ตอนที่ 8 งานพิเศษ
“คุณสเตฟานไม่ไปที่บาร์หรือครับคืนนี้” ผมมองแผ่นหลังของพี่แม็กซ์ที่ลุกขึ้นจากโต๊ะเดินกลับออกไปอย่างเงียบๆ แล้วจึงหันมาถามเจ้าของคอนโด
“วันนี้ไม่อยากไป เธอถามแบบนี้...อยากให้ฉันไปอย่างนั้นเหรอ” คุณสเตฟานเอี้ยวหน้าลงมามองผมที่ยังนั่งอยู่บนหน้าขาใหญ่โตเพราะลุกไปไหนไม่ได้เนื่องจากท่อนแขนแข็งๆ กับมือหนายังยึดเอวผมไว้
“เอ่อ...ผมแค่สงสัยน่ะเพราะเห็นปกติคุณไปที่บาร์ทุกคืนนี่ครับ”
“ฉันจะต้องไปที่บาร์ทำไมในเมื่อคืนนี้ฉันมีเธอมานั่งรินเหล้าให้ฉันถึงที่นี่แล้ว” คุณสเตฟานชี้นิ้วลงมายังขวดเหล้าเพื่อต้องการให้ผมรินมันต่อไป
ผมทำหน้าที่รินเหล้าให้ลูกค้าคนพิเศษจนท้องฟ้าด้านนอกมืดสนิท ตอนนี้บนโต๊ะมีขวดเปล่าของเหล้าฝรั่งตั้งทิ้งเอาไว้สองขวดและขวดที่สามพร่องลงไปนิดหน่อยแล้ว ส่วนก้อนกรวดเม็ดเล็กๆ ของผมวางกองอยู่จนเต็มถาดแก้วที่มันเคยถูกใช้เป็นที่เขี่ยบุหรี่แต่ตอนหลังพี่ทัชใจดีเอามันมาให้ผมใช้ใส่ก้อนกรวดเพราะคงกลัวมันปลิวตกกระเด็นหายไปแล้วผมจะได้เงินไม่ครบตามจำนวนดริ๊ง
“คุณสเตฟานเมาหรือยังครับ” ผมนั่งจ้องลูกค้าซึ่งนั่งหน้าแดงตาฉ่ำเยิ้มมองผมไม่วางตา
“เมาแล้ว ก็เธอรินส่งให้ฉันไม่หยุดเลยแถมตัวเองยังไม่ยอมดื่มเป็นเพื่อนฉันด้วย”
“ถ้าเมาแล้วอย่างนั้นก็พอเท่านี้เถอะครับ ผมว่าคุณน่าจะไปนอนได้แล้วคืนนี้คุณดื่มไปเยอะมากเลย” ผมหันไปมองดูขวดเปล่าสองขวดนั้นแล้วทึ่งผู้ชายคนนี้จริงๆ ที่ดื่มเข้าไปได้ยังไงคนเดียวมากขนาดนั้น
“เธอเป็นเด็กดริ๊งมีหน้าที่เชียร์แขก ทำไมไม่บอกให้ฉันดื่มขวดที่สามให้หมดแล้วรีบเปิดขวดที่สี่ เธอไล่ลูกค้ากลับไปนอนแบบนี้แล้วเมื่อไหร่เธอจะรวย” คุณสเตฟานโอบแขนมากอดเอวพร้อมกับยื่นหน้ามาหอมแก้มผมซ้ำอีกหลายครั้ง
คุณสเตฟานหอมแก้มผมจนไอ้ที่เคยรู้สึกเจ็บๆ ช้ำๆ ตอนนี้เหมือนมันชินกับปากและจมูกที่เฝ้าวนเวียนขยันมาดมแก้มผมไม่หยุดเสียที จนผมเลิกบ่นว่าเจ็บแล้วเพราะบ่นไปก็เท่านั้นเพราะสุดท้ายลูกค้าพิเศษของผมก็ยังทำแบบเดิม
“เอ่อ...ก็คืนนี้ผมได้ค่าดริ๊งเยอะพอแล้วครับ อยากให้คุณพักมากกว่าอีกอย่าง ผมง่วงแล้วด้วย” ผมก้มลงมองนาฬิกาข้อมือของคุณสเตฟานซึ่งมันเดินชี้บอกว่าตอนนี้กำลังจะสี่ทุ่มแล้ว หากเป็นเวลาปกติผมคงไม่รู้สึกอะไรแต่ตอนนี้ผมยังรู้สึกเพลียอยู่มากไอ้ที่นั่งทรงตัวอยู่ได้ก็เพราะอยากได้เงินจากค่าดริ๊งเท่านั้นเอง
“ถ้าเธอง่วง...ถ้าอย่างนั้นคืนนี้พอแค่นี้ก็ได้”
“ครับ” ผมขยับยกก้นตัวเองขึ้นจากหน้าขาของคุณสเตฟานทันที
“แก๊ป...”
“ครับ?”
“คืนนี้....เธอไม่รับงานพิเศษสักหน่อยเหรอ”
คุณสเตฟานลูบฝ่ามือร้อนๆ ลงมาบนหน้าขาของผมขยับสูงขึ้นมาจนถึงขากางเกงบ็อกเซอร์ตัวหลวมแล้วค่อยๆ ไต่ขยับขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่ยอมหยุด
“ไม่รับครับ คืนนี้แค่นั่งดริ๊งเฉยๆ” ผมตะปบมือลงไปบนหลังมือของคุณสเตฟานเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของคนเมา
“ซี้ดดดด...อ๊า...เฮ้อ” คุณสเตฟานซี้ดปากแล้วถอนหายใจยาวออกมาเหมือนคนเสียดายอะไรมากๆ
“.............”
“ทัชฉันอยากนอนแช่น้ำอุ่น...”
ประโยคบอกเล่าลอยๆ ของคุณสเตฟานทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมองพี่ทัชที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงริมสระว่ายน้ำอีกฟาก ก่อนจะลุกขึ้นเดินหายไปในห้องนอนครู่ใหญ่แล้วเดินกลับออกมายืนพยักหน้าให้ผม
“เตรียมน้ำอุ่นเรียบร้อยแล้วครับ”
“ถ้าคืนนี้เธอไม่รับงานพิเศษ ถ้าอย่างนั้นไปถูหลังให้ฉันนะ”
“อ๊ะ คุณสเตฟานปล่อยผม”
คนเมาผลุดลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วตวัดอุ้มผมขึ้นไปทั้งตัว จนน่ากลัวว่าจะทำผมร่วงกลางทาง ผมต้องคล้องแขนเกี่ยวท้ายทอยแข็งๆ นั้นเอาไว้เพราะไม่ไว้ใจคนที่กระดกเหล้าเพียวๆ ไปตั้งสองขวด
คุณสเตฟานอุ้มผมมาวางลงบนเคาน์เตอร์ข้างอ่างล้างหน้าในห้องน้ำก่อนจะค่อยๆ ปลดถอดกระดุมเสื้อสองเม็ดของตัวเองที่ยังติดค้างอยู่ออกแล้วจับเสื้อสีเข้มโยนทิ้งไปกองอยู่บนพื้น ตามด้วยกางเกงผ้าเนื้อหนาโดยใช้เวลาแค่ไม่ถึงหนึ่งนาทีคนที่อุ้มผมเข้ามาเมื่อครู่ก็ไม่เหลือผ้าผ่อนติดตัวเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
“อาบน้ำด้วยกันนะ”
คุณสเตฟานเลื่อนมือลงมาค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวหลวมของผมแล้วดึงกางเกงขาสั้นนั้นทิ้งอย่างไม่ได้รอให้ผมตอบรับและไม่เปิดโอกาสให้ผมปฏิเสธ ริมฝีปากร้อนฉ่าประกบทับลงมาเบาๆ พร้อมจูบนุ่มนวลปิดปากผมเอาไว้จนไอ้ที่ตั้งใจจะร้องประท้วงก็ทำไม่ได้เพราะมีเพียงเสียงอู้อี้ดังลอดออกมาเท่านั้น
ภายในอ่างอาบน้ำใบใหญ่คุณสเตฟานนั่งลงไปโดยมีผมคร่อมทับทิ้งน้ำหนักตัวอยู่บนตักกว้าง ฝ่ามือร้อนลูบไล้ไปตามเนื้อตัวเบามือหลังจากที่ผมร้องว่าเจ็บหลายครั้งเพราะรอยช้ำเขียวๆ ม่วงๆ มันยังสดใหม่
“แก๊ป รับงานหน่อยไม่ได้เหรอ” คุณสเตฟานยังคะยั้นคะยอรุกเร้าผมไม่เลิกรา
“ไม่เอา...ไม่รับครับ” ผมพยายามก้มตัวมุดหลบทั้งปาก ทั้งจมูกของคนเมาที่พยายามจูบผมไม่หยุด
“รับเถอะนะ ของฉันมันแข็งขนาดนี้แล้ว” คุณสเตฟานจับมือผมเอื้อมลงไปสัมผัสท่อนเนื้อตะปุ่มตะป่ำแข็งปั๋งใต้น้ำเพื่อยืนยันว่าไอ้ท่อนเนื้อขนาดคิงไซส์นั้นมันพองจนล้นมือผม
“ไม่เอาครับ เจ็บจะตาย” ผมบ่นกับรอยสักตรงหน้าอกของคุณสเตฟานแทนการเงยไปสบตาฉ่ำหวาน
“ห้าหมื่น ว่ายังไงตกลงมั้ย” คุณสเตฟานยกมือเชยคางผมขึ้นไปฟังข้อเสนอ
“หนึ่งแสน...ถ้าได้หนึ่งแสนผมถึงจะยอม”
ผมนึกถึงคำพูด ไอ้เพียวที่เคยบอกว่าคุณสเตฟานไม่ชอบคนเห็นแก่เงินแล้วลองเรียกราคาค่าตัวออกไปสูงจนน่าจะมีแต่คนโง่หรือคนบ้าเท่านั้นที่จะยอมจ่ายเงินจำนวนมากขนาดนี้ให้ผม แต่แปลกที่คนเมากับมีเพียงรอยยิ้มมุมปากและคำตอบที่ทำเอาผมประหลาดใจ
“ตกลงหนึ่งแสน...แล้วก็สัญญาว่าฉันจะทำเบาๆ ถ้าเป็นแบบนั้นเธอโอเคใช่มั้ย”
“ฮะ! นี่คุณตกลงจริงๆ เหรอ ทำไมง่ายจัง”
“ฉันเคยบอกแล้วนี่ว่าสำหรับเธอ...เท่าไหร่ฉันก็พร้อมจ่าย”
คนเจ้าเล่ห์เอาแต่ใจพูดเองเออเองไปเสียหมด พอบทจะพูดง่ายยื่นข้อเสนออะไรไปก็ไม่เห็นจะต่อรองอะไรเลย แม้แต่ชักสีหน้าว่าไม่พอใจสักนิดก็ไม่มีหรืออาจจะเป็นเพราะกำลังเมา คุณสเตฟาน รุกผมหนักจนดิ้นหนีไปทางไหนไม่ได้
ในอ่างน้ำอุ่นใบใหญ่ผมกำลังนั่งทับท่อนเอ็นแข็งๆ ที่มันรูดเข้ารูดออกตรงช่องรักด้านหลัง ริมฝีปากเผยออ้าร้องครางออกมาจนคอแห้ง เจ้าของร่างหนาประกบปากขบดูดตุ่มเนื้อสีหวานตรงหน้าอกผมสลับซ้ายขวา
บางครั้ง บางคราวก็วนขึ้นมาจูบปากไซ้ไปตามซอกคอ คุณสเตฟานจับผมพลิกหน้า พลิกหลัง กระทุ้งกระแทกใส่จนน้ำในอ่างแตกกระจายเปียกแฉะไปทั่วพื้นห้องน้ำ
เสร็จจากในห้องน้ำก็อย่าคิดว่าลูกค้าฝรั่งของผมจะหยุด หรือจะพอใจเพียงเท่านั้น เพราะพ่อคุณอุ้มผมกลับมายังเตียงนอนหลังใหญ่แล้วเริ่มเกมรักใหม่อีกรอบและอีกรอบจนคนที่เพิ่งฟื้นไข้อย่างผมคอพับหลับคาท่อนเอ็นฝังมุกไปตอนไหนก็ไม่รู้ แต่โชคดีที่คนเมายังจำได้ว่าตกลงราคาค่าตัวของผมเอาไว้ที่เท่าไหร่เพราะเช้าวันถัดมาธนบัตรปึกหนึ่งวางไว้ให้ผมบนถาดแก้วตรงหัวเตียง
ทฤษฎีและการคาดคะเนของไอ้เพียวดูจะใช้ไม่ได้ผลกับการพยายามทำให้คุณสเตฟานเกลียดผมเพราะผมเรียกเงิน เรียกค่าตัวเท่าไหร่คุณสเตฟานไม่เคยบ่น ไม่เคยต่อรอง อีกทั้งเสื้อผ้าแม้แต่ บ็อกเซอร์ผมก็หยิบจับของคุณสเตฟานมาใส่ราวกับเป็นของตัวเอง คนที่ไอ้เพียวบอกว่าหวงของนักหนาก็ไม่เห็นจะว่าอะไรหรือแม้กระทั่งผมลองแกล้งทำตัว “ร่าน” อย่างที่ไอ้เพียว บอกด้วยการแกล้งร้องครางเสียงดังๆ รบเร้าให้เอาผมแรงๆ หรือชี้นิ้วสั่งจะเอาท่านั้น ชอบท่านี้ คุณสเตฟานก็ตามใจทุกอย่าง แถมยังดูชอบอกชอบใจเพราะทิปผมหนักเหลือเกิน
ผมอาศัยพักรักษาตัวอยู่ในคอนโดหรูนี้เป็นเวลาเจ็ดวันทำตัวเป็นเด็กนั่งดริ๊งในช่วงหัวค่ำและผันตัวเองไปเป็นเด็กขายในช่วงกลางคืน น่าแปลกที่คุณสเตฟานไม่ได้ออกไปที่บาร์เลยตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่ทำให้ผมได้เงินค่าดริ๊งทุกคืนแบบเต็มๆ แบบไม่ต้องหักค่าอะไรเลย แถมยังได้ค่าตัวอีกจำนวนมากแค่ไม่กี่วันผมเก็บเงินได้ เป็นหลักล้านแล้วเอาเงินเหล่านั้นใช้หนี้ค่านาฬิกาแสนแพงของ คุณสเตฟานกลับไปจนหมด
“คุณสเตฟานครับ พรุ่งนี้ผมจะกลับไปทำงานตามปกตินะครับ แล้วก็จะย้ายกลับไปอยู่หอเหมือนเดิม” ผมนอนพูดกับรอยสักลายกราฟิกตรงท่อนแขนของคุณสเตฟานหลังจากเจ้าของห้องนอนเหงื่อซึมเพราะเพิ่งออกแรงกับกิจกรรมบนเตียงกับผมเสร็จไปเป็นรอบที่สอง
“................”
“แน่ใจแล้วเหรอว่าจะกลับไปทำงาน”
“ครับตอนนี้ผมหายดีแล้ว”
“แล้ว...เธอจะขึ้นไปห้องแดงมั้ย” คุณสเตฟานดึงผมเข้าไปกอด ฝ่ามือร้อนลูบไปมาบนบั้นท้ายของผมเบาๆ
“ไม่ครับ ผมแค่จะกลับไปเชียร์แขกเหมือนเดิม”
“เธอไม่อยากขึ้นไปดูแลฉันเหรอ” คุณสเตฟานจับปลายคางของผมแล้วก้มลงมาจูบเบาๆ
“ในห้องแดงมีคนคอยดูแลคุณตั้งเยอะ ผมอยู่ข้างล่างแบบนี้ ดีแล้วครับ”
“แต่ฉันอยากให้เธอไปชงเหล้าให้ฉัน”
“ทำไมล่ะครับ มันก็แค่เทเหล้าใส่เข้าไปในแก้ว ใครริน ใครชงมันก็เหมือนกันนั่นแหละ”
“ไม่เหมือนหรอก เพราะเหล้าที่เธอชงมันหวานกว่าของคนอื่น”
คุณสเตฟานขยับกอดผมพร้อมพรมจูบไปตามหน้าผากและขมับ ผมขยับเอนหัวลงไปพิงไว้กับแผงอกแน่นตึงแล้วใช้ปลายนิ้วคลึงไอ้เจ้าตุ่มเนื้อไตแข็งๆ ของคุณสเตฟานเล่นแล้วนอนฟังเสียงหัวใจที่มันกำลังเต้นตุ้บๆ นั้นกล่อมผมจนหลับไปในที่สุด
เย็นวันถัดมาผมเดินกลับเข้ามาในห้องแต่งตัวเพื่อทำงานตามปกติ หลังจากหายไปนานเป็นอาทิตย์ท่ามกลางสายตาแปลกๆ ของพนักงานคนอื่นๆ ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ผมรู้สึกอึดอัดอยู่บ้างแต่ผมก็ทำได้เพียงแค่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ไงมึง หายดีแล้วเหรอ” ไอ้เพียวเดินมานั่งลงข้างๆ ผมพร้อมกับยื่นมือมาพลิกหน้าผมไปมาเหมือนต้องการดูร่องรอยฟกช้ำต่างๆ
“อืม หายดีแล้ว”
“ก็คงจะสบายดีแหละ หน้าใสมาเชียว” ไอ้เพียวยกนิ้วมาจิ้มๆ แก้มผมเล่น
“อะไรของมึงเนี่ยไอ้เพียว” ผมยกมือมาปัดนิ้วมันออก
“แล้ว...คืนนี้มึงจะขึ้นห้องแดงมั้ย” ไอ้เพียวเอียงหน้าก้มลงมาถามผมใกล้ๆ
“กูจะขึ้นไปทำไมล่ะ หน้าที่กูเชียร์แขก นั่งดริ๊งอยู่ข้างล่างนี่”
“เอ๊า กูจะไปรู้เหรอนึกว่ามึงจะขึ้นไปดูแลคุณสเตฟานข้างบน” ไอ้เพียวไหวไหล่มากระแทกผมเบาๆ
“ทำไมต้องเป็นกู หน้าที่ดูแลคุณสเตฟานเป็นของมึงกับ...”
“อย่ามาแกล้งทำเป็นไม่รู้ พอมึงไม่มาทำงานคุณสเตฟาน ก็หายไปเลย แล้วพอมึงกลับมา นู้นนนนนน.....คุณสเตฟานแหกตามาบาร์ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน กูถามจริงๆ นะ ตอนมึงไปรักษาตัวเนี่ย...มึงกับคุณสเตฟานแบบว่า...”
“หุบปากไปเลย” ผมก้มหน้าหลบตาไอ้เพียวที่มันกำลังยิ้มล้อเลียนผม
“แน่ใจนะว่ามึงไม่ขึ้นห้องแดงจริงๆ”
“อืม ไม่ขึ้น”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเพราะว่ากูกำลังอยากได้รองเท้าใหม่พอดี คืนนี้เผื่อว่ากูจะได้เงินพิเศษจากคุณสเตฟานบ้าง”
ไอ้เพียวดีดขาขึ้นมากระดิกปลายรองเท้าแบรนด์ดังราคาเกือบหมื่นซึ่งผมมองยังไงมันก็ยังใหม่เอี่ยม แต่ไอ้เพื่อนผมคนนี้มันก็บ้าซื้อรองเท้าขยันเปลี่ยนเสียเหลือเกิน
“แก๊ปมานี่หน่อยสิ” คุณโอลิเวอร์เดินเข้ามาภายในห้องแต่งตัวเรียกผมด้วยตัวเอง เป็นสิ่งไม่ปกติสำหรับผมหรือสำหรับ ทุกคนเลย
ผมเดินตามหลังเจ้าของบาร์ผ่านหน้าพนักงานหลายคนไป หนึ่งในนั้นมีสายตาของพี่แม็กซ์ดาวบาร์เบอร์หนึ่งจับนิ่งมองมาที่ผมไม่ห่าง คุณโอลิเวอร์พาผมเข้ามาในห้องกระจกทึบซึ่งปกติมันใช้เป็นห้องสำหรับคิดเงิน เช็กบิลค่าบริการ ค่าเครื่องดื่ม แต่เวลานี้ภายในห้องไม่มีพนักงานแคชเชียร์นั่งอยู่
“คุณโอลิเวอร์มีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมแหงนคอขึ้นไปมองหน้าเจ้าของบาร์ฝรั่งตัวสูง
“มีลูกค้าหลายคนติดต่อให้เธอขึ้นห้องแดงคืนนี้ เธอจะตกลงหรือเปล่า” คุณโอลิเวอร์หรี่ตาลงมามองผมและเอ่ยถามพร้อมกับจับสายตามองผมนิ่ง
“ลูกค้าเหรอครับ...แต่ปกติผมเป็นแค่เด็กนั่งดริ๊งนี่ครับ”
ผมขมวดคิ้วถามคุณโอลิเวอร์ทันทีเพราะคืนสุดท้ายที่ผมมาทำงานเรื่องระหว่างผมกับคุณสเตฟานก็มีเพียงคนไม่กี่คนที่รู้ว่าผมตกลงขายคืนแรกของผมให้คุณสเตฟานไป แล้วหลังจากนั้นผมก็ไม่ได้มาทำงานอีกเป็นอาทิตย์
“ตอนนี้เรื่องที่เธอรับงานขายมันไม่ใช่ความลับแล้ว พนักงานทุกคน รวมไปถึงลูกค้าชั้นสองห้องแดง รู้ว่าเธอรับงานขายด้วย มีลูกค้าหลายคนเสนอค่าตัวของเธอมาเป็นราคาที่ค่อนข้างสูง เธอจะว่ายังไง” คุณโอลิเวอร์ก้มหน้าลงมาถามผมอีกครั้ง
“ไม่เอาครับ ผมไม่ขาย ผมอยากเป็นแค่เด็กนั่งดริ๊งเหมือนเดิม” ผมส่ายหัวปฏิเสธทันที
“แน่ใจนะว่าจะไม่รับข้อเสนอนี้”
“แน่ใจครับ”
“โอเค...แล้วถ้าเป็นคุณสเตฟานล่ะ เธอจะว่ายังไง คืนนี้เขามาขอให้ฉันเจรจากับเธอว่าต้องการให้เธอขึ้นไปดูแลเขาเป็นการส่วนตัวในห้องแดง”
“แล้วคนอื่นๆ ที่เคยดูแลคุณสเตฟานล่ะครับ”
“เรื่องนั้นฉันไม่รู้ แต่คุณสเตฟานให้ฉันลงมาถามเธอเขาต้องการตัวเธอ”
“เอ่อ...ไม่ครับ ไม่ไป ผมไม่รับงานขายแล้วครับ แค่คืนนั้นก็พอแล้ว” ผมก้มหน้าลงไปมองพื้นห้องแทนหน้าเจ้าของบาร์
“โอเค ถ้าอย่างนั้นฉันจะบอกกับคุณสเตฟานให้ว่าเธอปฏิเสธ”
“คุณโอลิเวอร์ครับ” ผมเอื้อมมือไปดึงชายเสื้อเจ้าของบาร์เอาไว้ก่อนที่หนุ่มฝรั่งจะเดินออกไปทางประตู
“มีอะไรหรือเปล่า”
“ผมไม่ขายนะ” ผมแหงนคอขึ้นไปสบตากับเจ้าของบาร์เพื่อส่งต่อแววตาอ้อนวอนขอความเห็นใจ คุณโอลิเวอร์พยักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มบางๆ กลับมาให้ผมแล้วจึงเดินหายออกไป
“ไม่ขึ้นห้องแดงเหรอแก๊ป” รุ่นพี่คนหนึ่งขยับเดินเข้ามาถามผมขณะที่เราทุกคนกำลังยืนโชว์ตัวอยู่บนเวทีเพื่อรอให้มีแขกมาชี้นิ้วเลือก
“ทำไมผมต้องขึ้นไปด้วยล่ะครับ”
“อ่าวก็ตอนนี้อัพเกรดเป็นเด็กขายแล้วนี่ เห็นถูกเหมาไปดูแลคุณสเตฟานตั้งอาทิตย์กลับมานึกว่าจะขึ้นไปชั้นสองซะอีก”
“ถูกเหมาเหรอ...?”
Waiting for the first comment……
Please log in to leave a comment.