ตอนที่ 3 ออกสื่อ
ผมมารู้สึกตัวตื่นแต่ไม่เต็มที่เท่าไหร่นัก เมื่อตอนได้ยินเสียงของพี่รัณดังลั่นอยู่ข้างหู ยังไม่ทันจับต้นชนปลายเรื่องอะไรได้ เสียงเอะอะโครมครามกับฝ่ามือนุ่มก็สะบัดตบลงมาเต็มซีกแก้มจนแทบไม่เว้นช่วงให้ผมได้หายใจ ในขณะที่หัวสมองยังรับรู้เรื่องราวอะไรได้ไม่เต็มส่วน ผมได้ยินแค่ประโยคซ้ำๆ ของพี่รัณที่พร่ำด่ากล่าวหาว่าผมเป็นชู้กับคุณครามเท่านั้นที่พอฟังรู้เรื่องและจับใจความได้ แต่ทำไมพี่รัณถึงพูดออกมาอย่างนั้น ผมกับคุณครามนะหรือจะมีความสัมพันธ์ต่ำช้าน่ารังเกียจ
“พี่รัณผมเปล่า” เรี่ยวแรงที่มีเพียงพอแค่ให้ผมขยับปากบอกปฏิเสธ เพื่อต้องการให้พี่รัณเชื่อและเปิดโอกาสให้ผมได้ลืมตาขึ้นมาอธิบายแก้ต่างความเข้าใจผิดๆ นั้น หากแต่ดูเหมือนมันช่างไร้ประโยชน์
กล้องบันทึกภาพวิดีโอและโทรศัพท์มือถือของใครบางคนถือล่อนชูไว้ในอากาศเห็นผ่านเข้ามาในโสตประสาทการรับรู้ของผม ข้อเท้าสีขาวกับรองเท้าส้นสูงของใครบางคนอยู่ห่างผมไปเพียงไม่ถึงหนึ่งฝ่ามือ แต่ถึงอย่างนั้นกลับไม่มีแม้แต่ปลายนิ้วที่จะเข้ามาฉุดดึงช่วยเหลือ
“เป็นใครก็ได้รินทร์ แกจะเอากับใครก็ได้แต่ทำไมต้องเป็นผัวฉัน แกทำอย่างนี้ได้ยังไง” ฝ่ามือนุ่มของพี่รัณกระชากคางของผมให้เชิดหงาย ก่อนที่น้ำตาหยดใสๆ จะพร่างพรายร่วงลงมาจากดวงตาคู่สวยของพี่สาวที่ผมรักเสมือนแม่คนที่สอง
“พี่รัณผมเปล่านะ”
ผมพยายามรวบรวมสติอันกระเจิดกระเจิงนั้นให้เข้าที่เข้าทางแล้วพูดย้ำปฏิเสธอย่างหนักแน่น หากแต่ผมยังไม่มีโอกาสอธิบายอะไรเพิ่มเติม ความรู้สึกเจ็บแปลบกับเสียงหนักๆ เหมือนมีของแข็งมากระแทกหัวหลายครั้งหยุดโลกทั้งใบของผมค้างนิ่งเอาไว้เพียงเท่านั้นเพราะผมถูกผลักให้ตกกลับลงไปในห้วงเหวแห่งความมืดดำมึนงงพร้อมกับสติดับวูบจมหายสู่ห้วงฝันอีกคราว
“.....มาถึงเรื่องฉาวสุดช็อกของคนวงการบันเทิงเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา หลังจากมีภาพหลุดของนักแสดงหนุ่มซึ่งกำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้กำลังมีความสัมพันธ์ฉันชู้กับไฮโซหนุ่มอย่างคุณคราม....”
เสียงการรายงานข่าวบันเทิงปลุกสติของผมให้ค่อยๆ ตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล อาการเจ็บแปลบบริเวณหัวค่อนไปทางหางคิ้วกับอาการแสบชาทั่วทั้งซีกหน้าและริมฝีปากซึ่งเจ็บตึงจนเผลอหลุดร้องครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด
“โอ๊ย...”
“รินทร์” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยเรียกชื่อของผมห่างออกไปไม่มากนัก แต่เปลือกตาของผมมันหนักจนแทบขยับให้เปิดขึ้นไม่ได้
“ฟื้นสักทีนะพ่อตัวดี” อีกหนึ่งเสียงซึ่งคุ้นหูสะบัดห้วนจนสามารถรับรู้ได้ถึงอารมณ์ขุ่น
“พี่อาร์ตี้” ผมลืมตาขึ้นมาพบกับผู้จัดการส่วนตัวยืนถลึงตาเขียวใส่อยู่ด้านข้าง รอบเตียงนั้นล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ผมรักใคร่คุ้นเคย หากแต่เวลานี้ดูเหมือนพวกเขามีเรื่องบางอย่างให้ขุ่นข้องไม่พอใจในตัวผมเพราะสายตาทุกคู่ซึ่งมองมานั้นดูหยามเหยียดเกลียดชังไม่รักใคร่สนิทใจดังเคย
“พี่อาร์ตี้...พี่รัณล่ะครับ” ความทรงจำอันแสนชุลมุนวุ่นวายแล่นผ่าเข้ามากลางหัวพร้อมกับอาการปวดจี๊ดตรงขมับ
“ยังมีหน้าไปถามหารัณอีกเหรอ เราทำอะไรลงไปรู้ตัวหรือเปล่า รินทร์” เสียงแข็งตวาดกลับมาทันที
“ถ้าเป็นเรื่องเมื่อคืน ผมอธิบายได้นะครับ มันไม่มีอะไรเลยจริงๆ”
“ไม่มีอะไรอย่างนั้นเหรอ อมโบสถ์ทั้งหลังมาพูดยังไม่มีใครเชื่อเลยรินทร์ ภาพมันฟ้องออกมาขนาดนั้น แล้วที่สำคัญตอนนี้ไม่ใช่แค่ข่าวซุบซิบดารานะรินทร์ คลิปนั้นมันถูกคนมือไวอัพโหลดลงเว็บโป๊ไปแล้ว ตอนนี้ปิดยังไงแก้ยังไงมันก็ไม่ทันแล้วรินทร์”
“อะไรครับ” ความรู้สึกหนาวยะเยือกแล่นพุ่งเข้ามาปะทะความรู้สึกของผม มันอึดอัดบีบรัดจนแทบหายใจไม่ออกนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ข่าวซุบซิบดารา...เว็บโป๊?
“หมายความว่ายังไงครับ” ผมกวาดตามองกลับไปรอบตัวโดยหวังว่าจะมีใครสักคนช่วยอธิบายเรื่องนี้ให้ฟัง
“ช่วงแรกที่มันออกอากาศไปน่ะ มีคนอัดคลิปแล้วเอาภาพของ รินทร์...ไปปล่อยลงเว็บโป๊ พวกเราพยายามแก้ไขแล้วแต่...มันถูกแชร์ไปเยอะมากจนไม่รู้จะทำยังไง กดรายงานให้เขาลบคลิปไปแล้วแต่มันก็มีคนเอาไปลงใหม่อยู่ดี...แล้วมันก็ไม่ได้มีแค่คลิปเดียวด้วย...” จินนี่เพื่อนสนิทของผมเอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว
“ภาพของรินทร์เหรอ?”
ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตากับพี่อาร์ตี้ผู้จัดการสาวประเภทสองรู้สึกหายใจไม่สะดวกนักเพราะผมไม่รู้จริงๆ สำหรับไอ้คำว่า “ภาพ” นั้นมันหมายความว่าอะไรและภาพที่ว่ามันถูกโหลดลง “เว็บโป๊” อย่างนั้นหรือมันคือภาพอะไรล่ะ
“ภาพรินทร์ ทำไมไปอยู่ในเว็บโป๊ล่ะครับ?”
“แล้วถ้ามันไม่อยู่ในเว็บโป๊ รินทร์จะให้มันไปอยู่ในเว็บสารคดีช่องไหนล่ะ ก็ในเมื่อมันเป็นภาพของรินทร์กำลังเล่นชู้อยู่กับคุณคราม” เสียงห้วนกระแทกตอบอย่างหงุดหงิดอารมณ์เสีย
“ภาพของผม...เล่นชู้กับคุณครามเหรอ?”
นานหลายนาทีกว่าผมจะตั้งสติแล้วเริ่มกลับมารับรู้ถึงเหตุการณ์ต่างๆ รอบตัวได้อีกครั้ง เมื่อคืนที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไมผม จำอะไรไม่ได้เลย ผมจำได้แค่แก้วเหล้ากับกระป๋องน้ำผลไม้บนโต๊ะซึ่งยังผมยังไม่ได้ยกดื่มแม้แต่อึกเดียวและควันบุหรี่สีเทาเหม็นๆ นั้นพร้อมกับ....
“ครางชื่อฉันสิ...ดารินทร์”
“ไม่จริงนะ” ผมส่ายหัวปฏิเสธ
“จะเอาอะไรมาปฏิเสธว่ามันไม่จริง โอ๊ยยย...ฉันอยากจะบ้าตาย จากดาราซีรีส์วายนี่ฉันต้องกลายเป็นผู้จัดการให้ดาราหนังเอวีไปแล้วอย่างนั้นเหรอ” ท่าทางเกรี้ยวกราดของพี่อาร์ตี้ทำให้ผมรู้สึกผิดและกังวล
“จินนี่ โทรศัพท์ผมล่ะ” ผมหันไปถามหาโทรศัพท์มือถือของตัวเองจากเพื่อนสาวเพราะต้องการเอาหลักฐานมาให้ทุกคนดูว่าเมื่อคืนนี้ผมไม่ได้ไปหาคุณครามเอง พี่รัณเป็นคนโทรมานัดให้ผมไปรอที่นั่นจริงๆ
“เอ่อ ตอนพารินทร์ออกมา จินนี่ไม่ได้หยิบมาด้วยเพราะไม่ทันคิดอ่ะมันชุลมุนวุ่นวายไปหมด...ขอโทษทีนะ”
“ถ้าอย่างนั้นจินนี่โทรหาพี่รัณสิ ในโทรศัพท์ของรินทร์ มันมีบันทึกการโทรอยู่ แล้วมันก็บันทึกเสียงอัตโนมัติด้วย รินทร์ไม่ได้ไปที่นั่นเองนะ พี่รัณเป็นคนให้รินทร์ไปแล้วยังบอกให้รินทร์เข้าไปรอในห้องด้วย” ผมยังคงพยายามหาทางออกของปัญหาเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ของตัวเอง
“โทรศัพท์ของรินทร์เหรอ เดี๋ยวจินนี่จะลองถามให้นะไม่รู้ว่าอยู่กับพี่รัณหรือว่าคุณคราม”
เพื่อนสาวร่วมอาชีพกดโทรศัพท์แล้วยืนทำหน้าเจื่อนๆ อยู่นานสองสามนาทีก่อนจะกดวางสายแล้วหันมาส่ายหน้าช้าๆ แล้วบอกให้รู้ว่าโทรศัพท์ของผมไม่มีสัญญาณตอบกลับใดๆ ไม่รู้ว่าแบตโทรศัพท์หมดไปเองหรือมีใครจงใจปิดเครื่องกันแน่
“ต่อให้มีโทรศัพท์และบันทึกการโทรจริง พี่สาวเธอเขาบอกเหรอว่าให้เธอไปนอนแก้ผ้ารอในห้องผัวเขา” พี่อาร์ตี้สะบัดเสียงถามผมกลับมา
“ก็พี่รัณบอกว่าจะไปคุยเรื่องหย่า แต่จะมาช้าเพราะว่ายังถ่ายละครไม่เสร็จนี่ครับ”
“เมื่อวานเราไม่มีคิวถ่ายละครนะรินทร์ เพราะว่า....พวกเราเตรียมจะมาถ่ายรายการกันเมื่อคืนนั่นแหละ” จินนี่ตอบกลับมาพร้อมกับเอียงหน้าเหมือนมีเรื่องไม่เข้าใจ
“ไม่มีคิวถ่ายละครอย่างนั้นเหรอ...แต่พี่รัณบอกว่ามี พี่รัณจะโกหกทำไม แล้วตอนนี้พี่รัณอยู่ไหน”
“คือ...เห็นว่าเมื่อคืนอยู่เคลียร์ปัญหากับคุณครามต่อ แล้วก็พี่รัณกำลังจะออกมาแถลงข่าว...”
“แถลงข่าว...เรื่องอะไร?”
“ไม่รู้สิ จินนี่ก็รอดูอยู่เหมือนกัน”
ความอดทนของพวกเราทุกคนในห้องไม่ได้ถูกบีบให้ต้องรอนานนักเพราะเสียงแจ้งเตือนของโทรศัพท์มือถือทุกคนดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน โดยเป็นการไลฟ์สดแถลงข่าวของพี่สาวผมเอง ไอแพดเครื่องใหญ่ประจำตัวของพี่อาร์ตี้ถูกยื่นออกมาด้านหน้าโดยมีพวกเราทุกคนพุ่งสายตาจับจ้องมองภาพของหญิงสาวคนหนึ่งใบหน้าเศร้าหมองกับร่องรอยดวงตาอันบวมช้ำเหมือนคนที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก แม้มีแว่นกันแดดแบรนด์ดังช่วยอำพรางแต่มันก็ไม่อาจปกปิดดวงตาเศร้าเบื้องหลังกระจกเลนส์สีชานั้นได้เลย
นักข่าว : คุณรัณคะ ไม่ทราบว่าเหตุการณ์เมื่อคืนนี้มันเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือคะ // เสียงนักข่าวสาวคนหนึ่งโพล่งถามออกมาเป็นคำถามแรก
ดารัณ : สำหรับเรื่องเมื่อคืนรัณไม่ขอพูดถึงรายละเอียดอื่นนะคะเพราะทุกคนคงจะได้เห็นเองกับตาแล้ว // เสียงแหบแห้งสั่นเครือของพี่รัณตอบอย่างแผ่วเบาแม้จะมีไมค์หลายสิบอันจดจ่ออยู่ข้างหน้าแต่ถึงอย่างนั้นมันก็แหบเครือจนทุกคนต้องเงี่ยหูฟัง
นักข่าว : คุณรัณหมายความว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด....เป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอคะ เรื่องคุณดารินทร์...กับคุณครามน่ะค่ะ // เสียงของนักข่าวอีกคนพูดแทรกขึ้นบ้าง
ดารัณ : รัณก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันค่ะว่ามันจะเป็นเรื่องจริง // น้ำตาหยดหนึ่งร่วงรอดออกมาจากใต้ช่องว่างระหว่างกรอบเลนส์เห็นเป็นหยดน้ำติดอยู่ตรงปลายคางเรียว
นักข่าว : แล้วทางคุณดารินทร์กับคุณครามได้มีการเข้ามาพูดคุยหรือว่าอธิบายอะไรหรือเปล่าคะ
ดารัณ : ไม่ค่ะ....เขาสองคนไม่ได้ปฏิเสธ!
ไม่ปฏิเสธอย่างนั้นเหรอ…
หัวใจของผมหล่นวูบร่วงหายออกไปจากอกกับคำสัมภาษณ์นั้น ผมยังคงนั่งอยู่บนเตียงนอนภายในคอนโดมิเนียมและยังไม่ได้พูดคุยอะไรกับใครเลยทั้งพี่รัณและคุณคราม แล้วทำไมพี่รัณถึงบอกว่าผมไม่ได้ปฏิเสธ ผมต้องปฏิเสธสิ...ในเมื่อผมไม่ได้ทำอะไรเลย
นักข่าว : หมายความว่าทั้งสองคนยอมรับว่าคบชู้กันจริงอย่างนั้นเหรอคะ แล้วอย่างนี้คุณรัณจะทำยังไงต่อไปคะ // นักข่าวคนเดิมถามซ้ำพร้อมกับยื่นกระดาษทิชชู่แผ่นใหญ่เหมือนต้องการให้ดาราสาวคนดังใช้มันซับหยาดน้ำตาแห่งความเจ็บช้ำ
ดารัณ : ถึงเขาไม่ยอมรับแต่ภาพทุกอย่างมันก็ชัดแล้วนี่คะ...
ผมยกมือขึ้นมากุมขมับรู้สึกปวดร้าวตั้งแต่หัวใจไปจนถึงแกนกลางของสมองนี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน คำให้สัมภาษณ์ของพี่รัณบอกอย่างชัดเจนหนักแน่นว่าความสัมพันธ์ของพี่สาวและพี่เขยของผมนั้นได้สิ้นสุดลงแล้วตั้งแต่เมื่อคืน เหลือเพียงขั้นตอนของทนายซึ่งพี่รัณจะฟ้องหย่าในข้อหาว่าสามีคบชู้ ส่วนน้องชายทรยศเช่นผม....
ดารัณ : สำหรับดารินทร์ต่อให้เขาทรยศหักหลังรัณยังไง สุดท้ายแล้วเขาก็ยังคงเป็นน้องชายที่รัณรักและเลี้ยงมากับมือ ถ้าเขาสองคนรักกันจริงๆ รัณก็คงห้ามเขาสองคนไม่ได้หรอกค่ะ
Waiting for the first comment……
Please log in to leave a comment.