ตอนที่ 10 พ่อเผลอแล้วเจอกัน
“คุณธันวาจะมาช้อปปิ้งเหรอครับ” บอดี้การ์ดมือขวา ที่รับใช้ใกล้ชิดกันมานานเกินกว่าสิบห้าปี หันมาถามเจ้านายด้วยความไม่มั่นใจ
ธันวาจัดเป็นอภิมหาเศรษฐีรวยระดับมีทรัพย์สิน และเงินในบัญชีธนาคาร มากจนไม่รู้จะเอามันไปทำอะไร ทุกสิ่งที่อยากได้ ทุกอย่างที่คนรวย ๆ บอกว่าจำเป็นต้องมี สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ธันวามีมันกองถมจนเต็มอาณาจักร จึงนับเป็นเรื่องแปลกประหลาดมาก ที่เจ้านายของเขาจะอยากมาเดินเลือกหาซื้อของอะไร ในห้างสรรพสินค้าที่ตัวเองมีชื่อเป็นเจ้าของ
หลายปีมานี้เมื่อมีสินค้าอะไรใหม่ ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาหรู โทรศัพท์มือถือ เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ที่อยากได้ ส่วนมากทางช้อปดังจะให้คนนำสินค้าเหล่านั้น ขนไปให้ธันวาเลือกจนถึงออฟฟิศ หรือบางทีธันวาไม่เสียเวลาชายตาดูสักนิด ก็ให้อภิสิทธิ์พิเศษแกพวกบอดี้การ์ด เลขาส่วนตัว ลูกน้องคนสนิทตัดสินใจได้เลย
“อืม” คำตอบรับแกมรำคาญ พร้อมเท้าก้าวเข้าไปยังช้อปสินค้าแบรนด์ดังที่ส่วนมากเป็นสินค้า เสื้อผ้า แฟชั่นสำหรับสุภาพสตรี
“คุณธันวาจะมาซื้ออะไรครับ”
“มาซื้อเสื้อผ้าให้เมีย มีปัญหาอะไรมั้ย”
“แหะ แหะ ไม่มีครับ ไม่มีครับ เชิญเลือกตามสบายเลยครับ นี่ข้อมูลไซซ์เสื้อผ้าของคุณนารินทร์ครับ” มือขวาโค้งตัวลงต่ำจนหน้าผากแทบจะติดหัวเข่า มือยื่นไอแพดแสดงข้อมูลสำคัญของเมียเจ้านายออกไปด้านหน้าอย่างนอบน้อมที่สุด
“สวัสดีค่ะคุณธันวา” ผู้จัดการร้านปลีกตัวจากการดูแลลูกค้าที่เข้ามาก่อนเพื่อเข้ามาดูแลเจ้าของห้างทันที
หน้าหงิกงอไม่พอใจของสาวหมวยหน้าซื่อที่ถูกมองข้าม หันขวับมองไปยังต้นตอของคนที่แย่งความสำคัญของเธอไป หากแต่เมื่อเห็นว่าผู้ชายรูปร่างกล้ามใหญ่ ตัวล่ำผู้เดินเข้ามาใหม่เป็นใคร นันทิตา หรือ แนน สาวสวยจากแผนกการตลาดถึงกับลอบยิ้มออกมาทันที
“คุณธันวา อย่างนั้นเหรอ” หญิงสาวผู้มีความใฝ่ฝันอย่างขึ้นไปยืนอยู่บนที่สูง เพราะเบื่อหน่ายชีวิตชนชั้นกลางอันเรียบง่าย ใช้เวลาตลอดหลายปีในการสืบ เสาะ แสวงหาสอดส่องดูชีวิตอันหรูหราสุขสบายของพวกที่เรียกตัวเองว่าไฮโซ โดยเฉพาะผู้ชาย ความหวังเล็ก ๆ ในการใช้เต้าไต่ขึ้นบันไดสวรรค์สว่างวาบเข้ามาในหัว
“ไม่ทราบว่าวันนี้คุณธันวาเข้ามาที่ช็อป สนใจสินค้าชิ้นไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ” ผู้จัดการร้านพยักหน้าให้พนักงานขายเข้ามาช่วยกันดูแลเทคแคร์ลูกค้าพิเศษ
“ผมอยากได้ เสื้อผ้าสำหรับผู้หญิง” ดวงตาคมกวาดมองไปรอบร้าน กะประมาณขนาดตัวของเมียด้วยความลังเล ก่อนสายตาจะไปหยุดอยู่ตรงหญิงสาวที่หันมามองเขาพอดิบพอดี
“รูปร่าง ขนาดไซซ์ต่าง ๆ ตามนี้” ธันวาพยักหน้าไปทางบอดี้การ์ดคนสนิท ที่เปิดหน้าไอแพดให้กับผู้จัดการร้านดูทั้งรูปร่างหน้าตา สไตล์การแต่งตัวและขนาดไซซ์เสื้อผ้าของนารินทร์
“ได้ค่ะ คุณธันวาอยากได้ชุดไหนบ้างคะ”
“ทั้งหมดเลย ชุดลำลอง มินิเดรส ชุดนอน แล้วก็ชุดชั้นในด้วย”
“คุณธันวาจะซื้อไปทำไมเยอะแยะครับ” ลูกน้องตัวดีถามซ้ำ
“ฉันซื้อเสื้อผ้าให้เมียฉันมันผิดหรือไง ฉันจะซื้อเยอะแค่ไหนมันก็เงินฉัน”
“ไม่ผิดหรอกครับ แค่ขนาดเสื้อผ้าที่คุณนารินทร์ใส่ได้มันหายาก เพราะว่าหน้าอก....” บอดี้การ์ดขมวดคิ้วแล้วปรายตาไปยังส่วนอกของหุ่นที่ตั้งโชว์เสื้อผ้าแบรนด์ดัง เพราะขนาดของมันแตกต่างกับนารินทร์อย่างเห็นได้ชัด
“นี่พวกมึงแอบมองนมเมียกูเหรอ” ธันวากระชากคอเสื้อลูกน้องมาเหมือนจะปล่อยหมัดขวาอัดหน้าเข้าให้
“โธ่ คุณธันวา คุณนารินทร์ใหญ่โตอลังการขนาดนั้น ไม่ต้องแอบมองก็เห็นครับ”
“เดี๋ยวเถอะพวกมึง”
เป็นเรื่องจริงอย่างที่พวกลูกน้องบอก ขนาดหน้าอกของนารินทร์มันใหญ่จนสะดุดตา ขนาดเขาเองยังลุ่มหลงจนอยากเอาหน้าซุกเข้าไปฟัด แล้วนับประสาอะไรกับพวกมัน
ธันวาหันไปหยิบเสื้อผ้า ที่ผู้จัดการร้านเลือกหามาให้ คัดเอาชุดที่คิดว่า มันอาจไม่สามารถโอบอุ้มเต้านมใหญ่ของนารินทร์ได้ ออกไปทีละตัว
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ” สาวสวยหน้าซื่อแสร้งหันมายิ้มเอียงอาย เมื่อมือขยับเลื่อนไปสัมผัสถูกผิวกายอุ่น ๆ ของธันวา
“ไม่เป็นไรครับ คุณจะเอาชุดนี้เหรอ” ธันวาหันไปมองสาวหมวยที่สไตล์การแต่งตัว ไม่ได้ใกล้เคียงกับชุดที่ทั้งเขาและเธอหยิบมันพร้อมกัน
“เชิญคุณก่อนเลยค่ะ”
เพราะสืบมาจนมั่นใจว่าลูกชายเจ้าสัวหมื่นล้านคนนี้ยังไม่แต่งงานและไม่เคยมีข่าวคบหากับใครมาก่อน สถานภาพโสดแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม แต่ดูเหมือนนายธันวาคนนี้จะไม่ค่อยชอบพวกประจบสอพลอ การเข้าหาตีสนิทตรง ๆ อาจจะถูกเกลียดเอาได้
“ทำไมละครับ คุณไม่อยากได้มันแล้วเหรอ” ธันวาหยิบชุดกระโปรงสีแดงรัดรูป ออกมาจากราวแขวน จากนั้นพยายามนึกภาพในหัวว่า หากนารินทร์สวมมันแล้ว จะเซ็กซี่มากขนาดไหน
“มันไม่เข้ากับฉันหรอกค่ะ เชิญคุณซื้อไปก่อนเลย” ยิ้มเอียงอายเสแสร้ง แกล้งหันไปหยิบชุดที่มิดชิดกว่า
“ขอบคุณครับ”
“ซื้อไปให้ใครเหรอคะ ชุดนี้สวยมาก คนใส่ต้องเซ็กซี่สุด ๆ จนใครเห็นเป็นต้องหยุดมองแน่ ๆ”
“ซื้อให้เมียน่ะครับ” ธันวาตอบคำถามยิ้ม ๆ มือยื่นชุดสีแดงสดไปให้กับพนักงานขายที่มายืนรอให้บริการ
“เมีย?”
“ครับ เมียของผมเธอสวยแล้วก็เซ็กซี่มากอย่างที่คุณบอกจริง ๆ ผมเอาชุดนี้เพิ่มครับ แล้วก็ทั้งหมดรูดบัตรเครดิตได้เลย จัดส่งไปที่คอนโดของผม” ธันวากระดิกนิ้วเรียกให้บอดี้การ์ดมือขวาเข้าไปจัดการทุกอย่าง จากนั้นหันหลังเดินออกจากช้อปหรูไป อย่างไม่มีทีท่าอาลัยสานสัมพันธ์กับคนที่พยายามตีสนิท
“นี่นาย คุณธันวาแต่งงานแล้วเหรอ” ผู้จัดการสาวสะกิดแขนบอดี้การ์ดคนสนิทถามข่าวคราวอัปเดตข้อมูลใหม่
“ยังไม่ได้แต่ง แต่คงเร็ว ๆ นี้แน่นอน เพราะคนนี้คุณธันวาทั้งรัก ทั้งหลง หวงยิ่งกว่าน้องสาวแท้ ๆ อีก” บอดี้การ์ดพยักหน้าลงไปยังเสื้อผ้า ของใช้ เครื่องประดับราคาเฉียดล้านที่ช้อปไปฝากนายรินทร์ เป็นการการันตีความใส่ใจ
“ใครนะ ผู้หญิงโชคดีนั้น”
“คุณธันวา มีแฟนแล้วอย่างนั้นเหรอ เป็นไปได้ยังไงเนี่ย” สาวหมวยจากแผนกการตลาด มองตามแผ่นหลังกว้างของลูกเจ้าสัวหมื่นล้านอย่างนึกเสียดาย
นารินทร์เดินปลีกตัวมาเข้าห้องน้ำเพื่อล้างมือ และส่องกระจกตรวจดูว่าระหว่างมื้ออาหารค่ำ เครื่องสำอางบนหน้าดรอปลงจนทำให้ความสวยของตัวเองลดลงหรือไม่ หากแต่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ยังคงสวยเป๊ะทุกองศา
“อุ๊ย!” ร่างบางสวยสง่าหันไปเงื้อหมัดตั้งท่าแม่ไม้มวยไทยทันที
“นี่จะต่อยลุงเชียวเหรอ” คนที่เรียนแม่ไม้มวยไทยมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่นล็อกหมัดเล็ก ๆ นั้นไวง้ได้ทัน
“คุณลุงมาได้ยังไงคะเนี่ย ตกใจหมดเลย” กำปั้นเล็กเปลี่ยนจากชกมาเป็นทุบแรงลงบนแผงอกนั้นเป็นการลงโทษ คนที่เข้ามากอดโดยพลการ
“ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วย หนูรินทร์ไม่อยากเจอลุงอย่างนั้นเหรอคะ”
“เปล่าค่ะ แต่วันนี้หนูรินทร์มาทานข้าวกับครอบครัว หนูรินทร์ไม่อยากให้ใครเห็น”
“แต่ลุงอยากให้ทุกคนเห็น”
“คุณลุง!” กำปั้นทุบซ้ำลงไปอีกเป็นการลงโทษคนดื้อรั้น
“ก็ลุงไม่อยากเป็นแค่คนในความลับ มันเหมือนลุงกำลังลักกิน ขโมยกิน เหมือนตัวเองกำลังแอบเป็นชู้ยังไงชอบกล” ธันวาหันหน้าบูดบึ้งหงิกงอมองผ่านนารินทร์เข้าไปในร้านอาหารดัง เห็นครอบครัวอัครเดชเดชา นั่งกันอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา
“นี่ คุณลุงกำลังงอน กำลังน้อยใจหนูรินทร์อยู่ใช่มั้ยคะ”
“ก็หนูรินทร์ไม่ไปหาลุงหลายวันแล้ว รู้เปล่าว่าคิดถึง” ธันวาดึงเอาแม่สาวทรงโตเข้ามาหอมแก้มแรง ๆ
“ช่วงนี้ที่บริษัทมีเรื่องยุ่งวุ่นวายเยอะมากเลยค่ะ รินทร์ต้องช่วยการันต์จัดการอะไรหลายอย่าง เลยไม่มีเวลาแวะไปหา คิดถึงมากเหรอคะ” คนอายุน้อยทำเสียงอ้อนจนคนที่ตั้งใจจะงอนอมยิ้มออกมาได้ในที่สุด
“คิดถึงมาก ๆ เลย”
“มากขนาดไหนคะ”
“อืมมมม มือด้าน!!”
“คะ มือด้าน?”
“คิดถึงมาก นอนชักว่าวรอเมีย จนมือด้านไปหมดแล้ว ไม่เชื่อหนูรินทร์ดูสิ” ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นมาชูอวด
นารินทร์สัมผัสมือนุ่มลงไปรับรู้ถึงความหยาบกร้าน ที่แท้จริงแล้วมันมีมานาน เพราะธันวาใช้หมัดในการชกต่อย เรียนมวยไทยมากกว่า หาได้เกิดจากความหื่นโหยหาเมียเด็กอย่างเธอ
“มือด้านจริงด้วย” นารินทร์แสร้งตอบรับอย่างใสซื่อ หากแต่ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ
“คืนนี้ไปกับลุงนะ” มือเลื่อนลงไปลูบสะโพกผายก่อนจะบีบมันแรงๆ ด้วยความคิดถึง
“แต่หนูรินท์จะมาทานข้าวกับคุณพ่อคุณแม่ ไม่รู้ว่าจะปลีกตัวได้หรือเปล่า” นารินทร์หันหลังไปมองยังโต๊ะอาหารแล้วเห็นว่าการันต์น้องชายกำลังลุกเดินมาทางนี้
“ลุงรู้ว่าหนูรินทร์ทำได้แน่นอน พ่อเผลอมาเจอกันนะครับ”
“พี่รินทร์ คุณย่าท่านง่วงแล้วละครับ” การันต์น้องชายเดินเข้ามาพร้อมกวาดสายตาเหมือนมองหาอะไรบางอย่าง
“อ๋อ เหรอ”
“เมื่อกี้พี่รินทร์คุยกับใครอยู่เหรอครับ”
“เอ่อ ไม่มีสักหน่อย จริงสิรันต์พอเพื่อนพี่โทรมาชวนไปดื่มน่ะ” นารินทร์ที่ตลอดหลายวันนี้หมกมุ่นอยู่กับการช่วยการันต์ พยายามสืบหาหนอนบ่อนไส้ คนนิสัยไม่ซื่อในบริษัทจนไม่มีเวลาไปผ่อนคลายที่ไหน พูดโกหกออกไปอย่างแนบเนียน
“ดื่มอีกแล้วเหรอครับ ทำไมพวกสาว ๆ นี่ดื่มเก่งกันจังเลย”
“นี่มันยุคไหนนสมัยไหนแล้ว ผู้หญิงกับผู้ชายก้าวมาอยู่เดียวกัน เราเท่าเทียมกันในทุก ๆ มิติ ไม่ว่าจะเรื่องการงาน สังคม การปกครอง เรื่องนอกบ้าน ในบ้าน อีกอย่างการดื่มมันก็แค่การสังสรรค์ นัดรวมตัวกันของกลุ่มเพื่อน ฝากรันต์ไปบอกคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะ ว่า.....”
“ว่าคืนนี้ พี่รินทร์จะไม่กลับบ้านใช่มั้ยครับ” การันต์พูดดักคอพี่สาวเหมือนรู้ทัน
“แหะ แหะ แหะ ก็ตามนั้นแหละ”
Waiting for the first comment……
Please log in to leave a comment.