ตอนที่ 6 คนสู้เมีย
“การันต์ วันนี้พี่ขอติดรถไปทำงานด้วยนะ” นารินทร์เดินเร็ว ๆ ตามหลังน้องชายมาถึงรถ
“ทำไมเหรอครับ รถพี่รินทร์มีปัญหาอะไรเหรอ”
“ไม่มีหรอก แต่วันนี้วันศุกร์ ยัยแก๊งชะนีมีผัวแต่ทิ้งไว้บ้าน นัดออกไปปาร์ตี้กัน คืนนี้พี่อยากเมาเลยคิดว่าจะไม่เอารถไปให้เป็นภาระ”
นารินทร์เปิดประตูรถขึ้นไปนั่งยังตำแหน่งด้านข้างคนขับ คาดเข็มขัดนิรภัยเตรียมพร้อม ส่วนน้องชายได้แต่ส่ายหัวให้กับความเปรี้ยวซ่าของพี่สาวที่ไม่เคยเบาลงเลยตั้งแต่เด็กจนโต ตรงกันข้ามนับวันนารินทร์จะยิ่งมีความเก่ง ความกล้า บ้าบิ่นมากขึ้นจนแม้แต่การันต์เองยังหวั่นใจ ในความไม่เคยกลัวอะไรเลยของนารินทร์
“จริงสิการันต์ ถ้าคืนนี้พี่ไม่กลับบ้าน ฝากอธิบายให้คุณพ่อ คุณแม่แล้วก็คุณย่าทราบด้วยนะ”
“ครับ แล้วพี่รินทร์จะไปนอนบ้านใคร”
“เอ่อ....ยังไม่รู้เลย คนไหนใจดีหิ้วพี่กลับไปด้วยก็คนนั้นแหละ” นารินทร์แสร้งหยิบลิปสติกออกมาเติมสีให้เรียวปากดูสดใส เพื่อที่น้องชายจะไม่ซักไซร้ไล่ต้อนเอาคำตอบ
พนักงานสาวสวยก้าวฉับ ๆ เข้ามายืนออรอใช้บริการลิฟต์โดยสารส่วนกลางรวมกับพนักงานคนอื่น ๆ ด้วยท่าทางมั่นใจ โดยไม่ทันสังเกตว่าตัวเองกำลังตกเป็นเป้าสายตา
“ตกลงว่าคนไหนตัวจริงกันแน่”
“วันก่อนเห็นในไอจีน้องแนน ลงรูปเหมือนไปเดทกับคุณการันต์ แต่ทำไมวันนี้ถึงมาทำงานพร้อมนารินทร์”
“เห็นพวกแผนกการตลาดเม้าท์ว่า น้องแนนเป็นแฟนของคุณการันต์ รักกันตั้งแต่ก่อนคุณการันต์ไปเรียนเมืองนอก”
“..!..!...!..” นารินทร์หันขวับไปตามเสียงซุบซิบนินทาอันหามูลความจริงไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้นคนอื่น ก็คงเป็นได้แค่มือที่สามนะสิ”
“ฮึ...” มุมปากกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ พอดีกับลิฟต์ตัวใหญ่เลื่อนลงมาจอด
นารินทร์อ้อยอิ่ง รอให้คนส่วนมากเดินเข้าไปด้านในก่อนแล้วตัวเองจึงเดินตามเข้าไปเป็นคนสุดท้าย จากนั้นหมุนตัวยืนหันหลังให้กับทุกคน จงใจหยิบโทรศัพท์ถือขึ้นมา กดเข้าไปในไอจีส่วนตัวซึ่งนารินทร์ตั้งล็อกอัลบั้มภาพถ่ายสำคัญสำหรับครอบครัวเอาไว้ แกล้งกดเข้าไปเลื่อนดูภาพถ่ายของตัวเองกับน้องชายฝาแฝด ทั้งภาพทริปเล่นสกี ดูแสงเหนือ ล่องเรือยอชต์ เรือสำราญ อีกทั้งงานพรอมพ์ งานราตรีที่นารินทร์และการันต์เต้นรำคู่กันราวกับคู่รัก
นารินทร์ : นี่รันต์... // พี่สาวฝาแฝดจอมเจ้าเล่ห์กดโทรศัพท์โทรหาน้องชาย โดยไม่สนใจว่าบทสนทนานั้นจะมีใครแอบฟังหรือเปล่า
การันต์ : ครับ ลืมอะไรไว้ในรถผมอย่างนั้นเหรอ
นารินทร์ : ลิปสติกน่ะสิ
การันต์ : จะให้รันต์เอาลงไปให้ที่แผนกหรือเปล่า
นารินทร์ : ไม่ต้องหรอก แต่เลิกงานกลับถึงบ้านแล้ว ฝากเอาไปเก็บไว้ในลิ้นชักเครื่องสำอางให้ด้วยนะ
การันต์ : โอเคครับ แล้วคืนนี้อย่าดื่มจนเมาอีกล่ะ อันที่จริงไม่เห็นต้องไปนอนที่อื่นเลย โทรบอกรันต์ก็ได้เดี๋ยวรันต์ไปรับ
นารินทร์ : รู้แล้วน่า จะห่วงอะไรนักหนา
การันต์ : ก็ต้องห่วงสิ แล้วคืนนี้ไปดื่มระวังตัวด้วยนะ อย่าแต่งตัวโป๊ อย่านั่งใกล้ผู้ชาย ใครขอเบอร์ก็ห้ามให้เด็ดขาดรู้หรือเปล่า
นารินทร์ : รู้แล้วค่ะ เออนี่รันต์เลิกงานตอนเย็น ไปที่ร้านจิวเวอรี่ให้หน่อยสิ มันมีสร้อยคอคอลเลคชั่นใหม่ออกมา รินทร์อยากได้ // นารินทร์ยิ้มหวานให้กับเงาของประตูลิฟต์เงาวับด้านหน้า เพราะเวลานี้ทั่วทั้งลิฟต์เงียบกริบ มีเพียงเสียงของเธอกับของการันต์ที่คุยผ่านโทรศัพท์เท่านั้น
การันต์ : โอเค เดี๋ยวซื้อให้
นารินทร์ : มันต้องอย่างนี้สิ น่ารักที่สุด...แค่นี้นะที่รัก...จุ๊บ // นารินทร์จูบลงไปยังภาพโปรไฟล์ประจำรายชื่อติดต่อของการันต์ ซึ่งภาพนั้นคือภาพที่งานเลี้ยงวันเกิดฉลองอายุครบยี่สิบหกปี การันต์ในชุดสูทสีครีมโอรส ขณะที่นารินทร์สวมเดรสสั้นใช้ผ้าพับเดียวกันทำให้มันเป็นเหมือนชุดคู่
กฎ ยังไงก็ต้องเป็นกฎ ในเมื่อนารินทร์ยังโสด การันต์ก็ต้องโสดเหมือนกัน นารินทร์ยิ้มกริ่มให้กับเหล่าบรรดาขาเม้าท์ทั้งหลาย มั่นใจว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในลิฟต์แคบช่วงเวลาไม่กี่นาทีนี้จะแพร่กระจายไปทั่วบริษัทในเวลาอันรวดเร็ว
“ขอโทษนะรันต์ ถ้าพี่ไม่มีแฟน....เธอก็ห้ามแซงหน้าพี่เด็ดขาด”
เจ้าของร่างกำยำสะบัดแขนเหวี่ยงหมัดอัดเข้าไปยังกระสอบทรายที่แขวนเอาไว้กลางลานฝึกซ้อม รอบด้านนั้นบอดี้การ์ดหน้าตาท่าทางขึงขังยืนเอามือไพล่หลัง คอยระวังความปลอดภัยให้เจ้านาย พลันเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ส่วนตัวของธันวาดังขึ้น บอดี้การ์ดมือขวาจึงถือมันมาแสดงรายชื่อผู้ติดต่อให้เขาเห็น ภาพของสาวสวยทรงโตในชุดเดรสสั้นรัดรูป ยืนโพสต์ท่าราวกับนางแบบมืออาชีพที่ธันวาแอบเข้าไปเซฟรูปนี้มาไอจีส่วนตัวของนารินทร์
“............” หน้าตึงเพราะยังรู้สึกโกรธ แต่ยังพยักหน้าให้ลูกน้องกดปุ่มรับสาย
นารินทร์ : คุณลุงขา.... // เสียงหวานยานคาง ลอยมาจากโทรศัพท์ กับเสียงดนตรีดังจนปวดแก้วหู
ธันวา : หนูรินทร์ นี่เธออยู่ไหน // จากเมื่อครู่ตั้งใจจะแกล้งงอน และทำเมินใส่ กลายเป็นร้อนอกร้อนใจเพราะเดาได้ทันทีว่าแม่สาวสวยเริงราตรีคนนี้คงเมาแน่ ๆ
นารินทร์ : หนูรินทร์คิดถึงคุณลุงจังเลย // ธันวาถึงขึ้นสลัดนวมชกมวยทิ้งแล้วรีบคว้าโทรศัพท์นั้นมาถือสายด้วยตัวเอง
ธันวา : คิดถึงฉัน...จริงหรือเปล่า
นารินทร์ : จริงค่ะ คุณลุงมารับหนูรินทร์หน่อยได้มั้ยคะ หนูรินทร์เมา
ธันวา : เธอจะเล่นตลกอะไร นารินทร์
นารินทร์ : หนูรินทร์ไม่อยากเล่นตลก หนูรินทร์อยากเล่นกับคุณลุง คุณลุงขาหนูรินทร์ซื้อแผ่นแปะแก้ปวดมาเยอะเลย คุณลุงมไม่อยากได้เหรอคะ // เสียงอ้อนอ้อแอ้ จนธันวาชักเริ่มไม่แน่ใจว่านารินทร์เมาจริง หรือว่าแกล้ง ดูอย่างเมื่อคืนก่อน เห็นรีบร้อนออกจากห้องไป แต่ที่ไหนได้กลับแอบไปต่อกับคนอื่น นึกแล้วธันวายังขุ่นเคือง น้อยใจไม่หาย
ธันวา : นี่เธอ...เฮ้อ
นารินทร์ : คุณลุงไม่รัก ไม่คิดถึง ไม่อยากกอดหนูรินทร์แล้วเหรอคะ
หมดกัน ไอ้ที่ตั้งใจจะอยากจะเล่นตัวให้สาวน้อยร้อยเล่ห์ เป็นฝ่ายมาตามง้อ พอโดนเข้าแบบนี้ธันวาถึงกับเหวี่ยงนวมสำหรับชกมวยไปใส่ลูกน้องโครมใหญ่
“คุณธันวาไม่ชกต่อแล้วเหรอครับ”
“เมียเมา เอารถออก”
“เมีย??”
“เออสิวะ!!”
ธันวาตามพิกัดจากโลเคชั่นที่นารินทร์ส่งมาให้ จนมาพบว่า หนูรินทร์ของเขาเมาหนักจนคอพับ คอเอน นั่งกอดขวดเหล้าอยู่ข้างหญิงสาวคนหนึ่ง
“หนูรินทร์” หนุ่มใหญ่ไฮโซ ที่มีส่วนผสมของเจ้าพ่อมาเฟียปนกับว่าที่เจ้าสัวใหญ่เมืองไทยคนใหม่ เดินตรงเข้าไปประคองร่างระทวยเข้ามาไว้ในอ้อมกอด
“นี่คุณจะทำอะไรเพื่อนฉัน ปล่อยเพื่อนฉันเดี๋ยวนี้นะ” ไข่มุกมือขึ้นมาตีท่อนแขนที่ใหญ่กว่าขาตัวเอง เป็นการปกป้องเพื่อน
“ฉันมารับหนูรินทร์
“รับเหรอ?” หน้าสวยสะบัดลงไปมองเพื่อนเหมือนไม่อยากเชื่อ ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมานานหลายปี เพื่อนทุกคนรู้ดีว่านารินทร์ถูกครอบครัวเข้มงวดเรื่องคบหาผู้ชาย แล้วจะเป็นไปได้หรือที่นารินทร์ให้ผู้ชายมารับ
“หนูรินทร์ ฉันมารับแล้ว”
“หืออออ คุณลุงขามารับหนูรินทร์แล้วเหรอคะ” แขนอ้าละทิ้งเพื่อนสนิทหันไปโอบกอดผู้ชายอย่างไม่ลังเล
“นี่ยัยรินทร์ แกรู้จักเขาเหรอ”
“อือ นี่คุณลุงขาของนารินทร์เอง”
“ลุง....แกมีลุงตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
“ลุงอะตุง ของหนูรินทร์ไง”
“ฮะ!!!”
“พวกแกไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกลัว...ไม่ต้องกลัว มีคุณลุงทรตุง ๆ อยู่ หนูรินทร์ปลอดภัย”
“ลุงตุง ๆ อะไรของแก คืนนี้แกเมามากแล้วนะรินทร์ ฉันจะพาแกไปส่งบ้าน” ไข่มุกยังไม่ยอมไว้ใจผู้ชายแปลกหน้า พยายามดึงเพื่อนตัวเองกลับมา หากแต่นารินทร์กลับขัดขืน
“ไม่เอาฉันจะไปกับลุง”
“นี่แกแน่ใจนะ”
“อื้อ ฉันจะไปกับคุณลุง”
“เขาบอกให้ฉันมารับเอง”
ธันวาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแสดงข้อความที่นารินทร์ส่งไปหาตน หากแต่คนหวงเพื่อนยังไม่ยอมเชื่อจึงรื้อเอาโทรศัพท์ของเพื่อนสาวออกมากดดูข้อความบ้าง จนกระทั่งเห็นว่าเป็นข้อความเดียวกันที่ส่งไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วตอนที่นารินทร์ยังพอมีสติอยู่บ้าง นั่นแหละคนที่คบหาเป็นเพื่อนกันมานานนับสิบปีจึงยอมให้ผู้ชายหิ้วปีกเพื่อนตัวเองไป
คนขี้เมาถูกพยุงให้ลุกขึ้น หากแต่รองเท้าส้นสูงดูเหมือนจะไม่เหมาะกับคนขาอ่อน เพราะยังไม่ทันก้าวนารินทร์ก็แทบจะล้มคะมำคว่ำหน้า ธันวาก้มลงไปถอดรองเท้าสวยนั้นโยนไปให้ บอดี้การ์ดที่เดินตามมาด้านหลัง จากนั้นตวัดอุ้มร่างบอบบางในชุดกระโปรงสั้นขึ้นไปไว้ในอ้อมแขน
“คุณคะ!” ไขมุกเพื่อนสนิทวิ่งมาเอาตัวมายืนปิดกันโป๊ให้เพื่อนตัวเอง
“เพื่อนฉันโป๊” หน้างอหงิกรีบดึงชายกระโปรงขึ้นมาปิดให้เพื่อนทันที ธันวาพยักหน้าให้ลูกน้องที่ถอดเอาเสื้อแจ็กเกตมาวางรองด้านล่างก่อนจะพันทบรอบขาขาวจนมิดชิด
“คุณลุงขา” มือนุ่มลูบไล้ไปตามกรอบคางอันสากแข็ง ฝ่าเท้าเปลือยยกขึ้นไปเหยียบยันเพดานหลังคารถส่วนที่เป็นกระจกซันรูฟ จนชายกระโปรงร่นเปิด ธันวาเหลือบตามองลูกน้องสองคนที่นั่งอยู่เบาะหน้า คนหนึ่งทำหน้าที่เป็นคนขับ รีบจับกระจกมองหลังปรับองศาของมันให้หันไปทางอื่นทันที
“ทำไมดื่มหนักขนาดนี้”
“คุณลุงห่วงหนูเหรอคะ” นิ้วเรียวกรีดลงมาตามก้านคอ ผ่านลูกกระเดือกแหลม ก่อนจะเลี้ยวล้วงลงไปภายใต้เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ มือซนของคนเมากอบกำเอาทุกอย่างที่มือสัมผัสได้
“หนูรินทร์ อย่าซนน่า”
“ถ้าไม่ให้หนูจับของคุณลุง อย่างนั้น....คุณลุงจับของหนูมั้ยคะ” นารินทร์เบียดตัวดันหน้าอกข้าไปชนแผงอกแน่น มือคล้องโน้มต้นคอแกร่งให้ต่ำลงมา ปลายลิ้นแลบพ้นริมฝีปากบางเลียสะบัดกวาดไปบนกลีบปากนุ่มหยุ่นของธันวา
“หนูรินทร์”
“ทำไม วันนี้คุณลุงเย็นชากับหนูรินทร์จังเลย”
“ฉัน....เย็นชาอย่างนั้นเหรอ” ธันวาเหลือบสายตามองท้ายทอยบอดี้การ์ดมือขวาที่นั่งคอแข็งไม่กล้าขยับตัวอยู่เบาะหน้า จากนั้นหรี่ตามองเนินอกน่าฟัดแล้วได้แต่กัดกรามตัวเองแน่น
“ใช่ค่ะ ปกติ...ถ้ายั่วขนาดนี้ คุณลุงต้องเด้งสู้แล้วนะ”
“จอดรถ!!!” เสียงห้วนตวาดกร้าวจนคนขับรถหักพวงมาลัยจอดข้างทางแทบไม่ทัน
“พวกมึง...ลงไปก่อน” ตาดุมองขวางลงมายังสาวน้อยที่นอนอยู่บนตัก เสียงเปิดและปิดประตูลงดังปึงปังทำให้นารินทร์มีแรงขยับลุกขึ้นมานั่งได้แม้จะไม่มั่นคงนัก
“คุณลุงให้คนจอดรถทำไมคะ” สองมือยื่นออกไปปลดกระดุมเสื้อหนุ่มใหญ่อย่างใจเย็น
“หนูรินทร์ อยากให้ลุงเด้งสู้ไม่ใช่เหรอ”
"ชอบจังเลยค่ะ ผู้ชายสู้เมีย..."
Waiting for the first comment……
Please log in to leave a comment.