ตอนที่ 10 คนใกล้ (ไกล) ตัว

ฉาวชู้ 2655 words 2025-02-21 07:00:00

ตอนที่ 10 คนใกล้ (ไกล) ตัว


“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณพ่อ คุณแม่” คุณครามเดินนำหน้าผมลงมายังชั้นล่างของบ้านหลังใหญ่

ผมเดินมาหยุดยืนมองโต๊ะอาหารขนาดใหญ่พร้อมกับความมั่นใจที่ต่ำเป็นศูนย์ ผมรู้สึกเหมือนตัวเองใบหน้านั้นหนักเกินกว่าจะเงยมันขึ้นมาสบตากับใครในห้องนี้ ตรงหัวโต๊ะตัวยาวคือ คุณลุงคนินทร สุดยอดนักธุรกิจวัยเฉียดเจ็ดสิบปีผู้กุมบังเ**ยนสามสิบบริษัทยักษ์ใหญ่ ในเมืองไทยที่เคลื่อนไหวครั้งใดก็ทำให้สั่นสะเทือนไปทั่วทุกวงการ แม้ยามนี้จะปลดระวางตัวเองแล้วส่งต่ออำนาจให้ลูกชายเพียงคนเดียวอย่างคุณครามเข้ามาสานต่อธุรกิจแล้วก็ตามที

อีกฟากของโต๊ะอาหารนั้นคือ คุณหญิงลินลดา เจ้าของฉายาคุณหญิงพันปีเพราะอิทธิพลที่มีนั้นไม่ได้น้อยหน้าสามีแม้แต่นิดเดียว ใบหน้าสวยเฉิดฉายกับดวงตาเป็นประกายฉลาดหลักแหลม มองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าเธอไม่ใช่คนที่ควรจะต่อกรด้วยและอีกมุมของโต๊ะใหญ่คือ น้องครีม เจ้าของเสียงใสซึ่งผมได้ยินเมื่อเช้า

“เอ่อ...คุณลุง คุณป้า สวัสดีครับ” ผมยกมือสั่นๆ ขึ้นมาพยายามขยับปากแข็งเกร็งจนแทบพูดไม่เป็นคำกล่าวทักทายเจ้าของบ้าน แล้วก้มหัวทำความเคารพอย่างนอบน้อมตามประสาคนที่อายุน้อยกว่าสายตาก้มต่ำลงไปมองปลายรองเท้าของตัวเองอย่างเดิม

“ไม่เจอกันนานนะหนูรินทร์ ตั้งแต่งานแต่งของดารัณ...ใช่มั้ย”

“ครับ” ผมเหลือบตาขึ้นไปมองคุณหญิงท่าทางเฉียบขาดคนนั้นอย่างหวาดๆ และยังจำท่วงท่าสง่างามดุจนางพญาหงส์ของคนตระกูล นี้ได้

“นั่งลงสิ เห็นครามบอกว่าดารินทร์ปากยังเจ็บอยู่ ป้ากลัวจะทานขนมปังไม่ถนัดเลยให้แม่บ้านต้มโจ๊กเอาไว้ให้”

“ขอบคุณครับ” ผมยกมือขึ้นมาไหว้ซ้ำอีกครั้งแล้วเหลือบตาลงไปมองชามโจ๊กทรงเครื่องกลิ่นหอมซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะตัวใหญ่

“หืออออ...น่าตบจริงๆ สมควรแล้วที่ผู้ชายไม่เอา” เสียงของน้องครีมสบถออกมากลางโต๊ะอาหาร

“ทุกคนดูเอาไว้นะ...นี่แหละโฉมหน้าของ ดารินทร์เล่นชู้....”

ผมยืนสะดุ้งหัวใจสั่น รู้สึกจังหวะการเต้นของหัวใจมันรัวเร็วจนควบคุมไม่ได้ แขนขาอ่อนแรงจนเกือบล้มทรุดลงไปบนพื้นบ้าน กว่าจะรู้สึกตัวน้ำตาก็ไหลลงมาจนหยดถึงคาง เมื่อได้ยินเสียงดังมาจากโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กในมือบางของคนอายุน้อยกว่า

เสียงของน้องเอ๋ยเหมือนเงาดำพุ่งเข้ามาแล้วลากแขนผมกลับ เข้าไปภายในห้องแคบเมื่อคืนอีกครั้ง เศษซากความรู้สึกของผมที่มัน ป่นละเอียดเหมือนถูกเหยียบซ้ำด้วยการรีรันเทปไลฟ์สดเรื่องฉาวเมื่อคืน ที่ผ่านมา

“ครีม! หยุดเดี๋ยวนี้นะ” เสียงเข้มตวาดดังขึ้นมาอย่างน่ากลัว

“ขอโทษค่ะ ครีมแค่อยากรู้ว่ามีกระแสตอบรับเป็นยังไงบ้าง...ครีมขอโทษนะคะพี่รินทร์” นิ้วเรียวปัดไปบนหน้าจอโทรศัพท์สองสามครั้งก่อนจะวางมันไว้กล่องเก็บมือถือด้านข้างตัว

“นั่งสิหนูรินทร์”

“เอ่อ...ผม”

“นั่งลงได้แล้ว” ลูกชายเจ้าของบ้านเลื่อนเก้าอี้ตัวใหญ่ออกมาให้ก่อนจะกดน้ำหนักมือลงมาบนไหล่ทั้งสองให้ผมนั่งลงตรงข้ามตำแหน่ง ชิดติดกับประมุขของบ้าน ส่วนตัวเองนั้นลากเก้าอี้มานั่งขนาบอยู่อีกข้างห่างผมไปแค่ศอกเดียว

“ทานได้หรือเปล่าหนูรินทร์”

“ได้ครับ” ผมพยักหน้ารับแล้วยกมือจับช้อนตักโจ๊กเนื้อละเอียดในชามขึ้นมากินอย่างช้าๆ สายตายังทิ้งต่ำคว่ำลงบนลายของโต๊ะหินอ่อนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปสบตากับใคร ริมฝีปากซึ่งยังเจ็บตึงเพราะรอยเย็บนับสิบนั้นทำให้ผมขยับอ้าปากให้กว้างขึ้นอย่างยากลำบาก

“ทำไมพี่ครามไม่ป้อนพี่รินทร์ล่ะ เป็นคนทำพี่รินทร์เจ็บตัวไม่ใช่เหรอ”

“อย่า! ไม่ต้องยุ่ง!”

ผมผวาแล้วขยับตัวหนีอย่างลืมตัว แรงกระตุกของข้อมือพลัด ทำช้อนเซรามิกด้ามสวย ตกลงไปนอนกลิ้งอยู่บนผ้าเช็ดปากลาย กลีบกุหลาบโดยไม่ตั้งใจเศษโจ๊กเหลวเละเปื้อนเปรอะอยู่รอบชาม แต่มือของผมสั่นเกินกว่าจะควบคุมมันได้

“ดารินทร์”

“ขอโทษครับ” ผมกดคางลงต่ำแล้วกล่าวขอโทษผู้ใหญ่ทั้งสอง ซึ่งนั่งจ้องผมตาเขม็ง

“หนูรินทร์ ที่นี่....ไม่มีใครทำร้ายหนูรินทร์นะ” น้ำเสียงนุ่มอ่อนหวานดังมาจากอีกฟากของฝั่งโต๊ะ ดวงตาเฉียบคมเขม็งเกร็ง ทอประกายอ่อนๆ ส่งกลับมาต่างจากเมื่อครู่ซึ่งดุเกร็งจนผมกลัว

“จริงด้วยค่ะ พี่รินทร์...ผ่อนคลายนะคะ” น้องครีมส่งยิ้มแห้งกลับมาให้พร้อมกับยกมือขึ้นมาทำท่าทางเหมือนอยากให้ผมอารมณ์ดี

“เอ่อ...ผม...ผม”

“ที่นี่เป็นบ้านของฉัน เธอวางใจได้ว่าเธอจะปลอดภัย ภายใต้การปกครองของฉัน”

คุณลุงคนินทรยกฝ่ามือหยาบวางทาบลงมาบนหัวของผมก่อนจะลูบลงเบาๆ มันเป็นความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างที่ผมไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยในชีวิต ดวงตาสีสนิมเข้มดุดันแต่มั่นคงพุ่งตรงสื่อมาหาผม ริมฝีปากหนาหยักยกคลี่ยิ้มอย่างอบอุ่น

ความรู้สึกของผมในเวลานี้เหมือนคนที่ถูกจับลอยแพไปกลางทะเล เคว้งคว้างไร้จุดหมาย ไม่มีปลายทาง โดดเดี่ยวเพียงลำพัง เหน็ดเหนื่อยกับคลื่นลมและอ่อนล้ากับพายุฝนที่สาดกระหน่ำมาจากทุกทิศทาง แล้วบังเอิญว่ามีเรือลำใหญ่แล่นผ่านมาแล้วมีคนยื่นมือฉุดช่วยชีวิตผมให้ขึ้นไปบนเรือลำนั้น เท้าทั้งสองที่เคยรู้สึกว่ามันไม่อาจเหยียบยืนย่างก้าวไปที่ใดได้ เวลานี้ผมมีพื้นที่เล็กๆ ภายใต้ร่มเงาแห่งความเมตตาของคุณลุงที่ผมรู้สึกว่ามันมั่นคงและปลอดภัย ผมรู้สึกถึงแววตาแห่งความเมตตาปรานีจากดวงตาสีอ่อนของผู้หญิงอีกสองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหาร ความหนาวเย็นในกระดูกที่ผมรู้สึกปวดร้าวมาตลอดเหมือนมันกำลังได้รับแสงแดดอุ่นๆ ในยามเช้าแล้วเวลานี้

“คุณลุง...ฮึก” ผมเอียงหัวพิงไว้กับฝ่ามืออุ่นนั้นครู่หนึ่ง อยากสัมผัสอยากรับรู้ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เพียงแค่ความฝัน

“ทุกคนในบ้านหลังนี้ จะปกป้องเธอเอง”


“แผลหายดีหรือยังหนูรินทร์ ป้ากลัวมันจะเป็นแผลเป็น” คุณป้าเดินเข้ามาแล้ววางมือแตะลงบนแก้มของผมตำแหน่งที่ยังเห็นเป็นรอยแดงเพราะหนังกำพร้าที่หลุดหายไป

“เริ่มแห้งแล้วครับ ถึงมันจะเป็นแผลเป็นก็ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ช่างมันเถอะ....”

“โอ๊ยมันจะไม่เป็นอะไรได้ยังไงคะพี่รินทร์ รอยสิวแค่นิดเดียวครีมยังเครียดแทบตายเลยนะคะ ยังต้องขอตังแม่ไปเลเซอร์เลย แล้วดูสินั่นถลอกไปทั้งตัว ต้องโทษพี่ครามคนเดียวเลย เสร็จงานนี้เรียกค่าปรับสักร้อยล้านไปเลเซอร์ทั้งตัวเลยนะคะ” น้องครีมคว้ากล่องพลาสติกซึ่งดูคล้ายกล่องยาสามัญประจำบ้านมาวางโครมลงบนโต๊ะ

“พี่ไม่เป็นอะไรหรอกครีม”

“ไม่เป็นได้ยังไง พี่รินทร์เป็นดารานะ หน้าตาผิวพรรณเป็นเรื่องสำคัญเลยนะคะ จะให้เป็นแผลลายเป็นหนังตุ๊กแกได้ยังไงกัน มานี่ค่ะครีมทำความสะอาดแผลให้”

ผมเห็นน้องครีมจับนั่นวางนี่ย้ายอันนั้นขยับอันนี้ดูง่วนไปหมด กว่านางพยาบาลจำเป็นที่อาสามาล้างทำความสะอาดแผลให้ผมจะจัดอุปกรณ์ครบก็กินเวลานานหลายนาที

“ดารินทร์ฉันต้องออกไปทำธุระสำคัญเธอพักผ่อนอยู่ที่นี่ อยู่กับยัยครีมไปก่อนก็แล้วกัน ตอนเย็นเดี๋ยวฉันกลับมา”

“แต่ผมไม่อยากอยู่ที่นี่ ผมไม่อยากให้ใครเข้าใจผิดอีก ว่าผมกับคุณมีความสัมพันธ์อะไรกัน”

“แล้วเรามีความสัมพันธ์อะไรกันอย่างนั้นเหรอดารินทร์”

“ศัตรู คู่อาฆาต คนแปลกหน้าหรืออย่างดีคุณก็แค่เคยเป็นพี่เขยของผม” ผมตวัดสายตามองคู่สนทนาอย่างไม่วางใจนัก

“แค่นั้นเหรอ?”

“ใช่แค่นั้น...”

“ฉันถามอีกครั้ง ให้เธอคิดอีกที”

“ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาคิดหรอกครับ”

“ดารินทร์....เธอรู้มั้ยว่าตอนที่ฉันยังโสด มีผู้หญิงเป็นร้อยคนอยากขึ้นเตียงนอนกับฉันและทันทีที่ฉันแต่งงานจดทะเบียนสมรส กลับกลายเป็นว่ามีผู้หญิงเป็นพันคนที่อยากเข้ามากั้นกลางระหว่างฉัน กับดารัณ”

“ขอโทษนะครับ บังเอิญว่าผมไม่ใช่หนึ่งในร้อยและไม่ใช่หนึ่งในพันของคนเหล่านั้น เพราะต่อให้คุณมานอนแก้ผ้าอยู่ต่อหน้าผม...ผมก็ไม่สน” ผมสะบัดหน้าหลบไปทางกล่องอุปกรณ์ปฐมพยาบาลของน้องครีมแล้วเพ่งมองไปทางกล่องพลาสติกทรงสูงสีขุ่นแทนมองหน้าคู่สนทนา

“ถ้าอย่างนั้น...บอกฉันสิ ว่าคืนนั้นเธอขึ้นไปหาฉันบนห้องทำไม”

“ผมบอกคุณไปแล้วว่าพี่รัณนัดให้ผมไปรอที่ห้อง เพื่อต้องการคุยเรื่องหย่ากับคุณ พี่รัณบอกว่าไม่อยากอยู่กับคุณตามลำพัง พี่รัณบอกว่าคุณนิสัยไม่ดี ผมเป็นห่วงพี่สาวผมจึงยอมไปด้วย”

“ใช่...ฉันไม่ใช่คนดีเท่าไหร่ แล้วเธอจำได้หรือเปล่าว่าทำไม หรือเพราะอะไรเธอถึงไปนอนอยู่บนเตียงของฉัน”

“ก็....ก็....ผมไม่รู้...ผมจำไม่ได้...” นั่นแหละปัญหา

ความทรงจำส่วนนั้นของผมมันหายไป จนกระทั่งวันนี้ผมก็ยังนึกไม่ออกว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผมจำได้แค่ผมนั่งอยู่ภายในห้องรับรองบนโซฟาแต่ทำไม ไปๆ มาๆ ผมถึงแก้ผ้าแล้วไปโผล่บนเตียงของคุณครามได้ นึกเกือบตายจนเส้นเลือดในสมองแทบแตกผมก็นึกไม่ออกจริงๆ

“พี่รินโดนพี่ครามวางยาหรือเปล่าคะ ครีมเคยได้ยินพวกเพื่อนๆ คุยกัน เอ...เรียกอะไรนะ...ยาเสียสาว อะไรทำนองนั้นน่ะคะ กินแล้วไม่ค่อยรู้สึกตัว ตื่นมาจำอะไรไม่ได้” น้องครีมดีดนิ้วมือเสียงดังเป๊าะแล้วออกความคิดเห็นที่ผมก็เคยคิดว่ามันมีความเป็นไปได้สูงมาก

“คุณวางยาผมจริงเหรอ? คุณทำเรื่องเลวๆ แบบนั้นจริงเหรอ คุณคราม”

“ตั้งสติหน่อยดารินทร์ คืนนั้นเธอดื่มอะไรจากมือฉันบ้าง”

“ไม่มี...ใครจะไปไว้ใจคุณ...” ผมชะงักแล้วนิ่งใช้ความคิดไปครู่หนึ่ง นึกย้อนไปถึงเรื่องราวเหตุการณ์ในคืนวันนั้น ผมจำได้ว่าคุณครามยื่นแก้วเหล้าส่งมาให้ผมหนึ่งครั้งและผมปฏิเสธไป จากนั้นเขาเดินไปเปิดตู้เย็น แล้วนำน้ำผลไม้กระป๋องหนึ่งมาตั้งวางเอาไว้ตรงหน้า แต่ผมไม่ได้ยกมันขึ้นมาดื่มแม้แต่อึกเดียว

“นั่นสิ...เพราะเธอไม่ไว้ใจฉัน ถ้าอย่างนั้นก่อนที่เธอจะขึ้นห้องมา เธอได้ดื่มอะไรไปหรือเปล่า” คุณครามตั้งคำถามกับผมชั่วอึดใจนั้นเองผมรู้สึกว่าคุณลุง คุณป้าและน้องครีมเหมือนกำลังจดจ่อรอฟังคำตอบจากผมมากเป็นพิเศษ

“ผมกินแค่น้ำในกระบอกที่พี่อาร์ตี้หยิบใส่ในมือให้ผม ก่อนที่ผมจะออกมาจากงาน” ภาพกระบอกน้ำเก็บความเย็นสีเงินซึ่งมันเสียบค้างเอาไว้ตรงคอนโซลหน้ารถวิ่งเข้ามากระแทกความทรงจำสีจางๆ ของผมสว่างวาบชัดเจนขึ้นมาในทันที

“อาร์ตี้เหรอ...เป็นเขาจริงๆ ด้วย” คุณครามรำพึงรำพันออกมาเบาๆ

“ทำไมล่ะ...คุณหมายความว่ายังไง”

“เธอได้บอกอาร์ตี้หรือเปล่าว่าจะมาหาฉัน”

“บอก...”

“แล้วทำไมเขาไม่ตามมาด้วยล่ะ ในเมื่อเขารู้...ว่าเธอจะมาหาฉันคนที่ไม่น่าไว้ใจที่สุด...”

“คุณจะบอกว่าคนที่....อาจจะวางยาผมคือพี่อาร์ตี้อย่างนั้นเหรอ” ผมกลืนน้ำลายฝืดๆ นั้นลงคอแล้วยังรู้สึกสับสนไม่หาย พี่อาร์ตี้เป็นผู้จัดการส่วนตัวให้ผมมาสองปีกว่าเขาจะทำแบบนั้นทำไมกัน มันไม่มีเหตุผลเลย

“เขาไม่ได้แค่วางยาเธอ...แต่เขาทำมากกว่านั้น”

“อะไร...”

“คลิปวิดีโอที่ฉันถ่ายคืนนั้น คนที่ขายมันให้เว็บต่างๆ คืออาร์ตี้” ผมเหมือนนักมวยที่ถูกเหวี่ยงหมัดอัดเข้ากกหูกลางเวที มันอื้ออึงไปหมด สับสนจนไม่รู้จะจับเอาเรื่องราวจากตรงไหนมาต่อเข้าด้วยกันและผมไม่รู้ว่าควรจะเชื่อเรื่องไหนหรือเชื่อใครดี คนแปลกหน้า...หรือคนคุ้นเคย?

“ไม่จริง พี่อาร์ตี้จะทำแบบนั้นทำไม”

“ลองเดาสิ ว่าเขาทำแบบนั้นทำไม ฉันว่าเรื่องนี้เดาได้ไม่ยากนะ”

“พี่อาร์ตี้...ขายคลิปนั้น?”

“คืนนั้นฉันจงใจถ่ายคลิป....เพื่อวางลอบดักปลาตัวใหญ่ จริงอยู่ที่ฉันอาจจะเลวทำเรื่องน่ารังเกียจอย่างที่เธอบอก แต่ฉันไม่ใช่คนปล่อยคลิปนั่น โทรศัพท์มือถือของเธอ ดารัณเป็นคนเอากลับไปด้วย...ฉันเดาว่าดารัณไม่รู้รหัสเข้าเครื่องใช่หรือเปล่า?” คุณครามเลิกคิ้วถามผมอย่างจริงจัง ระหว่างผมกับพี่รัณถึงแม้เราจะเป็นพี่น้องกันแต่ไม่ได้สนิทสนมใกล้ชิดกันมากอย่างที่ใครหลายคนเข้าใจ และถูกต้องผมไม่เคยบอกรหัสปลดล็อกโทรศัพท์มือถือส่วนตัวให้คนอื่นรู้นอกจาก...

“พี่อาร์ตี้...” หัวใจของผมหล่นลงไปกองอยู่ตรงตาตุ่มในทันที

“คืนนั้นหลังจากฉันกับดารัณทะเลาะกันเสร็จเขาก็กลับไป สัญญาณจีพีเอสที่ฉันเชื่อมต่อกับเครื่องของเธอเอาไว้มันไปหยุดอยู่ที่คอนโดของอาร์ตี้ แล้วคืนนั้นคลิปที่ฉันถ่ายมันก็หลุดออกมา ฉันตรวจสอบแล้วมันถูกส่งมาจากโทรศัพท์ของเธอจริงๆ และคนที่ขายมัน...คือผู้จัดการส่วนตัวของเธอเอง เขาได้เงินไปจากการขายคลิปให้เว็บต่างๆ รวมแล้วหลายแสนบาท”

“พี่รัณกับพี่อาร์ตี้เหรอ ทำไมล่ะ....เขาจะทำแบบนั้นทำไม”

ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ความรู้สึกคล้ายๆ เหมือนตัวเองดิ่งพสุธาลงมาจากเครื่องบิน แล้วพยายามกระตุกเชือกเพื่อกางร่มแต่บังเอิญว่าร่มฉุกเฉินของผมมันไม่ทำงาน หัวสมองของผมจึงพุ่งโหม่งปักลงไปบนก้อนหินของคำว่า “คนใกล้ตัว” แล้วแตกละเอียดไม่เหลือแม้แต่เศษซากของส่วนใดทั้งร่างกายและจิตใจ ทุกอย่างดำมืดไปหมด

“หนูรินทร์...เป็นยังไงบ้าง” ผมได้กลิ่นหอมฉุนลอยมาแตะจมูกพร้อมกับรู้สึกปวดตึงตรงหัว ฝ่ามือนุ่มๆ กับน้ำเสียงละมุนช่วยให้ผมรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาได้บ้างแม้จะไม่ทั้งหมดก็ตามที

“คุณป้า...” ผมลืมตาขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองนอนอยู่บนโซฟาตัวยาวภายในห้องรับรองของบ้านหลังใหญ่

“หนูรินทร์เป็นลมไป ดีขึ้นหรือยังลูก” ท่อนแขนเรียวเล็กสอดช้อนลงมาใต้ท้ายทอยพร้อมกับประคองให้ผมขยับลุกขึ้นนั่ง ด้านข้างนั้นน้องครีมนั่งเอามือเท้าคางย่นคิ้วมองผมโดยในมือยังถือก้านสำลีชุบแอมโมเนียโบกไปมาอยู่ใกล้ๆ


“ทำไมใครๆ ถึงเกลียดผม ทำไมครับ ผมทำอะไรผิดอย่างนั้น

Previous Next
You can use your left and right arrow keys to move to last or next episode.
Leave a comment Comment

Waiting for the first comment……

Please to leave a comment.

Leave a comment
0/300
  • Add
  • Table of contents
  • Display options
  • Previous
  • Next

Navigate with selected cookies

Dear Reader, we use the permissions associated with cookies to keep our website running smoothly and to provide you with personalized content that better meets your needs and ensure the best reading experience. At any time, you can change your permissions for the cookie settings below.

If you would like to learn more about our Cookie, you can click on Privacy Policy.