"เธอว่าไงนะ" "หวานรักคุณ...หวานรู้ว่าหวานรักคุณไม่ได้แต่หวานรักไปแล้ว" ชายหนุ่มมองหน้าเธอที่ตอนนี้มีน้ำตาไหลอาบแก้มก่อนที่เขาจะเอื้อมมือเช็ดน้ำตาให้เธออย่างแผ่วเบา "รักได้สิหวาน" เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นทำให้เธอเงยหน้าสบตาเขาด้วยใจที่เต้นแรง "รู้ไหมที่รักว่าเธอรักฉันได้...แต่ฉันจะไม่มีวันรักเธอ และฉันเบื่อเมื่อไหร่เธอต้องไปทันที!"
“อยู่ที่ไหน” “บ้าน” “บ้าน?” “อือ” “เปิดผับที่บ้านเหรอวะ” “ยุ่ง!” ยุ่งเท่ากับเสือก! “เดินมา” “อะไร?” ฉันแกล้งถามเหมือนไม่เข้าใจแต่ใจกำลังเต้น ไม่ได้เต้นเพราะดีใจแต่มัน...เซ็ง “เดินมา” “เดินไปไหนอะไรของนาย” “โต๊ะเดิม” “โต๊ะเดิมบ้าอะไรประสาท” “หรือจะให้เดินไป” “...” “ถ้าฉันไปเอง...ฉันจูบเธอโชว์คนทั้งผับ” “นายไม่กล้าหรอก” ฉันตอบออกไปทันควันเพราะคนอย่างเขาไม่มีทางกล้าทำเรื่องแบบนั้นหรอก ไอ้จูบผู้หญิงโชว์คนน่ะใช่แต่ให้เดินมาจูบผู้หญิงเองไม่มีทาง “หึ ๆๆ” ติ๊ด! “ฮัลโหล ฮัลโหล ลูคัส ลู...” หมับ! ว้าย! ฉันโดนจับมือที่จับโทรศัพท์แนบหูเลยตกใจแล้วพอหันไปก็ตกใจยิ่งกว่าเพราะคนที่ท้าทายกันเมื่อกี้มาถึงตัวแล้ว “ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย!” ฉันแหวใส่แต่สิ่งที่ได้คือรอยยิ้มชั่วร้ายจากเขาและมือที่ล็อกคอฉันในเวลารวดเร็ว “อยู่บ้านเหรอ?” “...” “ท้าทายเหรอ?” “ยะ อย่าทำอะไรบ้า ๆ นะลูคัส” ฉันบอกเขาเสียงสั่นแล้วก็เอนตัวไปข้างหลังถึงมันจะยากลำบากและเอนได้นิดเดียวก็ตามระหว่างนี้ก็รู้ดีว่ามีสาตาหลายสิบคู่มองมาที่เราสองคน “หึ!” “อื้อ!!!” ฉันห้ามใจก็แอบหวังว่าเขาแค่แกล้งให้กลัว พยายามคิดว่าเขาจะไม่ทำอย่างที่ขู่หรอกแต่สุดท้ายก็เปล่าประโยชน์ตอนนี้ฉันกำลังโดนผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกชายของเจ้าสัวที่รวยติดหนึ่งในห้าของเมืองไทยจูบในผับที่อัดคนไว้ในนี้หลายร้อยคน เขาสอดลิ้นเข้ามาในปากแล้วจูบด้วยความเร่าร้อน ฉันอยากขัดขืนนะแต่สมองตอนนี้บอกให้ยอม ไม่ว่ายังไงก็ต้องยอมเพราะถ้าไม่ยอมเขาจะยิ่งทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะให้ได้ ฉันปล่อยให้เขาทำตามใจตัวเอง อายก็อายแต่ก็ต้องปล่อยให้เขาจูบเพราะมันเป็นทางเดียวที่เขาจะยอมปล่อยง่าย ๆ “อืม~” เสียงเพลงในผับดังแต่ฉันกลับได้ยินเสียงจากเขาแล้วไม่นานแต่จะว่าไปก็นานอยู่พักหนึ่งเลยล่ะคนที่ทำให้ฉันอายคนก็ถอนจูบออก “...” ฉันสบตากับเขาด้วยความโกรธ โกรธจนอยากคว้าขวดเหล้ามาทุบให้เป็นปากฉลามแล้วแทงเข้าไปกระซวกไส้เขาให้ได้ “กลับ” เขาพูดแค่นั้นแล้วจับข้อมือฉันให้ลุกขึ้นเดินตามซึ่งฉันก็ต้องเดินตามไง แต่ถึงเขาไม่ลากกลับฉันก็จะกลับอยู่แล้วล่ะ ไม่อยู่ต่อแล้วอยู่ไปก็ไม่สนุก! “ปล่อยสักที” เดินมาถึงรถฉันก็สะบัดมือออกซึ่งเขาก็ยอมปล่อยแล้วก็เดินไปขึ้นรถ ไม่ต้องให้นายนี่บอกฉันก็เดินไปขึ้นรถของเขาด้วยตัวเอง บรื๊น~ เสียงดังของรถหรูที่ขับไปทางไหนใครก็มองแต่ฉันกลับรำคาญดังขึ้นแล้วรถก็ขับออกมาจากผับด้วยความเร็วทันที “ใครสั่งให้มา” เสียงเขาดังขึ้นระหว่างที่กำลังขับรถ น้ำเสียงหาเรื่องที่ทำฉันแอบกรอกตามองบน “แล้วทำไมจะมาไม่ได้” “มาได้สิ แต่มาแล้วโกหกมันหมายความว่ายังไง” “ก็ไม่อยากให้ยุ่งไง มีสิทธิ์อะไรมายุ่ง?” ฉันหันไปถามเขาที่กำลังขับรถอยู่ก็หันมามองหน้าฉันทันที “ทำไมจะไม่มีสิทธิ์อย่าลืมว่าพ่อเธอโกงเงิน... / พ่อเลี้ยง” ฉันพูดแทรกเพื่อให้ไอ้บ้านี่พูดให้ตรง พูดผิดความหมายผิดฉันไม่ชอบ “นั่นมันเรื่องของเธอ” หึ! มันก็จริง เรื่องของฉันเขาก็เลยไม่แคร์ไง เขาจะแคร์อะไรล่ะถ้าเขาแคร์เขาแยกแยะไปนานแล้วว่าไอ้แก่หัวงูที่โกงเงินเขาไม่ได้เป็นอะไรกับฉันเลยนอกจากเป็นผัวใหม่ของแม่ “ถ้างั้นมันก็เรื่องของนายกับผัวแม่ฉันเหมือนกัน” เขาหันมามองหน้าฉันทันทีที่ได้ยินคำพูดของฉัน “จะเบี้ยว?” “...” “ว่าไง เธอพูดแบบนี้คิดจะเบี้ยวรึไง” “แล้วได้ไหมล่ะ” “หึ ๆๆ ได้สิ แต่ถ้าเป็นฉันฉันคงไม่โง่เบี้ยวว่ะ ตัดดอกให้พ่อเลี้ยงกับแม่มาตั้งขนาดนี้แล้วถ้าเบี้ยวก็เท่ากับ เธอโดนเอาฟรี”
“คุณ! คุณข่มขืนฉัน!” "ฉันไปทำเธอตอนไหน?" "ตอนไหนเหรอ ก็เมื่อคืนไงไอ้คนทุเรศ!" "เมื่อคืนฉันเมาเละ อย่ามาใช้มุกตื้น ๆ จับฉัน มันไม่สำเร็จ" "จับบ้าอะไรฮะ! ฉันโดนข่มขืนฉันเสียหายนะไอ้ชั่ว!" "ก็บอกว่าไม่ได้ทำไงวะ" "เมาเหมือนหมาแล้วจำไม่ได้ว่าข่มขืนผู้หญิงเหรอ!" "ก็บอกว่าไม่ได้ทำไงวะ!" "ก็บอกว่าทำไงวะ!!" - คริช - ผมอยากเมาได้โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าจะอดฟันผู้หญิง และเธอ...คือตัวช่วย - นับเงิน - ผู้ชายคนนั้นมันตอแหล ใช้มุกเมาเละหลอกผู้หญิงไปฟันแล้วทิ้ง!
“เฮ๊ย! พี่จะทำอะไรเนี่ย!” ฉันร้องโวยวายทันทีเพราะพูดจบเขาก็จับมือฉันแล้วดึงให้เดินตามทันที ถามเสียงดังเลยนะแต่เขาไม่ตอบ! อะไรของไอ้พี่คนนี้วะ! พูดเองเออเองไปหมดเลย! ที่สำคัญทำตัวไม่น่าไว้ใจอีกต่างหาก! “พี่! ปล่อย! ปล่อยสิ!” กริ๊ก! ผลัก! “โอ๊ย! ทำบ้าอะไรเนี่ย!” ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ฉันถูกเขาดึงให้เดินตามได้แค่ไม่กี่ก้าวเขาก็เปิดประตูซุปเปอร์คาร์ที่ฉันไม่แน่ใจยี่ห้อแต่รู้แค่มันคือซุปเปอร์คาร์สีดำสนิทจากนั้นเขาก็ยัดฉันเข้าไปจากฝั่งคนขับ! มันไม่ใช่แค่ยัดฉันเข้ามาฝั่งคนขับนะแต่เขาเบียดตัวเข้ามาด้วยฉันเลยต้องรีบปีนไปด้านข้างคนขับแบบทุลักทุเลให้เร็วที่สุด! ปัง! เขาปิดประตูรถแล้วพร้อมกับมือฉันที่พยายามจะเปิดประตูเพื่อหนีออกไป มันน่ากลัวเกินไป สิ่งที่เขาทำมันโคตรน่ากลัว! กึก! มันเปิดไม่ได้! ทำไมมันเปิดไม่ได้ล่ะ! แล้วนี่มันปลดล็อคตรงไหนวะ! ชาตินี้ทั้งชาติอย่าว่าแต่นั่งเลยแค่เดินเฉียดใกล้ ๆ ก็ยังไม่เคยชาตินี้ทั้งชาติเคยนั่งแต่รถญี่ปุ่นก็เลยไม่สามารถรู้ว่ามันปลดล็อกยังไง! T^T “ปลดล็อคเดี๋ยวนี้เลยนะพี่!” ฉันหันไปตะโกนบอกเขาเสียงดังแต่เขากลับสตาร์ทรถหน้านิ่ง “คาดเข็มขัดถ้าไม่อยากหัวทิ่ม” “บอกให้ปลด...” บรื๊น!!! “ว้าย!!!” จะตะโกนบอกเขาแต่เสียงรถของเขาดังสนั่นและมันมาพร้อมกับการออกตัวที่ไม่อ่อนโยนเลยสักนิด ไม่ใช่แค่หัวด้วยที่ทิ่มแต่ตัวฉันถูกแรงกระชากของรถทำให้กระแทกไปที่คอนโซนทั้งตัว ปัก! “โอ๊ย!” เจ็บ! มันเจ็บมาก ๆ “ก็บอกแล้วไง” เสียงเขาพูดออกมาสั้น ๆ ติดดุด้วยแต่ตอนนี้ฉันไม่ควรกลัวเจ็บเท่ากับกลัวเขาพาไปทำมิดีมิร้ายหรอกนะ คนหล่อไม่ได้นิสัยดีมีความเป็นสภาพบุรุษทุกคนนะขมิ้น ฉันมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเขาที่ดูนิ่งเย็นชา เป็นความเย็นชาแบบที่ฉันชอบ ฉันชอบผู้ชายลุคเย็นชาเพราะดูมีเสน่ห์น่าค้นหาดีแต่เวลานี้ฉันกลับเริ่มกลัว ไม่รู้ว่าตัวเองจะถูกพาไปไหน เราไม่รู้จักกันเลย เขาเป็นใครก็ไม่รู้ รู้แค่สองอย่าง หนึ่งเขาชื่อแม็คเวล และสอง...เขาหล่อมาก หยุด! หยุดเรื่องหล่อเอาไว้เดี๋ยวนี้ขมิ้น หล่อให้ตายก็พาแกไปตายได้เช่นกันจำไว้! พอคิดเรื่องตายขึ้นมาฉันก็เริ่มน้ำตาคลอ เบียดตัวไปหาประตูเพื่อให้ห่างจากเขาให้ได้มากที่สุดจากนั้นก็เริ่มขยับปากช้า ๆ “...พี่จะพาหนูไปไหน อย่าทำอะไรหนูเลยนะ หนู...หนูมีผัวแล้ว” ฉันบอกเขาเสียงสั่น ผู้ชายหล่อเกินมาตรฐานแบบนี้คงไม่อยากกินผู้หญิงที่มีผัวแล้วหรอก พอบอกออกไปเขาก็หันมานิดหน่อยแล้วมองด้วยหางตาทันที ...น่าจะได้ผลนะคะ “มีผัวแล้ว?” นั่นไง! ได้ผลแน่ ๆ “ค่ะ หนูมีผัวแล้ว ผัวสองลูกสามหลานอีกห้า พี่ปล่อยหนูไปเถอะนะคะ เครื่องหนูไม่ฟิตแล้วล่ะอย่าทำอะไรหนูเลย เอาหนูไปปล่อยที่เดิมแล้วควงคนอื่นกลับดีกว่า” “ผัวสองลูกสามเลยเหรอ?” “...ค่ะ” อายนะ แต่ต้องบอกว่ามีเยอะ ๆ พี่เขาจะได้รังเกียจที่ต้องกินเมียผู้ชายคนอื่นถึงสองคนไง ฉันพยักหน้ารับแล้วจ้องเขาไม่ละสายตาไปไหน ใช้สายตามองเพื่อให้เขามั่นใจว่าฉันไม่ได้โกหก เขาได้ยินคำตอบก็หันมามองฉันอีกครั้ง คราวนี้หันมามองตรง ๆ เต็มหน้าเลย รังเกียจแล้วสินะ โอเคสำเร็จ จอดรถเลยพี่ปล่อยลงตรงนี้หนูก็ไม่เกี่ยง ขอแค่หนูรอดก็พอจะปล่อยตรงไหนหนูก็โอเคทั้งนั้น “หนูมีผัวสองคน ฟังดูแปลก ๆ ใช่ไหมคะ แต่ผัวหนูสองคนเข้ากันดีค่ะพี่ เขาเข้าใจกันดีแต่ถ้าพี่ทำอะไรหนูเขาคงไม่แฮปปี้แล้วก็คงตามล้างแค้นแน่ ๆ” ฉันรีบอธิบายเพิ่มเติมให้เขาเข้าใจว่ามีผัวแล้วสองแต่ผัวไม่ได้อยากให้มีผัวเพิ่ม พอพูดเขาก็ยิ่งมองหน้า อึ้งล่ะสิ ขอโทษนะคะสุดหล่อแต่ถ้าพี่เริ่มต้นความสัมพันธ์ได้ดีกว่านี้คงไม่เป็นแบบนี้หรอก “...ปัญญาอ่อน” “คะ?” ปัญญาอ่อนเหรอ? เขาด่าฉันทำไมเหรอ? ฉันแค่บอกว่ามีผัวสองกับลูกอีกสามเองนะ “ปัญญาอ่อนไง...สั่นขนาดนี้คิดว่าฉันดูไม่ออกรึไงว่าเธอโกหก” “เอ่อ...” “เลิกพูดมากแล้วคาดเข็มขัดบอกไม่ทำอะไรก็คือไม่ทำอะไร จะพาไปส่ง” เขาดูรำคาญที่ต้องพูดซ้ำนะคะ ดูจากสายตาก็น่าจะใช่ว่ารำคาญชัวร์ ๆ “จะไม่ทำอะไรหนูจริง ๆ ใชไหมคะ” “หรืออยากให้ทำ?” “มะ ไม่ค่ะ ไม่อยากค่ะ พี่อย่าเพิ่งรำคาญได้ไหมหนูกับพี่ไม่รู้จักกันอยู่ดี ๆ พี่ดึงหนูออกมาจากผับแล้วบอกจะไปส่งหนูก็ต้องกลัวเป็นธรรมดา” “อืม ฉันรู้ ถ้ากลัวก็บอกทางกลับบ้านเธอมา ถึงบ้านจะได้เลิกกลัว” “...พาไปส่งที่ผับได้ไหมคะ หนูห่วงพี่รหัสหนู” “เขาไปกับผัวเขาแล้วไม่ต้องห่วงหรอก” “พี่สาวหนูไม่มีผัวค่ะ” ไม่มีจริง ๆ รู้จักกันตั้งแต่ปีหนึ่งจนอยู่ปีสองกำลังจะขึ้นปีสามก็ไม่เคยเห็นว่าเจ้เบ้มีผัว อย่าว่าแต่ผัวเลยคนคุยยังไม่มี มีอย่างเดียวก็คือ...อยากมีผัว ^_^! “อืม ไม่มีก็ไม่มี ช่างพี่รหัสเธอเถอะ” “ถ้างั้น... / แต่ถ้าเธอยังไม่รีบบอกทาง...คืนนี้เธอมีผัว”
ซ่าส์! “...ทำอะไรวะ?” เจ้าของแก้วเหล้าที่ฉันเพิ่งคว้ามันมาสาดทิ้งหันมามองด้วยความไม่พอใจหลังจากที่เอาแต่นั่งยกกระดกแล้วก็เหม่อลอยมาเป็นชาติแล้ว “เลิกดื่มได้แล้วมั้ง” “เสือก” “...” OoO ฉันแค่เห็นเขานั่งดื่มตั้งแต่ร้านเปิดจนตอนนี้ร้านปิดแต่พนักงานยังไม่ได้กลับ เพราะอะไรรู้ไหม? เพราะแขกโคตรวีไอพีอย่างเขากำลังนั่งดื่มอยู่ไง “ไปไกล ๆ” นอกจากด่าว่าเสือกก็ยังถูกไล่ให้ไปไกล ๆ หึ! ดีจริง ๆ แต่อยากจะบอกเหมือนกันว่าไม่อยากมาเสือกหรอกแค่สงสารพนักงาน! “พนักงานเขาต้องปิดร้านนะ” ฟุบ! ฉันพูดออกไปแทนที่เขาจะคิดได้ว่าคนทำงานเขาก็อยากพักผ่อนแต่คนตรงหน้าฉันดันล้วงหยิบบัตรเครดิตออกมาโยนลงที่โต๊ะ “ค่าเสียเวลา” “...เฮ้อ~” ฉันจะทำยังไงกับคนคนนี้ดี? “จะไปไหนก็ไป” “ญ่าไปแน่แต่พี่ก็ต้องไปเหมือนกัน จะไปไหนก็ไปอย่ามารบกวนเวลาคนอื่นเขาจะได้กลับบ้านไปพักผ่อน พี่ไหวแต่คนอื่นเขาไม่ไหวนะฟีนิกซ์!” “...” ทั้งที่ขึ้นเสียงใส่แต่เขาก็ยังนั่งนิ่ง “ขอร้องล่ะ ที่ยืนรอบริการพี่ตอนนี้เขาเป็นแค่คนทำงาน เขาขัดพี่ไม่ได้ทั้งที่เขาอาจจะกำลังเหนื่อยมากจนแทบล้ม ตอนนี้พวกเขาต้องการเวลาพักผ่อนไม่ใช่เงิน” ฉันพยายามพูดแต่ไม่รู้จะกระแทกใจคนเมารึเปล่าเพราะเขาเอาแต่มองนิ่งไปข้างหน้าแล้วมือก็คว้าขวดเหล้ามากระดกเข้าปาก เฮ้อ~ ที่พูดไปคงมีค่าแค่เสียงหมาเห่าใส่หูควาย -_-! ปึก! ฉันตกใจกับเสียงก้นขวดเหล้ากระทบกระจกของโต๊ะทำเอาเสียวสันหลังกลัวมันแตกแต่โชคดีที่ไม่แตกแล้วจากนั้นคนทำก็ลุกขึ้นแล้วเดินโซซัดโซเซออกจากโต๊ะไปโดยที่ไม่พูดไม่จาอะไรเลยซะงั้น ...??? What! คิดอยากนั่งก็นั่งคิดอยากไปก็ไป ให้มันได้อย่างนี้สิ! ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด ติ๊ด! (ว่าไงครับ) “ญ่าไล่แขกโคตรรวีไอพีให้พี่ตินแล้วนะ” (หึ ๆๆ ขอบคุณครับที่รัก) “เฮ้อ~ สงสารพนักงาน วันหลังลากออกไปเลยก็ได้นะ” (ใครจะกล้าทำแบบนั้น ช่างเถอะไม่ได้มาทุกวันหรอก) “แต่ก็เกือบทุกวัน” (หึ ๆๆ ไม่เป็นไรมันจ่ายหนัก) “เหอะ! ถ้างั้นแค่นี้นะคะญ่าก็จะกลับแล้วเหมือนกัน” (โอเค ขอบคุณนะครับ ขับรถดี ๆ นะ) “ค่ะ” ติ๊ด! ฉันวางสายจากพี่ตินเจ้าของผับกึ่งเรสเตอรองท์ชื่อดังที่กำลังคุย ๆ กันอยู่แล้วเดินออกจากร้านไปที่ลานจอด เดินตามหลังเพื่อนสนิทลูกพี่ลูกน้องของฉันที่เดินโซซัดโซเซอยู่ตรงหน้า ...เฮ้อ~ สภาพ “เดี๋ยวญ่าไปส่ง” “ไม่ต้อง กลับเองได้” พี่ฟีนิกซ์ตอบกลับมาเสียงเขาไม่อ้อแอ้เลยนะคะ เมามากแต่เสียงโคตรจะปกติขัดกับการทรงตัวที่โคตรจะไม่ปกติ “สภาพนี้นี่นะ?” เมาเหมือนหมา “อืม” “ไม่ได้เดี๋ยวก็ไปชนอะไรจะทำยังไง” “ไม่ตายหรอก ยังไม่ได้อึ๊บเธอเลย” “ญ่าเป็นเพื่อนเล่นพี่เหรอ?” ถ้าไม่ใช่ว่าพูดเพราะเมาฉันจนตบหน้าให้สักสองสามฉาดเลยคอยดู แต่ถ้าไม่เมาเขาก็คงไม่พูดหรอกเพราะเราไม่ค่อยได้คุยกัน “หึ ๆๆ ไม่ใช่เพื่อนเล่นหรอก แต่อยากให้เป็นเพื่อนนะ” “ไม่เอาอ่ะ เป็นเพื่อนของพี่ชายญ่าก็พอแล้ว เลิกพูดได้แล้ว ทิ้งรถไว้ที่นี่แหละเดี๋ยวญ่าไปส่งเอง” “พี่ขับได้” “ไม่ได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นตายคนเดียวก็ดีไปแต่ถ้าคนอื่นตายมันแย่นะ” “หึ ๆๆ โอเค~ ไปสิ” เขากระตุกยิ้มแต่ตัวแทบยืนไม่อยู่ฉันก็เลยพยุงเขาไปที่รถของฉันแล้วพาพี่ฟีนิกซ์สุดหล่อแถมบ้านยังโคตรรวยแต่ไม่รู้ว่ามีปัญหาชีวิตอะไรนักหนาถึงได้ชอบมานั่งเมาอยู่คนเดียวในมุมเงียบ ๆ ประจำ แต่ช่างเถอะปัญหาของเขาไม่ใช่ปัญหาของฉัน รีบไปส่งให้เสร็จจะได้กลับไปนอนเหมือนกัน -ยี่สิบนาทีต่อมา- “ถึงแล้วพี่ฟีนิกซ์” “อืม~” เขาหลับบนรถของฉัน พามาส่งถึงหน้าคอนโดก็เลยปลุก แต่สภาพพี่ฟีนิกซ์ก็คือแค่ส่งเสียงครางออกมาแค่นั้นจริง ๆ “เฮ้อ~” ฉันได้แต่ถอนหายใจแล้วขับรถเข้าไปจอดจากนั้นก็เรียกรปภ. ให้เข้ามาช่วยพยุงเขาขึ้นไปส่ง เสียเวลานอนไปอีก! “เดินดี ๆ ได้ไหมพี่ฟีนิกซ์!” ฉันดุตลอดทาง แขนข้างหนึ่งที่หิ้วปีกคือฉันอีกข้างคือพี่รปภ. ถามว่าห้องชั้นไหนอะไรก็ไม่ตอบดีนะที่พี่รปภ. เขาจำได้ก็เลยไม่ต้องซักจากคนเมาให้เสียเวลา “เดินดีแล้วน่า” “ตรงไหนที่เรียกว่าเดินดีญ่าถามจริง” “จะถึงแล้วครับคุณ” พี่รปภ. บอก พี่แกก็ท่าทางจะเหนื่อยเหมือนกันแต่สุดท้ายก็พามาส่งถึงหน้าห้อง จับนิ้วพี่ฟีนิกซ์ไปสแกนนิ้วมือให้เรียบร้อย เดี๋ยวเอาไปโยนลงโซฟาแล้วก็กลับเลย ฟุบ! “อือ~” “เฮ้อ~ เหนื่อย! นี่ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” ฉันถอนหายใจมองสภาพคนเมาบนโซฟาแล้วยื่นค่าเหนื่อยให้พี่รปภ. จากนั้นพี่เขาก็รีบลงไปเลยเพราะต้องรีบลงไปดูแลความปลอดภัยข้างล่างต่อ “พี่ฟีนิกซ์” ฉันเรียกเขา แต่ไม่ได้แค่เรียกเฉย ๆ ฉันเอามือเขย่าแขนเขาด้วย “อืม~” “ญ่ากลับแล้วนะ ที่เหลือก็ดูแลตัว...” หมับ! “จะทำอะไรพี่ฟีนิกซ์!” เขาไม่ได้ทำอะไรมากหรอกค่ะแค่จับมือฉัน แต่ตกใจไงคะเลยร้องเสียงดังเกินไปหน่อย “อย่าเพิ่งกลับ อยู่เป็นเพื่อนก่อน” “อยู่เป็นเพื่อนเพื่อ? เมาก็นอน” “ไม่เมา” “เมา” “ไม่เมา” “เมา” คนเมาทำไมชอบบอกว่าตัวเองไม่เมา น่าเบื่อนะที่ต้องเถียงกับคนเมา “หึ ๆๆ ไม่เมาหรอก ถ้าเมาทำแบบนี้ไม่ไหว~” “อื้อ!!!”
ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด ...น้องผิง ติ๊ด! “ครับ” (ไม่ต้องเฝ้า) “พี่มาดื่ม” (ไปดื่มร้านอื่น อย่ามาดื่มร้านเดียวกัน) “น้องผิง พี่มาดื่มกับเพื่อน” (ดื่มกับเพื่อนแล้วนั่งจ้องผิงกับแฟนผิงทำไมคะ?) “...” ผมได้แต่กำมือตัวเองแน่นเพราะคำถามของเธอ (ผิงโตแล้วนะพี่เมฆ) “...อื้ม พี่รู้ แต่แม่เป็นห่วงพี่บังเอิญเห็นน้องผิงที่นี่พี่ก็แค่มองดูเพราะห่วงแทนแม่” (หึ! ผิงรู้ค่ะว่าแม่เป็นห่วง แต่แม่ไม่เคยยุ่งเรื่องส่วนตัวคนอื่นก็ไม่ควรยุ่งนะ) ...คนอื่น หึ! หึ ๆๆ “โอเค ถ้างั้นก็เที่ยวต่อเถอะเดี๋ยวพี่ก็กลับ” (ดีค่ะ) ติ๊ด! “...” “เป็นไร” “...เปล่า” “หึ ๆๆ กูรู้ว่าเรื่องอะไร” “ช่างเถอะ” ผมวางโทรศัพท์ลง ตัดบทแล้วดื่มต่อเงียบ ๆ มองตรงไปข้างหน้าไอ้เมฆ มองตรงไปอย่าหันไปมองทางเดิมเด็ดขาด “ไอ้เมฆ” “อืม” “มึงจะทำแบบนี้อีกนานแค่ไหน” “...”คำถามนี้ดังออกมาจากปากเพื่อนสนิท คำถามที่ทำให้ผมกำมือที่ถือแก้วแน่น “เขามีแฟน” “...อืม” “เขามีมาหลายคนแล้ว” “...พอ” “กูรู้ว่ามึงไม่อยากฟัง แต่มึงต้องฟัง” “...” ผมพยายามที่จะนิ่ง นิ่งให้ได้มากที่สุดทั้งที่ใจแทบกระอักตั้งแต่คำว่า เขามีแฟน “ไอ้เมฆ ต่อให้เขาเลิกกับคนนี้หรือคนไหนมึงก็เป็นแค่พี่ชาย” “...” “ขอโทษที่กูต้องพูดคำที่มึงไม่อยากได้ยิน แต่ถ้าไม่พูดเมื่อไหร่มึงจะหลุดออกมาวะ” “กูรู้” “ถ้ามึงรู้แล้วทำไมมึงไม่เดินออกมาสักทีวะ” “...เพราะเป็นกูไง” “อ่าส์~ กูแม่งไม่เข้าใจมึงเลย มึงเก่งทุกอย่างแต่ทำไมเรื่องนี้มึงถึงได้โง่ขนาดนี้วะ” ผมมองแก้วที่มีเหล้าสีอำพันอยู่ข้างในในขณะที่หูก็ฟังคำพูดที่เต็มไปด้วยความหวังดีของเพื่อนรัก มองเหล้าในมืออยู่อย่างนั้น “มึงเคยรักใครไหม รักตั้งแต่เห็นวันแรกที่เห็นเขา” “ถ้างั้นกูขอถามอะไรมึงสักอย่างหน่อย” “อืม” ผมพยักหน้ารับช้า ๆ ทั้งที่ใจก็รู้ดีว่าคำถามต้องทำร้ายหัวใจของตัวผมเอง “เขาเป็นความรักของมึง แล้วมึงล่ะไอ้เมฆ...มึงเป็นอะไรสำหรับเขา?” “...” หึ! หึ ๆๆ ทั้งที่รู้ล่วงหน้าว่าคำถามจะทำให้เจ็บปวดแต่ก็ยังเจ็บปวดมากอยู่ดี ผมตั้งรับคำถามพวกนี้ไม่เคยไหวหรอก “ว่าไง มึงตอบกูได้ไหมไอ้เมฆ มึงเป็นอะไรสำหรับ... / เงา” มันยังพูดไม่จบผมก็พูดแทรกออกมา มองแก้วแล้วตอบช้า ๆ ก่อนจะหันไปมองในจุดที่ผมไม่สมควรมอง “...กูเป็นแค่เงา” แค่เงา ผมเป็นแค่เงาของคนคนหนึ่งมานานแล้ว เป็นเงาตามติดตัว แถมยังเป็นเงาตอนเที่ยงตรงที่ต้องก้มลงต่ำถึงจะพอมองเห็น แต่ก็น่าเสียดายที่เจ้าของเงา...ไม่เคยคิดจะก้มมองลงมาเลย
Dear Reader, we use the permissions associated with cookies to keep our website running smoothly and to provide you with personalized content that better meets your needs and ensure the best reading experience. At any time, you can change your permissions for the cookie settings below.
If you would like to learn more about our Cookie, you can click on Privacy Policy.