ตอนที่ 9 หมากสำคัญ

ฉาวชู้ 2453 words 2025-02-21 03:00:00

ตอนที่ 9 หมากสำคัญ


“ฆ่ารินทร์ให้ตายไปเถอะ รินทร์ไม่อยากอยู่แล้ว”

ผมทนไม่ไหวจริงๆ ทนไม่ไหวอีกแล้ว กับความเจ็บช้ำทั้งหมดทั้งมวลที่ทุกคนยัดเยียดให้ ผมนอนกลิ้งซบหน้าลงไปบนพื้นห้องอันเย็นเฉียบ ปล่อยหยดน้ำตาให้มันไหลทิ้งลงไปบนพื้นกระเบื้องสีครีม เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินเข้ามาใกล้

“เธอต้องอยู่...เพราะฉันจะไม่ยอมเสียเบี้ยสำคัญไป” น้ำเสียงแผ่วเบาเยือกเย็นน่ารังเกียจอันคุ้นเคย เหมือนมือของมัจจุราชโผพุ่งฉุดคนใกล้จมน้ำอย่างผมให้ดำดิ่งลงสู่ใต้ท้องทะเลลึก ความมืดดำของชีวิตอันแสนอดสู ถูกเหยียบซ้ำด้วยฝ่าเท้าของคนที่มอบตำแหน่ง “ชู้” อันจอมปลอมให้กับผม

“ฉันบอกเธอแล้วไงดารินทร์ว่าเธอไม่มีที่ไหนให้ไป นอกจากอยู่กับฉัน” ฝ่ามือหยาบพลิกร่างของผมซึ่งฟุบหน้าคว่ำอยู่เมื่อครู่นั้นให้แหงนเงยขึ้นมา ใบหน้าหล่อคมก้มโน้มลงมาใกล้ก่อนที่ผมจะหลับตาแล้วภาวนาขอให้เขาทำตามที่ขอ...คือฆ่าผมให้ตายไปซะ

“เดี๋ยวสิครับคุณคราม คุณจะพารินทร์ไปไหน” ผมได้ยินเสียงของปาร์คอยู่แว่วๆ ขณะที่ร่างของผมกำลังถูกยกลอยขึ้นสูงจากพื้น

“เธอคงไม่อยากเดือดร้อนไปกว่านี้หรอก เธอแค่รอรับมือกับกระแสไลฟ์สดของเด็กผู้หญิงคนนั้นอย่างเดียวก็พอ ส่วนดารินทร์...เขาเป็นของฉัน”

“ผมกับดารินทร์เราไม่ได้เป็นอะไรกันนอกจากเพื่อนร่วมงาน ทุกอย่างมันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด”

“เก็บคำแก้ตัวนี้เอาไว้พูดกับผู้จัดการส่วนตัว กับแฟนคลับและนักข่าวที่จะถามเธอวันพรุ่งนี้เถอะ สำหรับฉันไม่ว่าเธอกับดารินทร์จะมีความสัมพันธ์อะไรต่อกันมันไม่มีความหมาย”

“แต่ว่ารินทร์เขา...”

“ขอบใจที่เธอช่วยเขาไว้ในวันนี้...คืนนี้หมดหน้าที่เธอแล้ว”

“แล้วคุณจะพารินทร์ไปไหน”

“หมากของฉัน ก็ต้องอยู่กับฉันสิ”

ผมรู้สึกเหมือนตัวเองลอยได้ อากาศหนาวและความรู้สึกเย็นจากพื้นห้องจางหายไป แล้วถูกแทนที่ไว้ด้วยเสื้อนอกตัวนุ่มเนื้อละเอียด ผมเหนื่อยและหมดแรงจะดิ้นรนต่อสู้กับชีวิตอันแสนบัดซบแล้วในคืนนี้ จึงยอมทิ้งหัวฝากหน้าผากวางซบลงไปบนแผงอกกว้างซึ่งข้างในนั้นมันปราศจากหัวใจและไร้ความสำนึกผิดชอบชั่วดี

“จะพาผมไปไหน” ผมเอ่ยปากถามเจ้าของกลิ่นน้ำหอมราคาแพง ซึ่งผมเผลอสูดเข้าไปในปอด กลิ่นอ่อนๆ แต่ลุ่มลึกมีเสน่ห์ชวนให้หลงใหลหากแต่จะมีใครสักกี่คนที่รู้ว่า ภายใต้เปลือกนอกของไฮโซรูปหล่อเนื้อหอมคนนี้จะมีวิญญาณซาตานสิงสู่อยู่ภายใน

“หมอบอกกับฉันว่าเธอรั้นจะออกจากโรงพยาบาล...ทำไม?” เสียงแข็งตวัดถามผมกลับมาแทนที่จะตอบคำถามเดิมของผม

“ผมไม่อยากอยู่ที่นั่น”

“แต่แผลเธอยังไม่หาย”

“แผลแค่นี้ไม่ตายหรอก ดูเหมือนแม้แต่นรกก็ไม่ยอมรับ ไม่อยากได้วิญญาณทุเรศๆ ของผม...”

“ฉันบอกแล้วไง...ว่าที่เดียวที่เหมาะกับเธอคือการอยู่กับฉัน”

“ถ้าต้องเลือกไปอยู่กับคุณ ผมขอนอนอยู่ใต้หลุมฝังศพดีกว่า...”


บทสนทนาของเราสิ้นสุดลงเมื่อเจ้าของอ้อมแขนแกร่งนั้นพาผมลงลิฟต์มาจนถึงล็อบบี้ด้านล่าง ผมได้ยินเหมือนเสียงคนวิ่งกรูตรงเข้ามาแล้วภาพเหตุการณ์วันก่อนวนกลับเข้ามาจนผมอยากจะแหกปากกรีดร้องออกมาดังๆ แต่แรงบีบรัดรอบขมับพร้อมกับความหนาวเย็นในแก่นกลางของกระดูกนั้น ผมทำได้แค่เพียงเบียดร่างครึ่งหนึ่งที่พอขยับได้ซุกเข้าไปหาความอบอุ่นเพียงหนึ่งเดียวในค่ำคืนนี้

“คุณครามคะไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือคะ ทำไมคุณดารินทร์ถึงมาอยู่ที่นี่”

“คุณครามคะ ตกลงว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณดารินทร์กับคุณปาร์คเป็นยังไงกันแน่คะ แล้วคุณทราบหรือเปล่าว่าไลฟ์สดเมื่อครู่ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”

“คุณครามคะ ตกลงว่าคุณดารินทร์เป็นมือที่สามจริงหรือเปล่าคะ”

“คุณดารินทร์จะออกมาแถลงข่าวหรืออธิบายเรื่องนี้ให้สังคมและแฟนคลับได้ทราบความจริงเมื่อไหร่คะ...”

“ที่พวกคุณถามเพราะแค่อยากรู้...หรือถามเพราะว่าเป็นห่วง ดารินทร์ครับ?” เสียงเข้มถามกลับออกไปอย่างเยือกเย็นไร้เส้นเสียงสำเนียงอารมณ์ จนผมซึ่งกำลังนอนหลับตาอยู่ภายในอ้อมแขนนี้ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว เสื้อสูทเนื้อหนาปิดทับคลุมหน้าเอาไว้จนมิดและผมไม่กล้าโผล่หัวออกไปเจอหน้าใครทั้งสิ้น

ผมเป็นนักแสดงแต่ตอนนี้ผมเกลียดกล้อง ผมเกลียดแสงแฟลชและผมหวาดกลัวนักข่าว ผมไม่อยากตอบคำถามอะไรทั้งนั้นเพราะคำตอบคำอธิบายของผมมันไม่เคยได้รับความเชื่อถือ มันไม่เคยมีความหมายอะไรเลย ไม่มีใครสนใจความจริง ทุกคนแค่สนใจเรตติ้งที่พุ่งขึ้นสวนทางกับชื่อเสียงและชีวิตผมที่จมดิ่งลงสู่นรกในทุกหัวข้อ ทุกเนื้อหาที่พวกเขาเขียนเพื่อขายมันผ่านตัวหนังสือ

ผู้คนสนใจชีวิตอันฉาวโฉ่เน่าเฟะของดารินทร์และรู้จักผมผ่านหน้าจอโทรศัพท์และเชื่อถือคำครหา ก่นด่าสาปแช่งให้ดารินทร์คนนี้วิบัติฉิบหาย โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่าผู้ชายตัวเล็กๆ คนนี้เป็นแค่หมากบนกระดานของใครบางคนเท่านั้น

“เอ่อ...เป็นห่วงค่ะ” เสียงของใครคนหนึ่งตอบกลับมาทันที

“ฮึ...เป็นความห่วงใยที่แปลกดีนะครับ เอาล่ะ...ตอนนี้ดารินทร์ ไม่สบาย เขาต้องการพักผ่อน พวกคุณช่วยหลีกทางให้ผมด้วย...”

“คุณครามจะพาคุณดารินทร์ไปไหนเหรอคะ”

“ถ้าผมไม่ตอบคุณจะโกรธผมมั้ย”

“เอ่อ...ไม่ค่ะ”

“คุณอยากเขียนข่าวว่าเขาไปไหนก็เชิญตามสบายครับ เอาที่พวกคุณสบายใจ แต่จะเขียนข่าวอะไรก็ช่วย...สำรวจเงินในบัญชีตัวเองด้วยว่าพร้อมจ่ายให้ผมหรือเปล่า”

ผมได้ยินเสียงฮือฮาดังอยู่รอบตัว มันไม่ใช่เสียงกรี๊ดเพราะความตื่นตกใจหรือเกลียดชัง แต่มันฟังคล้ายๆ เวลาผมไปออกงานอีเว้นท์แล้วได้พบปะแฟนคลับ เสียงกรี๊ดอย่างมีความสุขนั้นดังอยู่นานครู่ใหญ่และค่อยๆ ถอยห่างออกไปทุกที ในขณะที่ผมรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวขยับร่างกายและการเปลี่ยนอิริยาบถจนถึงเสียงปิดประตูรถ จึงเดาว่าผู้ชายคนนี้พาผมขึ้นมานั่งอยู่ภายในรถเรียบร้อยแล้วจึงยอมโผล่หน้าออกมาจากเสื้อตัวหนา

“คุณทำแบบนี้ทำไมมันอยู่ในแผนหรือว่าอยู่ในเกมอย่างนั้นเหรอ”

“ฉันบอกไปแล้วว่าเธอเป็นของฉัน ต่อให้อยู่ในแผนหรือว่าอยู่ในเกม...ฉันก็ไม่ยอมให้ใครมาทำลายเบี้ยของฉันง่ายๆ หรอก”

“คุณไง...เบี้ยของคุณกำลังจะตายและถูกทำลายด้วยน้ำมือของคุณเอง”

“ดารินทร์ ฉันเคยบอกเธอแล้ว...ในบางครั้งเราต้องยอมเสียสละทำลายสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เพื่อรักษาไว้ซึ่งสิ่งสำคัญ เธอเป็นเบี้ยตัวเล็กๆ ที่สำคัญที่สุดบนกระดานของฉัน”

“หมากเกมนี้....อีกนานมั้ยกว่ามันจะจบ”

“เหลืออีกเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น”

“ฮึ...คุณรู้มั้ยว่าเบี้ยตัวนี้มันกำลังจะตาย มันกำลังแตกสลาย ถูกบดละเอียดอยู่บนกระดานของคุณ”

ผมแหงนหน้าเปิดเปลือกตามองเลยขึ้นไปสบตากับคนใจดำซึ่งก้มหน้ามองต่ำลงมาหา แววตาเยือกเย็นดุจน้ำแข็งขั้วโลกนั้นถูกซ่อนไว้ในหลืบมุมของยามค่ำ จนผมมองอ่านความหมายในสายตานั้นไม่ได้

“ยังมีหมากตัวอื่น...ที่มันกำลังแตกสลายไม่น้อยไปกว่าเธอ” ท่อนแขนจากเสื้อเชิ้ตขาวขยับกอดร่างของผมอย่างแผ่วเบา จากนั้นความเงียบคือบทสนทนาที่เราสองคนใช้มันสื่อสารกัน

หมากตัวอื่นอย่างนั้นเหรอ?” ยังมีใครโชคร้ายติดอยู่ในเกมนี้เหมือนกับผมอีกอย่างนั้นหรือ?

“แน่นอนสิ...”


ผมไม่รู้ว่าตัวเองติดอยู่ในความฝันนานแค่ไหน แต่มันคงนานพอให้ใครบางคนฉกฉวยโอกาสทำเรื่องระยำกับผมซ้ำอย่างเดิม ผมขยับตัวบิดร่างกายอันเมื่อยขบแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังนอนอยู่กลางอ้อมกอดของใครสักคน ใครคนนั้นที่ทำให้ผมหลับสนิทตลอดทั้งคืน

“คุณคราม”

“ไง...” เจ้าของร่างใหญ่ปรือเปลือกตาขึ้นมามองผมอย่างคนงัวเงีย แล้วงอท่อนแขนข้างที่ผมใช้มันหนุนหัวอยู่ ก่อนจะดึงผมเข้าไปซุกไว้กับซอกไหล่ มือหนาอีกข้างวางทาบลงมาบนสะโพกก่อนจะออกแรงบิดให้ผมหันตะแคงเข้าหาตัวเอง

“โอ๊ย....เจ็บ!” ผมเบี่ยงสะโพกหลบเพราะน้ำหนักมือนั้นมันกดลงไปบนแผลใหญ่ซึ่งยังไม่หายดี คนที่นอนงัวเงียเพลียขี้ตาอยู่เมื่อครู่สะบัดเปลือกตาเปิดขึ้นมาทันทีเมื่อผมปัดมือนั้นทิ้งไป

“เจ็บเหรอ?”

“เอามือของคุณออกไปนะ” ผมขยับตัวลุกขึ้นนั่งแล้วใช้เท้าถีบไล่คนตัวใหญ่ซึ่งนอนอยู่ข้างๆ จนร่างนั้นเลื่อนห่างออกไปตามแรงของฝ่าเท้าทั้งคู่ แล้วขยับตัวออกห่างมานั่งหมุนคอสำรวจห้องนอนอันกว้างขวางใหญ่โต ภายในห้องนอนโอ่อ่าสวยหรูแต่เย็นเฉียบราวกับผมกำลังนอนอยู่ในห้องแช่เย็น เจ้าของร่างเปลือยขยับลุกขึ้นมานั่งก่อนจะส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มองมายังผมเหมือนอย่างเคย

“ที่นี่คือ...”

“บ้านฉัน”

“บ้านคุณ! คุณพาผมมาบ้านคุณทำไม”

“เธอจะได้หนีฉันไปไหนไม่ได้อีกไง...มานี่สิ” มือหยาบคว้ารวบดึงข้อเท้าของผม ก่อนเจ้าของห้องจะออกแรงลากผมกลับเข้าไปหาตัว

“คุณจะทำอะไร”

“เมื่อกี้เธอบอกว่าเจ็บไม่ใช่เหรอ”

“แล้วยังไง”

“ก็จะดูให้...”

“นี่...หยุด! หยุด! หยุดนะ คุณคราม!” ผมคว้ามือคนที่จับขอบกางเกงนอนขายาวสีเข้มแล้วออกแรงดึงมันจนล่นลงไปเกือบถึงหัวเข่า อารามตกใจเหมือนคนเห็นผีเมื่ออยู่ๆ ไอ้พี่เขยโรคจิตก็ทำอนาจารผมซึ่งๆ หน้า

“อย่า! ปล่อยนะ คุณบ้าไปแล้วเหรอ” ผมคว้าหมอนใบใหญ่ตรงหัวนอนมาวางทับทิ้งไว้บนหน้าตักก่อนจะย่ำฝ่าเท้าถีบซ้ำใส่อกเปลือยของไฮโซโรคจิตไปเสียหลายที

“แค่จะดูแผลให้...โรคจิตตรงไหน”

“ไม่ต้อง เรื่องของผม แผลผม...ผมจัดการเองได้”

“แต่ฉัน...จัดการได้ดีกว่า...” ข้อเท้าทั้งสองข้างถูกลากดึงเข้าไปหาก่อนจะถูกจับกดล็อกพาดทิ้งไว้บนหน้าขาของคนที่ไม่ยอมใส่กางเกงนอน ท่อนเนื้อสีอ่อนไม่น่ามองซึ่งห้อยติดอยู่ตรงกลางหว่างขาพวงใหญ่นั้นทำให้ผมหายใจไม่ออก

“ว๊าย พี่คราม!” เสียงร้องแหลมสูงของใครบางคนทำเอาผมสะดุ้ง

ประสบการณ์อันเลวร้ายน่ากลัวพุ่งกลับมากระแทกหน้าอก จนผมอยากกลั้นหายใจให้ตัวเองตายไปเสียจากตรงนี้ ผมไม่กล้าแม้แต่หันคอไปมองต้นเสียงแหลมสูงนั้นเพราะกลัวว่าจะเจอเข้ากับกล้องมือถือหรือกลัวว่าจะมีใครมาไลฟ์สดชีวิตโสมมของผมอีก

“แม่ไม่สอนเหรอ ว่าเข้าห้องคนอื่นต้องเคาะก่อน” เจ้าของห้องหน้าขรึมปรายหางตาไปทางประตูหน้าห้องก่อนจะรีบตลบผ้าห่มผืนใหญ่มาคลุมผมไว้ตั้งแต่ศีรษะจนถึงปลายเท้า

“สอน...แต่ขี้เกียจจำ” เสียงหวานหัวเราะคิกคักเหมือนมีเรื่องชอบใจอยู่ตรงหน้า

“มีอะไร”

“คุณแม่ให้ขึ้นมาดูว่าพี่ครามกลับบ้านมาจริงมั้ยเพราะตอนนี้หน้าบ้านน่ะ อย่างกับมีตลาดเปิดท้ายขายของเก่าเลยล่ะ นักข่าวเป็นร้อยเลย...ครีมว่าจะออกไปดูสักหน่อยเผื่อจะดังบ้าง” เสียงหวานนั้นสดใสและผมจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเหมือนเคยได้ยินเสียงนี้มาก่อน

“ก็ลองออกไปสิ เผื่อจะได้เพิ่มยอดผู้ติดตามในไอจีขึ้นอีกหน่อย”

“ความคิดนี้ไม่เลวเลยแฮะ...อ่อนี่ พี่ครามสายแล้ว แม่บอกให้พา พี่รินทร์ลงไปกินข้าวได้แล้ว เร็วๆ ล่ะ พ่อกับแม่รออยู่”

ผมนั่งอยู่ในความมืดภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ด้วยความงุนงงสงสัย ครีม คือชื่อของน้องสาวเพียงคนเดียวของไฮโซคราม สาวน้อยคนนี้ผมรู้จักเพียงผิวเผิน เคยคุยกันนิดหน่อยช่วงเตรียมงานแต่งงานให้คุณครามและพี่รัณ แต่หลังจากเสร็จสิ้นงานแต่งอันยิ่งใหญ่นั้นแล้วเราสองคนก็ไม่ได้เจอกันอีกเลยนอกจากเห็นหน้ากันผ่านทางไอจี

“อืม...บอกพ่อกับแม่ว่าเดี๋ยวลงไป...แล้วก็ครั้งหน้าถ้าเข้ามา แบบไม่เคาะประตูอีกพี่จะตัดค่าขนมเธอ”

“เชอะ...เมียเก่ายังไม่ทันหย่า นี่พาเมียใหม่เข้าบ้านแล้วเหรอ”

“พูดมาก....เดือนนี้ค่าขนมไม่ต้องเอานะ....”

“งกชะมัด...ขอตังแม่ก็ได้เชอะ”

ผมเงี่ยหูฟังบทสนทนาของสองพี่น้องตระกูลดังแล้วรู้สึกแปลกๆ ยังไงชอบกล ยิ่งไอ้คำว่า "เมียเก่า" และ "เมียใหม่" นั้นเหมือนมือใหญ่ที่บีบคอผมให้หายใจไม่ออก นี่แม้กระทั่งน้องครีมก็มองว่าผมเป็นชู้กับพี่ชายเธออย่างนั้นหรือ

“เอาล่ะ อยู่นิ่งๆ ถ้าไม่อยากเสียเวลา” ผ้าห่มผืนใหญ่ถูกดึงออกไปพร้อมกับกางเกงนอนขายาวซึ่งผมไม่ใช่เจ้าของ คนรวยเอาแต่ใจยื้อแย่งร่างกายของผมไปไว้ในครอบครองแล้วเริ่มต้นสำรวจตรวจดูรอยแผลซึ่งเริ่มแห้งตกสะเก็ดนั้นพร้อมกับบ่นพึมพำด้วยประโยคที่ผมฟังไม่เข้าใจ

“เสื้อผ้าของเธออยู่ในตู้ เช็ดตัวเสร็จแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย”

“เสื้อผ้าของผม?”

“ใช่...ฉันไปเก็บเสื้อผ้าของเธอมาจากบ้านหมดแล้วนะ”

“ฮะ! เก็บเสื้อผ้าของผม...ออกมาจากบ้านเหรอ”

“ใช่...ก็บอกแล้วไง ว่าเธอมีที่เดียวให้ไป...คืออยู่กับฉัน”

Previous Next
You can use your left and right arrow keys to move to last or next episode.
Leave a comment Comment

Waiting for the first comment……

Please to leave a comment.

Leave a comment
0/300
  • Add
  • Table of contents
  • Display options
  • Previous
  • Next

Navigate with selected cookies

Dear Reader, we use the permissions associated with cookies to keep our website running smoothly and to provide you with personalized content that better meets your needs and ensure the best reading experience. At any time, you can change your permissions for the cookie settings below.

If you would like to learn more about our Cookie, you can click on Privacy Policy.