขึ้นมารับแก้วเหล้าจากพี่แม็กซ์ก่อนจะเทลงคอไปอย่างช้าๆ จังหวะเดียวกับพี่ทัชเดินมาวางจานอาหารสองสามอย่างลงบนโต๊ะตรงหน้าพวกเราสามคน
“ขอบใจจะนะแม็กซ์น่ากินมาก แก๊ปเธอกินได้มั้ยหรือว่าจะให้ฉันโทรสั่งอาหารขึ้นมาใหม่” คุณสเตฟานเอียงหน้าลงมาถามผมโดยที่ยังไม่ตอบคำถามของพี่แม็กซ์ พร้อมกับแตะริมฝีปากลงมาบนแก้มผมเบาๆ
“ปากแตกอยู่ใช่หรือเปล่า ถ้ากินไม่ได้จะให้คนไปซื้ออย่างอื่นมาให้”
ผมก้มลงไปมองจานขนาดใหญ่ที่มีก้ามปูอันใหญ่อวดเนื้อสีขาวจั๊วะน่ากินวางกองเทินกันเป็นภูเขาตรงหน้า ด้านข้างเป็นหอยนางรมตัวใหญ่เท่าฝ่ามือนอนแบเรียงกันพร้อมเครื่องเคียง
“ได้ครับ” ผมพยักหน้ารับเบาๆ แต่ไม่กล้ากินเพราะคนที่ซื้อมันมานั่งถลึงตามองผมอยู่ฝั่งตรงข้าม
“คุณสเตฟาน...”
“วันนี้คงไม่ต้อง นายกลับไปทำงานเถอะ ฉันมีคนป่วยให้ต้องดูแล ส่วนค่าอาหารเดี๋ยวฉันให้ทัชจัดการให้...” คุณสเตฟานวางแก้วเปล่าลงบนโต๊ะก่อนจะอัดบุหรี่ลงปอดแล้วเงยหน้าพ่นควันบุหรี่สีขาวกลิ่นฉุนขึ้นไปด้านบนเหนือหัวพวกเราทุกคน
“..............” พี่แม็กซ์นั่งนิ่งสีหน้าเรียบเฉยดูไร้ความรู้สึกแต่สัญชาตญาณลึกๆ ของผมกลับรู้สึกกลัวเหลือเกิน
“ทัชโทรสั่งข้าวต้มดีกว่าน่าจะกินง่าย เธอโอเคมั้ยแก๊ปหรือว่าอยากกินอะไร”
ฟอดดด ปลายจมูกโด่งกดลงมาติดแก้มผมเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน แล้วมันไม่ได้มาแค่จมูกเพราะริมฝีปากอุ่นๆ กับกลิ่นบุหรี่ฉุนๆ แตะประทับลงมาบนปากผมที่ยังอ้าค้างทิ้งไว้เพราะความตกใจ
“อื้อ...เจ็บ” ผมเอี้ยวตัวหลบพร้อมกับยกมือมาดันปาก คุณสเตฟานออกไปให้ห่างแล้วยกนิ้วมาแตะค้างไว้ตรงมุมปากจากฝีเท้าของพี่แม็กซ์
“เจ็บเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันจูบเบาๆ ก็ได้” คุณสเตฟานทำท่าเหมือนจะยื่นหน้า ยื่นปากกลับมาจูบผมอีกรอบ
“ไม่เอาไม่ให้จูบแล้ว”
Waiting for the first comment……
Please log in to leave a comment.