พรแห่งอักษรา
Reads
“ใครจะเข้าใจก็เข้าใจไปเถอะค่ะ แต่ฟ้าไม่เข้าใจ” ฟ้ามณีบอกออกมากทุกคน อย่างเอาเรื่อง “แล้วจะให้ข้าทำอย่างไรเล่านั่งหนู” พ่อครูถามออกมาอย่างจนปัญญา “นั่นนะสิยัยฟ้า” เนยกรอบถามออกมาอย่างเห็นด้วยไปกับพ่อครู “ตอนแรกเราแปลกใจในเรื่องราวนิดหน่อยนะ แต่ตอนนี้ เราก็พอจะประติดประต่อเรื่องราวได้แล้ว” ฟ้ามณีบอกออกมาพร้อมกับรอยยิ้มอย่างมั่นใจ “หมายความว่ายังไงครับน้องฟ้า” ธนัส ถามออกมาอย่างประหลาดใจ “พ่อครูโดนห้ามให้เล่าใช่ไหมคะ ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฟ้าจะเล่าให้ฟัง”ฟ้ามณีบอกออกมาน้ำเสียงเรียบเย็น “นั่งหนูเอ็งจะเล่าอะไร” พ่อครูถามออกมาอย่างสงสัย “หลังจากที่องค์นครา เทียวไปเทียวมา ไม่นานก็ส่งทหารมาเฝ้าแม่นางน้อยหยาดมณี ชื่อว่ามนตราและนิลภัทร คุ้นๆกันใช่ไหมละ ใช่ มนตราและนิลภัทรที่ว่าก็คือ มนตราและนิลภัทรเดียวกันในเรื่องของพี่ธนัส ที่พ่อครูเล่าไปในครั้งก่อนนูนไง” ฟ้ามณีบอกออกมาแล้วมองหน้าของพ่อครู เธอนั้นยิ้มบางๆ แล้วเล่าต่อ “หลังจากนั้นไม่นาน องค์นคราก็ได้ทำการสู่ขอแม่นางน้อยหยาดมณีจากบิดา ไปเป็นพระชายาคู่บารมีที่วังนคราจันทรา โดยสถาปนาพระนามใหม่ คือพระนางมันทกา เพื่อให้เป็นพระแม่เมืองที่วังนคราจันทรา มีศักดิ์และสิทธิ์เสมอองค์นคราทุกประการ ” “ยัยฟ้า แกรู้ได้ยังไง” เนยกรอบถามออกมาอย่างประหลาดใจ ที่เพื่อนรักบอกออกมาในเรื่องราวต่างๆ “ไม่ใช่แค่ฉันที่รู้ แกและน้ำมนต์ก็เคยรู้ แกและน้ำมนต์ล้วนอยู่ในอดีตกับฉันมาแล้วทุกชาติภพ ทั้งสิ้น” “พวกเรารู้อย่างนั้นเหรอ” น้ำมนต์ถามออกมาอย่างแปลกใจ “แล้วในตอนที่อยู่ในภพองค์นคราพวกฉันคือใครกัน” เนยกรอบถามออกมาอย่างสนใจ “เนยกรอบคือนาคบริวารที่เคยมาดูแลใกล้ชิดพระนางมันทกา ยามอยู่ในวังนคราจันทรา นามว่า กรรณิการ์ ส่วนน้ำมนต์ก็คือนาคบริวารอีกตน ที่เคยรายงานข่าวขององค์นคราและดูแลฉันเหมือนกัน นามว่า วรมัน และที่ชาตินี้แกเป็น LGBT แบบนี้เพราะแกได้พูดไว้ ว่าไม่ขอรักนางไหนๆ เพราะไม่อยากทำผู้หญิงคนไหนเสียใจ เนื่องจากแกเห็นฉันร้องไห้เสียใจเพราะองค์นครามาเสมอ” “จริงเหรอดวงมณี” น้ำมนต์ถามเพื่อนออกมา ทั้งที่ในใจ เชื่อเพื่อนไปหมดสิ้นแล้ว “จริงสิ แม้แต่ยามที่ฉันเกิดในสมัยอยุธยา เป็นแม่หญิงมนทิรา พวกแกสองคน ก็ยังไปเกิดเป็นบ่าวรับใช้คนสนิท แต่ในชาตินั้น น้ำมนต์ได้เกิดเป็นผู้หญิง เราล้วนอยู่ด้วยกันมาทุกภพทุกชาติ” ฟ้ามณีบอกออกมาแล้วยิ้มให้กับเพื่อนทั้งสอง “ส่วนพี่ธนัส ตอนแรกฟ้าไม่มั่นใจ แต่พอฟังและประติดประต่อเรื่องราวได้ พี่ก็คืออินทุมาลา ที่อยู่ด้วยกันมาทุกภพชาติ เพียงแต่หน้าตาของพี่ ไม่เหมือนอินทุมาลาในตอนนั้น แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฟ้าอยากจะบอกเพิ่มเติม พี่กับมนตราสนิทกันมาก ”ฟ้ามณีบอกออกมาแล้วมองหน้าแฟนหนุ่มด้วยร้อยยิ้ม “น้องฟ้า รู้ได้ยังไงเหรอครับ” ธนัสถามแฟนสาวอย่างประหลาดใจ เพราะเมื่อวันก่อนๆ ยังมาวิ่งตามหาความจริงกันกับพ่อครูอยู่เลย “รู้ได้ยังไงงั้นเหรอคะ จริงๆฟ้าไม่เคยรู้อะไรเลย จนมีเสียงมาเรียกในฝัน เพื่อเรียกร้องให้ฟ้าจำทุกอย่างได้ แต่พอฟ้ายินยอมจดจำทุกอย่างได้ โดยให้เขาพาไปดูเรื่องราว เขาเองก็ลบความทรงจำของฟ้า ไม่แค่นั้น ลบของเนยกรอบและน้ำมนต์ด้วย ฟ้าแค่อยากจะถาม พี่จะทำอย่างนี้ไปทำไมกัน ตัดสินใจและยัดเหยียดให้ฟ้ารับในสิ่งที่พี่ต้องการไปถึงเมื่อไหร่” ฟ้ามณีบอกออกมาแล้วหันหน้ามามององค์นครา ที่ยืนเคียงข้างเธอที่นั่งอยู่ในด้านซ้ายมือของเธอ “นี่เจ้าจำได้หรือ” องค์นคราพึมพำออกมาอย่างสงสัย “ไม่ใช่แค่จำได้ แต่ยังเห็นพี่ด้วย ในทุกๆครั้ง ตั้งแต่พี่เข้าฝันรอบที่แล้ว ความจำทุกอย่างของฟ้ากลับคืนมาไม่เพียงเท่านั้น ความจำของฟ้าในทุกภพชาติ มันก็กลับมาให้ฟ้าจำด้วย แม้แต่มนตราและนิลภัทร ที่ตามเฝ้าฟ้าเสมอ ฟ้าก็เห็น พี่จะใจร้ายไปถึงไหน” ฟ้ามณีพลั่งพลูความรู้สึกของเธอออกมาแล้วมององค์นคราอย่างตัดพ้อ “ส่วนเรื่องที่ทะเล ฟ้ากับพี่ไปด้วยกัน ไม่ใช่ฟ้าไม่เห็นพี่ แต่พี่ลบความจำของฟ้าไง” ฟ้ามณีพูดออกมาทั้งหมด อย่างเสียใจ ถามว่าเธอแยกออกไหม ว่าเธอและองค์นครา อยู่คนละภพกันแล้ว เธอนั้นย่อมแยกออกอยู่แล้ว ว่าเรื่องระหว่างเธอและองค์นครามันจบและเป็นอดีตไปแล้ว แต่เธอเพียงแต่คิดว่า ความรักมันมีได้หลายรูปแบบ เธอและพี่ยังคงรักกันได้ในฐานะผู้ที่หวังดีต่อกัน ไม่จำเป็นต้องลบความทรงจำใดๆของเธอออกเลยแม้แต่น้อย “เราขอโทษ เราผิดเอง ที่เรามักจะคิดแทนเจ้า” องค์นครา ยอมรับผิดอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง “เลิกลบความจำของเนยกรอบและน้ำมนต์ด้วยคะ” ฟ้ามณีบอกกับองค์นครา ไม่นานองค์นคราก็ทำตามคำร้องขอของหยาดมณี ไม่เพียงแค่เนยกรอบและน้ำมนต์ที่ความทรงจำกลับคืนมา แต่ทว่าความทรงจำของธนัสตอนเป็นอินทุมาลาก็กลับมาด้วย พร้อมตอนนี้องค์นคราอนุญาตให้ทุกคนเห็นพระองค์ได้ในที่แห่งนี้ “พระองค์”ธนัส เรียกขานเจ้านายของเขาในยามที่เขาเป็นอินทุมาลาด้วยความคิดถึงและเคารพ พร้อมกับยิ้มออกมาอย่างดีใจ
Updated at
Reads
เมื่อก้าวเข้ามาในห้อง ฟ้ามณี มองเห็นผู้ชายสูงอายุใส่ชุดสีขาวนั่งอยู่ ดูมีบารมีแห่งพลังบุญมาก ถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นพ่อของน้ำมนต์ ด้านหลัง พ่อครู มีพระพุทธรูป และเศียรครูมากมาย พร้อมด้วยบายศรีวางเรียงราย "มากันแล้วเหรอลูก"พ่อครูของน้ำมนต์เอ่ยถักทายเด็กๆทั้งสาม แล้วมองเลยไปที่หลังฟ้ามณี "ท่านนี้เอง มาด้วยวันนี้" พ่อครูเอ่ยออกมา เล่นเอาฟ้ามณี และเนยกรอบมองหน้ากันโดยอัตโนมัติ เมื่อฟ้ามณี เนยกรอบ และน้ำมนต์นั่งลงเรียบร้อย "ว่ายังไง มาหาคำตอบได้แล้วเหรอแม่หนู" พ่อครูพูดกับฟ้ามณี น้ำมนต์มองหน้าพ่ออย่างอึ้งๆ "พ่อครูรู้ได้ไงครับ ผมยังไม่เล่าอะไรให้ฟังเลย" น้ำมนต์ถามบิดาอย่างสงสัย " 5555 ก็มีตัวแทนมาเล่าให้ฟังก่อนพวกเจ้ามาแล้วนะสิ" พ่อครูขำไปตอบไป "ตัวแทน คือใคร" เนยกรอบถามอย่างเริ่มจะขนลุก "เอ้าแม่หนูยกพานอธิฐาน อยากรู้เรื่องไหน เรื่องอะไร" พ่อครูบอกฟ้ามณี ฟ้ามณีทำตามอย่างตั้งมั่น ฟ้ามณี ตั้งจิตอธิฐาน ข้าพเจ้านางสาวนราวดี พิมพ์พิมนต์จันทรา อายุ 21 ปี ภูมิเลาเนาอยู่จังหวัดนครราชสีมา ขอตั้งจิตอธิฐานปิดให้รู้ทุกเรื่องราวที่อยากรู้ ให้ทราบถึงเหตุผลกับสิ่งที่เกิดขึ้น ด้วยเรื่องอันใด สาเหตุใด ต้องการในสิ่งใด โปรดบอกให้รู้แจ้งให้กระจ่างด้วยเถิด สาธุ เธออธิฐานเสร็จ แล้วยกพานให้พ่อครู ทันทีที่พานถึงมือพ่อครู ห้องที่ปิดหน้าต่าง เปิดแต่พัดลมเพดาน แต่เกิดลมพัดมาจากด้านข้างทั้งสองข้างค่อนข้างแรงๆ ซึ้งฟ้ามณี เนยกรอบ และน้ำมนต์ เกิดความสงสัยเป็นอย่างมาก ว่ามีลมได้อย่างไร ผิดกับพ่อครูที่หัวเราะ แล้วพูดว่า "ท่านอนุาตแล้ว แม่หนู เอ็งจะได้รู้ทุกสิ่ง" ฟ้ามณี ถึงกับยิ้มออกมาแล้วถาม "ถามเรื่องที่หนูฝันซ้ำๆจ๊ะพ่อครู" ฟ้ามณีเริ่มถามอย่างอยากรู้ "ที่เอ็งฝัน ว่ามีคนมาเรียกชื่อเอ็งว่าหยาดมณี ว่าหยาดมณี ซ้ำๆนะรึ แล้วเอ็งจำได้หรือเปล่า ว่าเคยฝันเห็นหนุ่มรูปงามอยู่ครั้งนึง ลองทวนความจำหน่อยสิ" พ่อครูยังไม่ตอบแต่ถามกลับฟ้ามณี ฟ้ามณีนั่งคิดสักพัก "ออ มีจ๊ะ พ่อครู ตอนหนูอายุ 20 ในวันเกิดพอดีเลยจ๊ะ ในตอนนั้นฝันว่า มีชายหนุ่มรูปงาม หน้าตาออกไปทางแนวฝรั่งเลย หุ่นกำยำ นุ่งคล้ายๆโจงกระเบน มีสังวาลย์ไม่ใส่เสื้อ มายืนยิ้มให้ภาพติดตามาก เขาไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจรับรู้ได้ว่า พี่รอเจ้า ประมาณนี้ค่ะพ่อครู" ฟ้ามณีตอบพ่อครู อย่างทบทวนความจำ " 5555 ท่านก็มาแนะนำตัวตั้งนานแล้วนิ นั่น คือองค์นครา ชื่อที่เจ้าส่งสัย" พ่อครูตอบพร้อมเสียงหัวเราะที่ดังกังวาล
Updated at
Reads
“สวัสดีครับท่าน” สมบัติทักทายนายใหญ่ของพี่นี่อย่างพินอบพิเทา “อืม นายมีอะไรจะเสนอฉัน” ชายหนุ่มรูปงามที่อยู่ภายใต้หน้ากากถามออกมาเสียงเย็นชา “เออ คือว่ามีข้อเสนอครับ ผมจะขอเงินเพิ่ม 2 ล้าน แล้วจะเอาลูกเลี้ยงของผมมาขายให้ รวมทั้งใช้หนี้ทั้งหมดที่มี”สมบัติพูดออกมาอย่างผีพนันเข้าสิง เขามาเล่นคาสิโนแห่งนี้ อยู่นานแรมปี จากคนที่มีบ้านมีรถ กลับหมดตัวเพราะความโลภ และมาจนตอนนี้กลับมาเสนอขายลูกเลี้ยงของตัวเองอีก “แกคิดว่าลูกเลี้ยงของแก มีดีอะไร ที่จะทำให้คนอย่างฉันซื้อ และยกหนี้เก่าให้แก 10 ล้าน แถมให้เงินใหม่ไปอีก 2 ล้านเนี่ยหะ”นายใหญ่ของที่นี่ ถามออกมา “ท่านอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ รอเจอลูกเลี้ยงผมก่อน ผมให้แม่เธอกำลังพามา” สมบัติพูดออกมาอย่างภูมิอกภูมิใจ “หึ ต้องเป็นแม่แบบไหนกัน ที่ยินดีจะขายลูกแท้ๆใช้หนี้ให้ผัวใหม่” นายใหญ่ของที่นี่ ไม่ได้คิดในใจ แต่ทว่าเขาพูดออกมาตรงๆ “มันก็ต้องตอบแทนไหมท่าน ผัวของแม่มันกำลังลำบาก” สมบัติบอกออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน “นายครับ มรกต เมียนายสมบัติมาขอพบ มาพร้อมกับเด็กสาวคนนึงครับ”มิวเข้ามารายงานเจ้านาย “อืม พาเข้ามา” นายใหญ่ของที่นี่อนุญาตให้พามาพบ ไม่นาน หญิงวัยกลางคนที่ยังคงความสวยอยู่มาก เดินลากแขนของเด็กสาวเข้ามา สาวน้อยคนนั้นมองไปรอบๆอย่างหวาดกลัว เธอสบตากับนายใหญ่ของที่นี่ ภายใต้หน้ากากของเขา อยู่พักนึงก่อนจะหลบสายตาของเขา แต่ทว่าชายหนุ่มรูปงามวัย 27 ภายใต้หน้ากากนกอินทรีย์สีแดง กลับเอ็นดูคนตัวเล็กอยู่ตรงหน้าไม่น้อย ตัวเล็กๆบอบบางของเธอ เอวขอด สะโพก และหน้าอกกลมกลึง ดวงตากลมโต ที่หวาดกลัว ดึงดูดเขาไว้ทั้งหมด “คุณคือภรรยาของสมบัตเหรอครับ” นายใหญ่ของที่นี่ถามออกมาเมื่อได้สติ “ค่ะ พี่สมบัติเป็นสามีของฉัน ฉันชื่อมรกต ส่วนนี้ไพลิน ลูกสาวของฉัน” มรกต บอกออกมากับนายใหญ่ของที่นี่ “สามีของคุณจะขายลูกเลี้ยงของคุณ คุณรู้ไหม” นายใหญ่ของที่นี่ ถามดึงสติผู้เป็นแม่ “อะไรกันนะคะแม่ ไหนแม่บอกมาดูอาสมบัติ ไม่สบายไงคะ” ไพลินถามออกมาอย่างตกใจ กับสิ่งที่เธอได้ยิน “หุปปาก ใช่ค่ะ ฉันทราบ” มรกต หันไปดุบุตรสาวแล้วตอบนายใหญ่ของที่นี่ “หมายความว่า” นายใหญ่ของที่นี่ถามออกมาน้ำเสียงเยือกเย็นและสมเพศกับมรกตที่ไม่มีความเป็นมนุษย์เอาเสียเลย “ก็หมายความว่า ถ้าจะขายมันแล้วใช้หนี้ 10 ล้าน แถมได้เงินเพิ่มอีก 2 ล้าน ก็คุ้มมากแล้ว ถือว่ามันตอบแทนค่าน้ำนมฉันแล้วกัน” มรกตบอกออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน “แม่” ไพลิน พูดออกมาได้เพียงแค่นั้น เธอพูดอะไรไม่ออกอีก มันจุกไปหมด มีเพียงแต่น้ำตาไหลออกมาอาบแก้มทั้งสองข้าง “หึ แล้วถ้าผมไม่ซื้อ” นายใหญ่ของที่นี่ถามหยั่งเชิง “ไม่ซื้อฉันก็จะไปเร่ขายที่คาสิโนอื่น มันต้องมีคนสนใจบ้าง” มรกตบอกออกมาอย่างไม่ละความพยายามขายลูกกิน ”แม่ แม่ทำได้อย่างไง” ไพลินตัดพ้อมารดา “หึ ถึงเวลาที่แกต้องตอบแทนบุญคุณของฉันแล้ว จะช้าหรือเร็ว สักวันแก็ต้องมีผัว ไม่ช้าก็เร็ว ไม่สู้ แกมาขายให้ฉันได้เงินเป็นกอบเป็นกรรมไม่ดีกว่าเหรอ” มรกตพูดออกมาอย่างเห็นแก่ตัว “หนูไมคิดเลย ว่าแม่จะเป็นคนแบบนี้” ไพลินตัดพ้อมารดา แล้วร้องไห้หนักมากๆ “เลว ผัวเมียคู่นี้ แล้วสมกันดีจริงๆ”นายใหญ่ของที่นี่บอกออกมาอย่างรังเกียจ “แล้วท่านจะรับซื้อไหม ไม่ซื้อเราจะไที่อื่น เสียเวลา” สมบัติถามออกมา “อืม ซื้อสิ ฉันจะให้เงินสด 4 ล้านเลย แต่ว่าเธอต้องเซ็นยกลูกสาวเธอ ให้อยู่ในการดูแลของฉัน และพวกเธอจะไม่มีสิทธิใดๆในตัวไพลินอีก”นายใหญ่ของที่นี่ เสนอออกมา “ได้สิคะ นายท่าน นางไพลิน เอ็งต้องดีใจ ที่ตัวเอ็งขายได้ขนาดนี้ ทำให้แม่อย่างฉันสบายไปทั้งชาติ” มรกตบอกออกมาอย่างคนโลภ ไพลินไม่พูดอะไร ได้แต่มองมารดาอย่างเจ็บปวด “มิว ไปร่างสัญญามา” นายใหญ่ของที่นี่ สั่งลูกน้องคนสนิท ไม่นานสัญญาก็ถูกมาวางตรงหน้า สมบัติและมรกต ทั้งสองไม่รอช้า รีบเซ็นทันที “แล้วฉันจะเก็บข้าวของแกมาส่งให้นะ” มรกตบอกออกมากับลูกสาว “ไม่ต้อง คนของฉัน ฉันดูแลเองได้ ต่อไปนี้พวกคุณไม่มีสิทธิแล้ว”นายใหญ่ของที่นี่บอกออกมาแล้วโยนเงิน 4 ล้านให้สองผัวเมีย ก่อนจะจูงแขนของไพลินไปด้านบนกับเขา ไพลินเดินตามชายที่ใส่หน้ากากนี้ อย่างเลื่อนลอย เธอไม่มีสติที่จะต่อต้านอะไรทั้งนั้น มีแค่เพียงหยดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างเสียใจ “เอาละตัวเล็ก เธอหลุดพ้นจากนรกนั้นแล้ว เลิกร้องไห้” นายใหญ่ของที่นี่บอกออกมาน้ำเสียงอบอุ่น ผิดกับตอนที่อยู่ห้องด้านล่าง ที่น้ำเสียงเย็นชา “คุณซื้อหนูมา ก็หวังเรื่องพวกนั้นไม่ใช่เหรอคะ แล้วหนูหลุดจาก นรกยังไงกันคะ”ไพลินถามชายตรงหน้าทั้งน้ำตา “หึ เธอคิดดูดีๆ ระดับฉันนะ อยากนอนกับใครก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเสียเงินขนาดนี้มั้ง แต่ที่ฉันยอมจ่าย เพราะฉันอยากช่วยเธอ ไม่ยากให้เธอต้องถูกเอาไปเร่ขาย ให้ใครก็ไม่รู้”นายใหญ่ของที่นี่บอกออกมาให้ไพลินคิดตาม “ก็จริง แล้วหนูต้องทำยังไง หนูยังอยากเรียนหนังสือ หนูเพิ่งจะอยู่ปี 1 เอง” ไพลินถามออกมาทั้งน้ำตา “หึหึ เธอจะได้ใช้ชีวิตทุกอย่างปกติ แต่เธอต้องมาเป็นผู้หญิงของฉันเพียงคนเดียว” นายใหญ่ของที่นี่เสนอ อย่างเอ็นดู “แล้วถ้าหนูไม่ยอมละคะ” “ตัวเล็กก็อาจจะได้เป็นเมียของลูกน้องของฉันหลายๆคน แล้วทำงานในคาสิโน่นี่ เธอเลือกเลย จะเอาแบบไหน” นายใหญ่ของที่นี่แกล้งขู่ให้สาวน้อยอย่างไพลินกลัว
Updated at
Reads
มัดหมี่ตื่นเช้า เธอรีบมาอาบน้ำชำระล้างร่างกาย แล้วเปิดตู้เสื้อผ้าของพี่ดู เธอเลือกหยิบเสื้อยืดโอเวอร์ไซส์สีดำของพี่มาใส่ ซึ่งมันก็คลุมขาของเธอ กลายเป็นมินิเดรสของเธอได้พอดี มาวินที่รู้สึกตัว ควานหาร่างของมัดหมี่บนที่นอนแต่ไม่เจอ เขาจึงลืมตาขึ้นมาเห็นมัดหมี่ ใส่เสื้อของเขาแล้วเขาก็ยิ้มออกมา " ทำไมเด็กตื่นเช้าจัง" " จะกลับหอพักค่ะ" มัดหมี่ตอบออกมาตามตรง " หะ ไปชุดนี้นี่นะ" มาวินทำอึ้งๆ " ค่ะหนูขอยืมก่อนนะเดี๋ยวซักมาคืน" มัดหมี่บอกออกมาแล้วกำลังจะเดินออกไป มาวินรีบลุกขึ้นไปขวางน้อง " มีอะไรหรือเปล่าคะ" " เดี๋ยวนะ เมื่อคืนเราเพิ่งเสียซิงให้พี่ไปไม่ใช่เหรอ" มาวินถามออกมาอย่างไม่เข้าใจกับท่าทีของมัดหมี่ " ใช่ค่ะ" มัดหมี่ตอบออกมาตามตรงแก้มของเธอแดงไปหมด " งั้นช่วยอธิบายมาหน่อยว่าไอ้ท่าทีอย่างนี้คืออะไร พี่ไม่เข้าใจ" มาวินถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ เพราะผู้หญิงนับร้อยที่เคยหลับนอนกับเขา ขนาดพวกเธอไม่ได้ซิง แต่ก็อยากวอแวสานสัมพันธ์กับเขาต่อ แต่นี้เสียซิงชัดๆ กลับทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เล่นเอาผู้ชายอย่างเขาเอ๋อแดรกเลยทีเดียว " ก็ จะว่ายังไงละ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน เรื่องเมื่อคืน พี่อาจจะเผลอตัว หนูอาจจะเผลอไป ก็ถือว่าเป็นค่าเช่าห้องแล้วกันค่ะ เรายังคงทำงานกันเหมือนเดิม หนูมืออาชีพพอ ถือว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น" มัดหมี่บอกออกมาอย่างใจนักเลง " ไม่เป็นอะไรไม่ได้ เธอเป็นเมียพี่แล้ว" มาวินพูดออกมาอย่างอารมณ์เสีย ให้ตายสิเขาไม่เคยเจอผู้หญิงแบบนี้มาก่อนเลย " จะเป็นเมียได้ยังไง แฟนยังไม่ได้เป็นเลย พี่พูดอะไร พี่เป็นดาราดังนะ มาพูดอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้ ถอยค่ะหนูจะกลับหอพัก" มัดหมี่บอกออกมาอย่างจริงจัง แล้วกำลังจะก้าวเดินออกไป " ลองขยับอีกสิฉันจะเอาเธอให้เดินไม่ได้เลยคอยดู" มาวินบอกออกมาอย่าโมโห มัดหมี่หันกลับมามองหน้าของพี่ " เธอลองดูได้เลยถ้าคิดว่าฉันพูดเล่น" มาวินพูดแล้วจ้องหน้าน้องอย่างไม่สบอารมณ์ " มัดหมี่ไม่เข้าใจเลยพี่เป็นบ้าอะไร การที่มัดหมี่ยอมรับแบบนี้ มันเป็นผลดีกับพี่ไม่ใช่เหรอ พี่จะมาโวยวายอะไร" มัดหมี่พูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์แล้วกระแทกตัวนั่งบนโซฟา เพราะเธอรู้ได้ทันทีว่ามาวินไม่ได้แค่ขู่ " เธอเป็นของฉันแล้วมัดหมี่ ฉันเป็นคนหวงของ" มาวินพูดแล้วยืนจ้องหน้าน้อง " มัดหมี่เป็นคนมัดหมี่ไม่ใช่สิ่งของ ไม่ใช่ของพี่ด้วย" มัดหมี่เถียงออกมา " ถ้าอย่างนั้นฉันจะย้ำชัดๆบนโซฟานี้ดีไหม ว่าเธอเป็นอะไรกับฉัน จะได้ไม่ต้องมานั่งเถียงกันแบบนี้" มาวินพูดออกมาอย่างเดือดดาล เขาไม่เคยเจอผู้หญิงแบบนี้มาก่อนเลย ไอ้จะให้เขายอมปล่อยน้องไปให้หลุดมือไม่มีทาง สถานการณ์นิ่งเงียบ ไปราวๆ 15 นาที " เอาอย่างนี้ได้ไหม ให้โอกาสฉันตามจีบเธอได้ไหม เพื่อให้เรื่องราวของเรามันถูกต้อง" เป็นมาวินที่พูดขึ้นมาทำลายสถานการณ์ความเงียบในครั้งนี้ " พี่หมายความว่าไง" มัดหมี่ถามอย่างอึ้งๆ " หมายความตามที่พูดนั่นแหละ เรายังจะให้พี่ต้องแปลไทยเป็นไทยอีกเหรอ" มาวินตอบออกมา แล้วหยิบโทรศัพท์มากดหาลูกน้องของเขา "ครับนาย"แม็ค ลูกน้องของเขารับสายทันที " ซื้อโจ๊กสำหรับ 2 ที่ ชุดผู้หญิง ชั้นใน 36 คัพ B ขอด่วน" มาวินบอกออกมาแล้ววางสาย พร้อมมองหน้า ของมัดหมี่ " พี่รู้ขนาดหน้าอกได้ยังไง" มัดหมี่ถามออกมาอึ้งๆ " ทั้งจับทั้งคลึงจะไม่ให้รู้ได้ยังไง" มาวินตอบออกมาแล้วยิ้มกวน "ชิ!"สาวน้อยมัดหมี่ได้แต่จิ๊ปากออกมา " อย่าออกไปไหน ถ้าไม่อยากให้ฉันคลั่งตายจนทำอะไรบ้าๆ บอกน้าของเธอว่าเรามีอะไรกัน ก็อยู่ตรงนี้อย่าดื้อ รอฉันอาบน้ำก่อน" มาวินบอกน้องออกมาอย่างคาดโทษ มัดหมี่ม้องค้อนพี่ แล้วจำต้องนั่งอยู่ในห้องอย่างนั้น ผ่านไปราวๆ 15 นาที ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น มัดหมี่เลยตัดสินใจไปเปิดประตู "เออ นายให้ซื้อของมาให้ครับ"แม็คลูกน้องของมาวินบอกออกมา แล้วยื่นของให้ มัดหมี่กำลังจะรับของ แต่มาวินที่ออกมาจากห้องน้ำ คว้าถุงไปก่อน " มึงลงไปได้แล้ว ไม่สั่งไม่ต้องขึ้นมา" มาวินหันมาบอกลูกน้องเสียงดุ "ครับนาย"แม็ค รับคำแล้วรีบเดินจากไป " ทำไมถึงเปิดประตู ถ้าเป็นคนอื่นจะว่ายังไง" มาวินหันมาถามมัดหมี่เสียงดุ " ก็เห็นว่าเขาเคาะนานแล้วค่ะ แล้วพี่ก็อาบน้ำอยู่ ก็เลยเปิด" มัดหมี่ตอบมาวินเสียงอ่อยๆที่เธอโดนดุ " ช่างเถอะ ไปแต่งตัวไปได้มากินข้าว" มาวินยื่นถุงเสื้อผ้าให้น้อง มัดหมี่รับถุงมาแล้วเข้าไปแต่งตัวเดินออกมาหาพี่ " ทำไมชุดมันสั้นอย่างนี้ หน้าอกก็กว้าง" " ก็ชุดนี้พี่เป็นคนให้มัดหมี่มานี่คะจะไปรู้เหรอ" "อืม มากินโจ๊ก" "หอมจัง" มัดหมี่มองโจ๊กในชามแล้วยิ้มออกมา " มานั่งข้างๆสิ" มัดหมี่นั่งลงข้างๆมาวิน แล้วลงมือกินโจ๊ก "อืม อร่อย" "ยัยเด็กโก๊ะเอ้ย ผมลงชามโจ๊กแล้ว" มาวินบ่นแล้วจัดการมัดรวบผมขึ้นให้น้อง แล้วเขาเองก็ ลงมือกินโจ๊กของตัวเองบ้าง " กินเสร็จแล้วพี่จะไปส่งหนูใช่ไหม"มัดหมี่ถามพี่ออกมาระหว่างกินโจ๊ก " จะรีบกลับไปไหนกันหอพักเธอไม่หายหรอก อยู่กับฉันก่อนยังไงวันนี้ก็ไปส่งแน่ๆ" " ก็แค่ถามดูไม่เห็นต้องดุเลย ชิ!จะจีบเค้าอะไรกัน พูดจาเป็นตูดเลยแล้วจะมาจีบติดได้ยังไงกัน" มัดหมี่บ่นออกมาแล้วลงมากินโจ๊กต่ออย่างไม่สบอารมณ์ มาวินได้แต่มองน้องอย่างเอ็นดู ไม่ได้พูดอะไรต่อ
Updated at
Reads
"เป็นไง ได้เรื่องไหม" วาโยที่นั่งหัวโต๊ะในห้องประชุม ของวาโยสตูดิโอ ในเช้าของอีกวันถามเชอร์รีนออกมา เกี่ยวกับเรื่องหาผู้จัดการฝึกหัด "มีแต่ติ่งคุณวาโยทั้งนั้้นเลย ทำงานด้วย ไม่น่าจะรอด แต่มีน่าสนใจอยู่คนนึงค่ะ" เชอร์รีนตอบเจ้านายแล้วยื่นกระดาษแบบสอบถามให้ วาโยรับมาอ่าน "ให้ตายสิ แม่ปุยฝ้ายอะไรนี่ไปอยู่ที่ไหนในโลกนี้มา ไม่รู้จักฉันนะ" วาโยพูดออกมาอย่างหัวเสีย เมื่ออ่านแบบสอบถามแผ่นนั้นจบ "แต่เชอร์รีนว่าดีออกนะคะ" ผู้จัดการสาว บอกออกมา "ยังไง" วาโยถามออกไปเพียงเท่านั้น "ก็ น้องไม่เคยเจอคุณวาโย เรียกว่าไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นก็จะไม่คลั่งไคล้คุณ งานที่ทำก็จะเป็นงาน ไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับการโดนติ่งตามมองในฐานะผู้จัดการตลอดเวลา แบบนั้นอึดอัดแย่นะคะ" เชอร์รีนบอกเหตุผลเจ้านาย "อืม ก็น่าคิด แล้วเธอมีแพลน จะออกเดือนไหน" วาโย ถามผู้จัดการสาว "จริงๆแล้วก็ ถ้าน้องเรียนรู้ได้ไว ก็พร้อมออกเลยค่ะ" "อืม งั้นเอาแม่นี้แหละ ชักอยากจะเห็นหน้าแล้วละสิ ใครกันที่ไม่รู้จัก วาโย ธีรเทพ ขจรกิตติบวร เจ้าของบริษัทวาโยสตูดิโอ นักร้องชื่อดัง และทายาทเพียงคนเดียว ของขจรกิตกรุ๊ป เจ้าของโครงการบ้านจัดสรรอันดับต้นๆของประเทศ"วาโยบอกกับผู้จัดการส่วนตัวของเขา "ได้ค่ะ เดี๋ยวจัดการนัดน้องให้ คุณวาโยว่างพบน้องวันไหนคะ จะได้ลงเวลาให้" "วันนี้เลย ตอนบ่าย" วาโยบอกออกมา แล้วลุกออกจากห้องไป "เห้อ เอาแต่ใจจริงๆ น้องจะทนได้ไหมนะ" เชอร์รีนพึมพำออกมาเมื่อเจ้านายลุกออกไป แล้วกดโทรหาว่าที่ผู้จัดการคนใหม่ทันที "สวัสดีค่ะ ใครค่ะ" เสียงหวานปลายสายกรอกกลับมา "สวัสดีค่ะ โทรจากบริษัทวาโยสตูดิโอนะคะ ใช่น้องปุยฝ้าย พรอุมา ไหมคะ" เชอร์รีนตอบกลับปลายสาย "ออ ใช่ค่ะ " "น้องผ่านการคัดเลือกนะคะ ที่ทำแบบสอบถามเมื่อวานนี้" "หะ พี่ล้อเล่นป่ะคะ หนูตอบอะไรไม่ได้เลยนะคะ" ปุยฝ้ายถามกลับงงๆ "นั้นแหละค่ะ ที่ต้องการ สะดวกมาเจอคุณวาโยช่วงบ่ายนี้ไหมคะ" "วันนี้เหรอคะ" "ใช่ค่ะ น้องปุยฝ้ายสะดวกไหม" "เออ ได้ค่ะ"ปุยฝ้ายตอบรับแบบงงๆ "งั้นเจอกันนะคะ พี่จะส่งโลเคชั่นให้ทางไลน์นะคะ" "ค่ะ" ปุยฝ้ายวางสายแล้วนั่งงง "แกเป็นอะไรปุยฝ้าย" มัดหมี่เดินเข้ามานั่งลงข้างๆเพื่อนรักที่โรงอาหาร ในมหาวิทยาลัย แล้วถามออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนรัก "มัดหมี่ แกจำเมื่อวานที่เราทำแบบสอบถามพี่วาโยนั่น ได้ป่ะ" "ออ จำได้ มีอะไรอะ"มัดหมี่ถามเพื่อนออกมา "บริษัทเค้าโทรมาบอกว่าฉันผ่าน ให้ไปเจอพี่วาโยตอนบ่าย" ปุยฝ้ายตอบเพื่อนรัก "หะ จริงดิ" "อืม ฉันก็ถามเค้านะ ว่าใช่เหรอ ฉันตอบอะไรไม่ได้เลยนะ เขาก็ตอบว่าใช่"ปุยฝ้ายบอกกับมัดหมี่ อึ้งๆ "ไปๆๆๆ ไม่ต้องอึ้ง ไปสิคะ รออะไร ฉันพาไป บ่ายเราไม่มีเรียนอยู่แล้ว" มัดหมี่บอกอย่างดีใจ "แก ไม่คิดว่ามันแปลกๆเหรอ ตอนถามเค้าให้ตอบให้เยอะที่สุด แต่ฉันตอบไม่ได้เลยนะ" ปุยฝ้ายถามเพื่อนอย่างกังวน "หืม แกอย่าไปคิดเยอะ วงการบันเทิง" มัดหมี่ตอบเพื่อนออกมาแล้วหัวเราะ ช่วงบ่ายของวัน ปุยฝ้ายและมัดหมี่ มาถึงบริษัทวาโยสตูดิโอ "ใหญ่มากเลยอ่ะ" มัดหมี่พูดอย่างตื่นเต้น "อืม ใหญ่มาก" ปุยฝ้ายตอบออกมาแล้วมองไปรอบๆ "สวัสดีค่ะ คนไหนน้องปุยฝ้ายคะ" เชอร์รีนถามออกมาอย่างเป็นมิตร ปุยฝ้ายยกมือขึ้น แล้วยิ้ม "พี่เชอร์รีนนะคะ เราจะได้สอนงานกัน เดี๋ยวน้องปุยฝ้ายมากับพี่ ส่วนเพื่อนรอตรงนี้นะคะ ของกินทุกอย่างหยิบได้เลยนะ" เชอร์รีนบอกแล้วเดินนำปุยฝ้ายไป "ไปก่อนนะแก เดี๋ยวมา" "เออ สู้ๆ" มัดหมี่ตอบกลับเพื่อนรักอย่างส่งกำลังใจ ปุยฝ้ายเดินตามเชอร์รีนมาเรื่อยๆ ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าห้องแล้วเคาะประตู สองสามครั้งแล้วเปิดเข้าไป ปุยฝ้ายเดินตามเข้าไป "มาแล้วค่ะ คุณวาโย" เชอร์รีนบอกออกมาแล้วเดินแยกออกไปด้านข้าง แล้วปล่อยให้ปุยฝ้ายยืนอยู่ตรงกลางห้องคนเดียว วาโยหันเกาอี้มามอง เขาตาค้างไปพักนึง กับสาวคนนี้ในชุดนักศึกษาที่เข้ารูปไปทุกส่วน หน้าอกที่โตเกินตัว สะโพกที่พาย ก้นที่งอนงาม ใบหน้าที่สวนน่ารักชวนมอง "อะ อื้ม" เชอร์รีน กระแอ่มเรียกสติเจ้านาย "เออ เชิญนั่งสิ" วาโยพูดออกมาอย่างปกติ ทั้งที่เขาน้ำลายหกอยู่ในใจก็ตาม "สวัสดีค่ะ" ปุยฝ้ายยกมือไหว้คนตรงหน้า "อืม เราจะทำงานร่วมกันแล้ว ฉันจะบอกว่าฉันชอบสีดำ อายุ 27 ปี เพลงแรกของฉันคือ เพลงรักที่อยากบอกให้เธอฟัง และฉันชอบกินแกงเขียวหวาน"วาโยตอบออกมาแล้วจ่องหน้าปุยฝ้ายยิ้มๆ เล่นเอาเชอร์รีนขมวดคิ้ว เพราะวาโยแสดงออกว่าเอ็นดูชัดเจนมาก เค้าไม่เคยเป็นแบบนี้ "แหะๆ ค่ะ" ปุยฝ้ายก้มหน้าขำ เพราะเธอจำได้ว่านี่คือคำถามในแบบสอบถามที่เธอ เอาแต่ตอบว่าไม่รู้ "คราวนี้รู้แล้วนะ" วาโยถามย้ำออกมา "ค่ะ" "ออ เราเจอกันแล้ว แล้วเจอฉันเธอนึกถึงอะไร เธอน่าจะตอบได้แล้ว"วาโยถามออกมาแล้วมองปุยฝ้ายอย่างรอคำตอบ "เมื่อวานนึกถึงกระต่ายขาวค่ะ เพราะพี่ดูน่ารักและอบอุ่นมาก แต่วันนี้นึกถึงเสือค่ะ" "ทำไมละ"วาโยถามพร้อมรอยยิ้มอย่างยากที่จะเดา "เพราะความจริงพี่น่าจะดุ มองจากแววตาแล้ว วันนี้พี่ต่างจากเมื่อวานมาก เมื่อวานพี่เหมือนกระต่ายขาวน่ารักอบอุ่น แต่วันนี้พี่เหมือนเสือ ที่พร้อมจะขย้ำได้ทุกนาที เดาอารมณ์ไม่ออกเลย" ปุยฝ้ายตอบว่าที่เจ้านายของเธอตามตรง วาโยมองสาวตรงหน้าอย่างอึ้งในความฉลาด และอ่านคนขาดของเธอ เขาไม่เคยเจอผู้หญิงแบบนี้มาก่อน "เอาละ เธอยังอยากร่วมงานกับเราอยู่ไหม" วาโยตัดบท "ค่ะ" "ดี ผู้จัดการส่วนตัวต้องตัวติดฉันตลอดเธอรู้ไหม" "พอทราบค่ะ" "พร้อมเริ่มงานเลยไหม"วาโยถามออกมาอย่างหยั่งเชิง "ขอไปทำเรื่องฝึกงานให้เรียบร้อย แล้วจะแจ้งโดยเร็วนะคะ วันนี้กระทันหันมาก" "อืม งั้นเอาตามนี้ กดช่องทางติดต่อของเธอ ให้ฉันด้วย พร้อมกับช่องทางออนไลน์ทั้งหมด" วาโยพูดแล้วยื่นโทรศัพท์ให้ปุยฝ้าย ปุ้ยฝ้ายรับมากดเบอร์ของเธอให้ พร้อมช่องทางออนไลน์ของเธอทั้งหมด ก่อนจะคืนโทรศัพท์ให้วาโย "กลับเถอะ แล้วเจอกัน" วาโยบอกออกมา "ค่ะ สวัสดีค่ะ" ปุยฝ้ายยกมือไหว้ลา แล้วเดินออกจากห้องพร้อมเชอร์รีน วาโยมองจนลับสายตาก่อนจะยิ้มออกมา "เธอน่าสนใจ ตอนแรกนึกว่าเธอจะเป็นกว้างน้อย ที่ไหนได้เธอคือเหยี่ยวที่สายตาเฉียบคม" วาโยพูดออกมาอย่างพอใจ
Updated at
Reads
"เออ พี่เดินขึ้นชั้นบนไหวมั้ยคะ"ซัมเมอร์ยังคงถามย้ำอีกครั้ง "อืม เมา" "งั้นให้ซัมเมอร์ช่วยพยุงพี่ขึ้นไปที่ห้องพี่มั้ยคะ" "เอาสิ" ออกัส ตอบออกมาเพียงแค่นั้น ซัมเมอร์ก็เข้ามาประคองเขาด้วยความหวังดี และความซื่อ ออกัส แกล้งเธอ ด้วยการทิ้งน้ำหนักตัวหนักๆ แต่เธอก็ไม่บ่นสักคำ ซัมเมอร์อดทนพาร่างสูงใหญ่นั้นเดินมาจนถึงชั้นบ่นของบ้าน เมื่อถึงด้านบน ห้องของซัมเมอร์จะถึงก่อน แต่เธอก็เดินเลยมาส่งพี่ที่ห้องของพี่ ที่อยู่ถัดไป "ถึงแล้วค่ะ" ซัมเมอร์บอกเพียงแค่นั้น แล้วหันหลังเดินกลับเพื่อจะเข้าห้องของตัวเอง ออกัสมองตามก่อนที่จะยิ้มร้าย แกร่ก! มือบางๆของเธอ หมุนลูกบิดประตู เพื่อจะเข้าห้องนอนของเธอ แต่ทว่า เมื่อเธอก้าวเข้ามาได้เพียงก้าวเดียว ก็ถูกมือของอีกคนกอดเข้าที่เอว ผลักให้เธอเดินเข้าไป แล้วปิดประตูแล้วล็อก ซัมเมอร์หันมาอย่างตกใจ ก่อนจะเบิกตากว้าง "พี่ออกัส"ซัมเมอร์พูดออกมาเพียงเท่านั้น "ใช่ฉันเอง"ออกัสตอบกแล้วยืนเอาหลังพิงประตู "พี่ไม่ได้เมาเหรอคะ" "เธอคิดว่าไงละ" ออกัสตอบแล้วก้มลงเอาหน้ามาใกล้ๆ ซัมเมอร์ "มีกลิ่นเหล้า บุหรี่ เยอะมาก" ซัมเมอร์ตอบออกมาเสียงแผ่วเบา "ไง มีกลิ่นเหล้า คือฉันต้องเมาเหรอ" ออกัสพูดออกมา แล้วจ่องหน้าของซัมเมอร์ "ละ แล้วพี่เข้ามาทำมั้ยคะ" "นี่มันบ้านของฉัน ทำมัยฉันจะเข้าไม่ได้เหรอ" ออกัส ตั้งใจที่จะแกล้ง ซัมเมอร์ โหนมหน้าลงไปใกล้ๆใบหน้าของเธอ ซัมเมอร์มีอาการกลัวหลับตาปี๋ แล้วสั่นเล็กน้อย "หึ ฉันเกลียดท่าทางที่เธอกลัวฉันแบบนี้จัง" ออกัสพูดออกมา แต่ยังไม่ยอมเอาหน้าออกห่างจากน้อง "เธอทำเหมือนกลัวฉัน จนแม่ต่อว่าฉันอยู่หลายครั้ง ทั้งๆที่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลย หยุดแสดงอาการแบบนี้สักที่"ออกัส พูดออกมาน้ำเสียงเรียบเฉย ซัมเมอร์ค่อยๆลืมตาขึ้นมอง หน้าของพี่ยังอยู่ที่เดิม เธอกระพริบตาถี่ๆ ไล่ความกลัวในใจของตัวเองก่อนจะตอบ "ซัมเมอร์กลัวพี่จริงๆ พี่หน้าดุในตอนเด็กๆจนถึงตอนนี้หน้าของพี่ก็ยังดุอยู่ ซัมเมอร์ไม่ได้แกล้งนะคะ" เธอตอบยืดยาว แล้วก้มหน้าลงอีกครั้ง "หึ" ซัมเมอร์ได้ยินเสียงพี่เพียงเท่านั้น ก่อนที่เธอจะเบิกตากว้าง ออกัสประทับรอยจูบที่ริมฝีปากของเธอ ทั้งกลิ่นเหล้า กลิ่นบุหรี่ในปากของพี่คลุ้งในโสตประสาทของเธอเต็มไปหมด "อือ" ซัมเมอร์ร้องออกมาแล้วผลักพี่ออก แต่แรงของเธอนั้น เมื่อเทียบกับคนตัวหนา มันมีไม่พอที่จะต่อต้าน ออกัสจูบจนเขาพอใจ ก่อนจะยอมถอนจูบให้ "พี่อย่าทำแบบนี้ ไม่งั้นซัมเมอร์จะร้องให้คนช่วย" ซัมเมอร์ที่ตอนนี้ตัวสั่นเทาด้วยความกลัว จะวิ่งก็วิ่งหนี้ไม่ได้ เพราะพี่ยืนพิงประตูอยู่ "งั้นเหรอ ถ้าเธอร้อง ฉันก็จะโดนมองว่า เข้ามาปล้ำเธอใช่มั้ย ถ้าอย่างนั้น ไหนไหน ก็จะถูกว่าแล้ว ฉันจะช่วยให้มันสมจริงแล้วกัน" ออกัสพูดน้ำเสียงเยือกเย็น แล้วเดินเข้าหาซัมเมอร์ ซัมเมอร์ตกใจกลัว ถ่อยหนี้จนไปสะดุดเตียง แล้วเสียหลักลงที่เตียง "พี่อย่าทำบ้าๆนะคะ" ซัมเมอร์บอกออกัสน้ำเสียงสิ้นหวัง "ไม่ดีใจหรือไง ฉันจะช่วยสงเคราะห์ให้เธอสมจริงไง ไหนๆก็จะร้องแล้ว เชิญ" พูดจบแล้ว ออกัสผลักซัมเมอร์ลงที่บนเตียงแล้วเขา ก็ตามไปค่อม "อย่านะคะ พี่ออกัส อย่านะ" "อยากพูดพูดไป อยากร้อง ร้องไป "
Updated at
Reads
"ที่นี่ที่ไหนคะ มายมิ้นท์มาอยู่นี่ได้ยังไง" มายมิ้นท์ถามออกมา "ผับครับนี่ห้องด้านบน ที่เจ้าของใช้พัก คุณเมาหลับกลางอากาสผมอุ้มขึ้นมา" โอโซนบอก "ขอบคุณนะคะ"มายมิ้นกล่าวขอบคุณโอโซน แล้วจะลุก แต่ทว่า ตัวเธอเซไปนั่งตักของโอโซน โอโซนเอามือกอดเธออัตโนมัติ หน้าอกของเธอช่างโผล่ออกมายั่วสายตาของโอโซนเหลือเกิน "เออ ขอโทษค่ะ"มายมิ้นท์รีบกล่าวออกมา "ไม่เป็นไรครับคุณมายมิ้นท์มีแฟนหรือยัง หืม" โอโซน ถามออกมาตรงๆพร้อมกับเอามือปัดผมของเธอออกให้พ้นกรอบใบหน้า "ยังค่ะ" มายมิ้นท์ตอมออกมาเหมือนตกอยู่ในภวังค์เมื่อสบตาของโอโซน "ดีเลย ยังไม่มีเหมือนกัน" โอโซนพูดออกมา สายตาของเขาในตอนนี้ มันสามารถกลืนมายมิ้นท์ได้เลย มายมิ้นท์นิ่งทำอะไรไม่ถูก "เออ มายมิ้นท์จะกลับบ้านค่ะ" มายมิ้นท์พยายามดึงสติ จะลุกออกจากตักของโอโซน "ยังปล่อยให้กลับไม่ได้จริงๆ เพราะคุณเมาแล้วขับมอไซด์มา เป็นห่วงครับ"โอโซนพูดแล้วค่อยขยับมือที่กอดมายมินท์ขยับลูบไปมาเบาๆ มายมิ้นท์เคลิ้มบวกกับฤทธิ์ความเมา ถึงปล่อยให้โอโซนทำตามใจ อย่างที่เธอไม่ขัดขืน โอโซนช้อนอุ้มมายมิ้นท์มาวางที่เตียง แล้วตามลงไปประกบจูบเธอ อย่างเร้าร้อน แล้วค่อยๆเลื่อนหน้าลงมาบริเวรซอกคอขาวเนียนของเธอ สติของมายมิ้นท์เหลือน้อยเพราะฤทธิ์ของเครื่องดืมแอลกอฮอร์ที่ดื่มกับองุ่นเพื่อนของเธอ มานาทีนี้ สติของเธอไม่เหลือเลย จากการจู่โจมของโอโซน เมื่อได้สัมผัส โอโซนยอมรับเลยว่ามายมิ้นท์มีเสน่ห์ดึงดูดเขามากๆ ยิ่งสัมผัสยิ่งต้องการ นาทีนี่โอโซนไม่สนใจด้วยซ้ำว่ามายมิ้นท์จะคือสาวพรหมจรรย์มั้ย เขาเองไม่ได้แคร์ เพราะผู้หญิงก็มีสิทธิที่จะเลือกในเมื่อผู้ชายเองก็ไม่เคยเก็บพรหมจรรย์ แล้วจะมาเรียกร้องหาพรหมจรรย์จากผู้หญิง โอโซนคิดว่ามันไม่แฟร์เท่าไหร่ เขาชอบมายมิ้นท์และรับได้ในทุกอย่างที่เป็นเธอ เขาไม่ได้คาดหวังความพรหมจรรย์จาดตัวเธอเพราะ ทุกคนย่อมมีอดีต มายมิ้นท์เองตอนนี้สติเตลิด เธอมีแต่เคลิ้มตาม ไม่มีเรียวแรงและจิตใจใดๆที่จะขัดขืนการสัมผัสจากโอโซน โอโซนประคองมายมิ้นท์ลุกขึ้น แล้วรูดซิบชุดมินิเดรสสีดำของเธอ ในจังหวะที่โอโซนจะดึงชุดลง มายมิ้นท์ที่มีสติขึ้นมาเพียงเล็กน้อย จับแขนของเขาไว้ "ฉันว่าเราหยุดกันเถอะค่ะ มายมิ้นท์บอกโอโซนด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า "ผมหยุดไม่ได้แล้ว"โอโซนบอกมายมิ้นท์ เพราะอารมณ์ของเขาเองพลุ่งพล่านเต็มที่แล้ว "แต่เราเพิ่งรู้จักกันแค่วันเดียว เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ถึงฉันจะโสด และคุณก็โสด แต่ไม่รู้จักนิสัยใจคอกันเลยสักนิด อย่าให้มันเกิดขึ้นเลยค่ะ" มายมิ้นท์ พยายามต่อรองอีกครั้ง ทั้งๆที่เธอเองก็ยากที่จะห้ามใจตัวเอง "ไม่เป็นไรหรอกน้องหนู พี่มีเวลาให้หนูศึกษาทั้งชีวิต" โอโซนพูดจบแล้วจู่โจมประกบจูบมายมิ้น และดึงชุดออกให้พ้นร่าง มายมิ้นเองไม่ได้ขัดขึ้นเหมือนอย่างที่ปากของเธอร้องห้าม ร่างกายของเธออ่อนระทวยในวงแขนของโอโซน "อือ"
Updated at
Reads
เอี๊ยดดดดดดดดดด เสียงเบรครถหน้ามหาวิทยาลัยดังสนั่น สายตาทุกคู่หันหาเสียงนั้น ปรากฎร่างสาวน้อยผมหยิกลอนธรรมชาติ นั่งตัวสั่นอย่างตกใจ เจ้าของรถ เปิดประตูลงมาด้วยความตกใจเช่นกัน “น้อง น้อง เป็นอะไรหรือเปล่า” เวกัส หนุ่มใหญ่วัย 35 ปี ที่หน้าเด็กราวกับ 20 ต้นๆถามสาวน้อยตรงหน้า หน้าตาของเธอสะสวย ผมหยิกลอนน้ำตาลแดง ปากนิดจมูกหน่อย ผิวขาวดวงตากลมโตราวดั่งตุ๊กตา็ไม่ปาน นั่งตัวสั่นไม่ได้สติ ด้วยความตกใจ เวกัสประเมินจากสายตา สาวน้อยคนนี้ อายุน่าจะราวๆ 19-20 ประมาณนี้ “น้อง น้อง ได้ยินฉันมั้ย” เวกัสถามขึ้นมาอีกครั้ง สาวน้อยตรงหน้าเหมือนจะได้สติ เงยหน้ามองเขา แล้วกระพริบตาถี่ๆ “เออ น่าจะเจ็บข้อเท้าตอนล้มนิดหน่อยค่ะ” เธอตอบ พร้อมกับพยุงตัวเองลุกขึ้น “ฉันขอโทษแล้วกัน ลูกน้องฉันมันขับรถไม่ดี เอานี่ ค่าทำขวัญ” เวกัสพูดพลาง ยื่นแบงค์พันให้ปึกนึง สาวน้อยดวงตาตุ๊กตาผู้นี้ มองเงินในมือ แล้วสายหน้า “ไม่เอาหรอกค่ะพี่ ธารา ไม่ได้เป็นอะไรมาก ขอตัวก่อนนะคะ” “เดี๋ยว เธอชื่อธารา เหรอ ” เวกัส คว้าแขนของเธอที่กำลังจะเดินหนีไป “ออ เออ ค่ะ ชื่อธารา” ธาราตอบอย่างสุภาพ “เรียนที่นี่เหรอ” “ค่ะ” “ฉันชื่อเวกัสนะ” “ออ ค่ะ พี่เวกัส ธาราขอตัวนะคะ”ธาราพยายามจะแกะมือ “เดี๋ยว เธอเรียนคณะอะไร” เวกัส ไม่ปล่อย แต่ยังคงถามต่อ “คะ”ธารา ได้ยินแต่ถามลับอย่างไม่เข้าใจ “ฉันว่าฉันก็พูดชัดนะ” เวกัสพูดกลับเสียงเรียบ ธารายังคงนิ่ง “ว่าไง เรียนคณะไหน” “ออ คณะบริหาร ปี 3 ค่ะ”ธาราตอบออกไป ”อายุ 20 สินะ” เวกัสพึมพำ “ธาราขอตัวนะคะ” “เดี๋ยว นี่ก็ถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว เธอจะไปไหน” “ไปทำงาน พาร์ทไทม์ที่ร้านชาบูค่ะ หนูไปได้หรือยังคะ” “เดี๋ยวฉันไปส่ง” เวกัสพูดอย่างเอาแต่ใจ “ไม่ต้องก็ได้ค่ะ ธารา เกรงใจ” “ฉันไม่ถือ” เวกัสพูดจบแล้วลากธาราไปขึ้นรถ ที่เบาะหลัง ธารามองเห็นผู้ชายสองคนนั่งอยู่ข้างหน้า ใส่สูท สวมเว่นตาดำ เล่นเอาเธอแปลกใจอยู่ไม่น้อย “เรียบร้อยมั้ยครับเสี่ย” ชายที่นั่งตรงตำแหน่งคนขับ ถามขึ้นมา “อืม” เวกัสตอบแค่นั้น “แล้วพาเธอไปโรงยาบาลเหรอครับ” ชายที่นั่งข้างคนขับ ถามขึ้นมา “ไม่” เวกัสตอบเสี่ยงเรียบ “ร้านที่เธอทำงานอยู่ไหนนะ”เวกัสหันมาถามธารา ที่นั่งงง อยู่ในรถ “ร้าน ชาบูหน้ามหาลัยค่ะ พี่ขับไปก็เจอเลย” ธาราบอกออกมา “นั่นมัน” “เงียบ อย่าพูดมาก” ยังไม่ทันที่ชายที่นั่งตรงตำแหน่งคนขับ ได้พูดจบ ก็ถูกเบรกด้วยเวกัส ชายคนนั้นจำเป็นต้องเงียบ ไม่นาน ก็ถึงร้านชาบูที่เธอทำงาน เวกัสลงมาส่งธารา “ขอบคุณนะคะพี่เวกัสที่มาส่ง” “อืม ไม่เป็นไร คนของฉันขับรถไม่ดีเอง ฉันขอยืมโทรศัพท์เธอหน่อยได้มั้ย” “คะ” “เห้อ เธอไม่ได้ยินจริงๆเหรอ” เวกัสถามธาราออกไปอย่างเน้นเสียง ธารายื่นโทรศัพท์ให้พี่แบบงงๆ เวกัส รับโทรศัพท์ของธารามา แล้วกดโทรออก เพียงไม่นาน โทรศัพท์ของเขาเองก็ดังขึ้น “อะเสร็จแล้ว” เวกัสยื่นโทรศัพย์คืนธารา ธารารับโทรศัพท์มาแล้วเก็บใส่กระเป๋า “หนูไปแล้วนะคะ” ธารายกกมือไหว้ พร้อมกล่าวลา เวกัส มองธาราจนลับสายตา ก่อนจะกลับขึ้นรถ “ชอบเหรอครับเสี่ย” ชายคนขับถามเจ้านาย “เสือก มึงนี่นะ ไอ้วิว ขับรถระสาอะไร เกือบชนคนแล้วมั้ย” “ขอโทษครับเสี่ย ผมใจลอยจริงๆ”วิว บอกผู้เป็นเจ้านาย “เสี่ยครับ อย่างน้อย เหตุการณ์นี้ก็ทำให้เสี่ย ได้พบสาวงามนะครับ” ชายที่นั่งข้างๆคนขับ กล่าวขึ้นมา “มึงก็อีกตัว เข้าข้างกันดีนัก ไอ้ทัพ”เวกัสบ่นลูกน้อง ”เธอไม่รับค่าทำขวัญเหรอครับ แล้วทำมั้ยเสี่ย ไม่ให้พูด ว่าร้านชาบูนั่นเป็นของเสี่ยครับ”วิวถามเจ้านาย อย่างอยากรู้ “หึ ไม่เห็นถึงความจำเป็นต้องบอกนิ พวกมึงไปเอาประวัติของธารา แม้สาวหน้าตุ๊กตา มาให้กูด้วย ด่วน” เวกัสบอกลูกน้องแล้วนั่งยิ้มภายในรถ “หนักแล้วเสี่ยกู ยิ้มคนเดียว” ทัพแซว เจ้านาย “กูได้ยิน หักเงินเดือนดีมั้ย”เวกัสถามลูกน้อง “ไม่ได้นะเสี่ย เสี่ยหักเงินเดือน แล้วผมจะเอาเงินไหนไปเลี้ยงเมียทั้ง 5 คนของผมอะ” ทัพตอบเล่นกับเจ้านาย “เห้อ เมื่อไหร่มึงจะเลิกเพ้อเจ้อ ไอ้ทัพ โตเป็นควายแล้ว”วิวด่าเพื่อน “ไปคาสิโนเลยมั้ยครับเสี่ย”วิวหันมาถามเจ้านาย เพราะในทุกๆวัน เจ้านายของเขาจะ วนดูธุรกิจทุกอย่างที่มี จะมีไปตั้งแต่ ธุรกิจที่ใสสะอาด ไปจนถึงธุรกิจสีเทา “ไม่ไปอะ กูขี้เกียจแล้ววันนี้ กลับคอนโดเถอะ” เวกัสบอกลูกน้อง “ฝนจะถล่ม ดินจะถลาย เสี่ยกูมีวันขี้เกียจด้วยแหะ” ทัพ แซวเจ้านาย เมื่อถึงคอนโด เวกัส เปิดประตูเข้ามาในห้องที่จะเป็นโทนสีดำอย่างที่เขาชอบ เขาเปิดตู้เย็นหยิบเบียร์มา กระดกดื่ม ทั้งสีหน้า แววตา รอยยิ้ม ของธารา แม่สาวน้อยใบหน้าราวกับตุ๊กตา ก็ฉายเข้ามาอยู่ในสมองของเขาเต็มไปหมด “ธารา เธอทำอะไรกับฉัน เจอกันแค่นี้ เล่นเอาฉันคิดถึงเชียวเหรอ ” เวกัสพูดคนเดียว แล้วยิ้มอยู่อย่างนั้น เกิดมา 35 ปี ผู้หญิงมาเสนอตัวมากมาย แต่เวกัส ไม่ได้สนใจใครเลย จนมาเจอธารานี่แหละ ธรรมดาที่หน้าค้นหา ขณะที่คิดเรื่องของธาราอยู่นั้น เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ของเวกัสก็ดังขึ้น ทัพ ส่งประวัติของธารามาให้ นางสาวทิพย์ธารา ทิพย์ธาร อายุ 20 ปี เรียน คณะบริหาร ชั้นปีที่ 3 ภูมิลำเนา จังหวัด นครราชสีมา เธอเป็นลูกสาวคนโต มีน้องชาย 2 คน ครอบครัวฐานะค่อนข้างยากจน ทำงานส่งตัวเองและน้องเรียน มีพ่อที่ป่วยต้องใช้เงินรักษาจำนวนมากอยู่บ่อยครั้ง ยังไม่เคยมีแฟน แม้แต่คนเดียว อาศัยอยู่ที่หอในมหาวิทยาลัย ทำงานทั้งที่ร้านชาบู และรับงานMC ตามวาระต่างๆ เวกัสอ่านข้อมูลที่ลูกน้องส่งมาให้ แล้วถึงกับชื่นชมและรู้สึกดีกับธารามากยิ่งขึ้น “ตัวแค่นี้ แบกโลกไว้ทั้งใบเลย แม่หน้าตุ๊กตา ฉันจะดูแลเธอเอง” เวกัสบอกตัวเองแบบตั้งหมั้น
Updated at
Reads
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจนรบกวนการนอนของเจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้ มือหนาๆควานหาโทรศัพท์ก่อนจะกดรับสายโดยที่ไม่ได้ดูเลยด้วยซ้ำว่าปลายสายคือใครกัน "ครับ" "ลูกชายแม่ยังไม่ตื่นเหรอคะ"ที่แท้มารดาของเขาโทรมานี่เอง "แม่ครับผมเพิ่งกลับมาจากค่ายอาสาที่น่านนะครับ จะให้ตื่นเช้าอะไรนักหนาเนี่ย" "ไม่รู้แหละค่ะนัดคุณแม่ไว้ ถ้าไม่มาละน่าดู"ปลายสายวางไปแล้ว ส่งผลให้เจ้าของโทรศัพท์ถึงกลับลุกขึ้นนั่งพรวด ไอซ์ ภัทรดนัย ขจรกิติมาวนากร หนุ่มวิศวะปี 3 มีส่วนสูง 180 เซ็นติเมตร ชายผู้มีหน้าตาและรอยยิ้มเป็นอาวุธ แต่ปากนี่จัดกว่าเพื่อนทุกคนในกลุ่ม เป็นลูกชายคนเดียวของคุณดนัยภัทร ขจรกิติมาวนากร เจ้าของธุรกิจอุสาหกรรมยานยนต์อันดับต้นๆของประเทศ และคุณอังคณา ขจรกิติมาวนากร เจ้าของฟาร์มไข่มุกฟาร์มใหญ่ระดับประเทศ สถานะโสดถึงโสดมาก มีเพื่อนสนิทชื่อคิรินและมาร์ติน หนุ่มทั้งสามคนนี้ เรียกว่าฮอตสุดๆในมหาวิทยาลัย แต่มาร์ตินและคิรินชิงมีแฟนไปแล้ว เหลือแต่ไอซ์นี่แหละที่โสดสนิทยาวนานมามากเหลือเกิน ตอนนี้ไอซ์ต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวออกจากคอนโดเพราะนัดมารดาผู้เป็นที่เคารพรักยิ่งกว่าสิ่งใด ลัมโบกินี่สีส้มแล่นมาจอดที่บ้านตระกูลขจรกิติมาวนากร ก่อนที่เขาจะเดินเข้าบ้านหามารดา "มาแล้วค๊าบบบบ มารดาผู้เอาแต่ใจ ลูกเหน็ดลูกเหนื่อยจากการออกค่ายก็ไม่สน"ไอซ์บ่นมารดาแล้วหอมมารดาฟอดใหญ่ เพี๊ยะ คุณอังคณาตีบุตรชายเบาๆ "ก็น้องไอซ์นัดคุณแม่ก่อนนี้คะ คุณแม่เปล่านัดน้องไอซ์เองสะหน่อย" "โอ้ย มีแม่จะแก่แล้วเนี่ย แม่ขี้บ่น"ไอซ์เฉไฉแล้วหอมแก้มมารดาฟอดใหญ่ "ก็แม่นัดเพื่อนแม่ไว้แล้วนี้คะ น้องไอซ์ต้องมาช่วยเลี้ยงน้องซูกัสลูกสาวเพื่อนแม่ด้วยค่ะ" "โอ้ย ผมเลี้ยงซูกัสจนผมไม่มีแฟนแล้วเนี่ยะ มีแต่คนคิดว่าซูกัสเป็นแฟนผม"ไอซ์โอดครวญ "เราอะไม่เจอน้องตั้ง 1 ปี รอเจอน้องค่อยพูดใหม่ดีมั้ยคะ"คุณอังคณาบอกบุตรชายยิ้มๆ "เห้อ ตอนไหนก็เหมือนกันและครับแม่"ไอซ์บอกมารดาเซ็งๆ ไม่นานมีเสียงสาวน้อยที่ดังมาก่อนตัว "คุณป้า ซูกัสมาแล้วค่ะ" ปรากฎร่างสาวสวยผิวขาว ดวงตากลมโตสดใส วิ่งมากอดคุณอังคณาอย่างสนิทสนม "ไหว้พระค่ะหลานป้า"คุณอังคณาบอกหลานสาวอย่างเอ็นดู ซูกัส นางสาวกมลฤดี จิรพีรพรรณพร สาวน้อยวัย 18 เรียนอยู่ชั้น ม.6 เป็นลูกสาวเพื่อนรุ่นน้องคนสนิทของคุณอังคณาที่ร่วมธุรกิจฟาร์มไข่มุกกัน คุณอังคณารักซูกัสราวกับบุตรแท้ๆเลยก็เรียกได้ "สวัสดีค่ะคุณพี่"คุณนีรนา มารดาของซูกัสเดินเข้ามาทักทายเพื่อนรุ่นพี่ "สวัสดีค่ะน้องสาวพี่" "สวัสดีครับคุณน้า"ไอซ์ทักทายคุณน้าคนสวย "ครับลูกหล่อขึ้นตั้งเยอะไม่เจอตั้งนาน ซูกัสทักทายพี่หรือยังลูก"คุณนีรนาถามลูกสาวแสนซน "หึ พี่ไอซ์ไม่เห็นทักซูกัสก่อนเลย ทำมัยซูกัสต้องทักพี่ด้วยคะ"ซูกัสพูดอย่างแสนงอล "555 พี่ไอซ์ทำมัยไม่ทักน้องละคะลูกชายแม่"คุณอังคณาแซวบุตรชาย "ซูกัสเอาใหญ่แล้วนะลูก น้องเป็นเด็กต้องทักพี่ก่อนสิคะ"คุณนีรนาปรามบุตรสาว "ไม่ค่ะ คุณป้าดูสิ"ซูกัสไม่ยอม แถมฟ้องแม่ของพี่ "ไอซ์ครับลูก น้องยังเด็กอย่าถือน้องนะคะ"คุณอังคณาบอกลูกชาย "เห้อ"ไอซ์ถอนหายใจแล้วตบโซฟาข้างๆ "มาหาพี่มา"ไอซ์บอกน้อง ซูกัสยิ้มแฉ่งวิ่งมานั่งตามพี่บอก "ไม่เจอกันตั้งนาน โตเป็นสาวแล้วยังขี้งอลเหมือนเดิมเลย"ไอซ์พูดแล้วขยี้หัวน้องเบาๆ "หึ้ย โตอะไรกัน ซูกัสยังไม่โตสักหน่อย"เธอว่าแล้วก็เอนตัวพิงพี่อย่างที่เธอชอบทำตอนเป็นเด็กน้อย "สองคนนี้รักกันแต่เด็ก แต่ชอบแกล้งกันอยู่เรื่อยๆ"คุณนีรนาพูดกับคุณอังคนาด้วยรอยยิ้ม "อ้าวนี้เด็กๆ คะ พี่ไอซ์ต้องเลี้ยงน้องซูกัสไปหนึ่งเดือนนะคะ คุณแม่ทั้งสองต้องไปดูไข่มุกที่ต่างประเทศแล้วก็จะไปเที่ยวด้วยค่ะ โอเค๊"คุณอังคนาบอกเด็กทั้งสองคนตรงหน้า "แล้วเลี้ยงยังไงครับแม่ น้องโตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้วนะ"ไอซ์ถามงงๆ น้องเป็นสาวแล้วเขาเองก็เกรงว่าคนจะมองไม่ดี "ก็ไปอยู่คนโดพี่ไอซ์ไง มีตั้ง 2 ห้องอะ อย่ามางกแค่นี้มาแบ่งกันเลย"ซูกัสเสนออย่างไม่ได้คำนึงอะไร "เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ น้าเชื่อใจน้องไอซ์"คุณนีรนา อนุญาตบุตรสาว "เย้ๆซูกัสจะได้มีเพื่อนเล่นแล้ว" ซูกัสดีใจราวกับเด็กน้อย ส่วนไอซ์ถึงกับกุมขมับ เขาเองไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะ ซูกัสโตเป็นสาวขนาดนี้ เขากลัวใจตัวเองเหลือเกิน "ไปๆๆๆ พี่ไอซ์ไปเก็บของกัน"ซูกัสลากแขนพี่ออกไปเลย คุณนีรนาและคุณอังคณาเอามือยกขึ้นตบแท๊กกัน อย่างถูกใจ "คุณพี่ว่าเด็กสองคนนี่จะรักกันตามความต้องการของพวกเรามั้ยคะ" "แน่สิคะ ดูน้องไอซ์มองน้องซูกัสไม่เหมือนเดิมแล้วค่ะ ดูอ่อนโยนขึ้น พวกเรารอฟังข่าวลูกๆของพวกเราขอคบกันเป็นแฟนได้เลยค่ะคุณน้องเชื่อคุณพี่นะคะมันต้องเริศ"คุณอังคณาบอกรุ่นน้องคนสนิทแล้วหัวเราะกันคิกคัก แล้วยิ้มให้กัน ด้านซูกัสกับไอซ์เดินมาที่โรงรถ "ไหนรถพี่ไอซ์คันไหน"ซูกัสหันซ้ายหันขวามอง "นูนไง"ไอซ์ชี้ไปที่รถลัมโบกินี่สีส้มของเขา "หะอีสีส้มนี่นะ อี๋ สีอื่นไม่มีไง" "ไม่มี อย่าเรื่องมาก"ไอซ์ว่าแล้วก็เปิดประตูรถให้น้องขึ้นแล้วพาน้องไปเก็บเสื้อผ้าที่บ้าน และทั้งคู่ก็กัดกันตลอดทางไปเรื่อยๆอย่างไม่ยอมกันเลยสักคน
Updated at
Reads
"พี่ชายชื่ออะไรคะ " "หึ จะรู้ไปทำมัยกันครับ ไม่เห็นเป็นสาระสำคัญ สิ่งสำคัญ คืออยากสนุกแบบ One Night Stand กับพี่ต่อมั้ย ถ้าอยากก็ตามมาครับ"มาร์ตินพูดเพียงแค่นั้น แล้วเดินออกจากบาร์เหล้า ขึ้นห้องเฉือดที่เขาเปิดทิ้งไว้ด้านบน
Updated at
Dear Reader, we use the permissions associated with cookies to keep our website running smoothly and to provide you with personalized content that better meets your needs and ensure the best reading experience. At any time, you can change your permissions for the cookie settings below.
If you would like to learn more about our Cookie, you can click on Privacy Policy.