“กล้าดีอย่างไรเอาเรือนร่างที่ฉันปรารถนาไปเที่ยวโชว์ให้คนอื่นดู” แดเนียลบังคับกรอบหน้าหวานให้สบตากับเขา “ฮึก ฉะ ฉัน” “ไม่รับเงินจากฉันแต่ระริกระรี้โชว์นมโชว์ตูดขึ้นปก” ยิ่งพูดก็ยิ่งเดือด ไอ้นิตยสารเวรตะไลนั่นเขาจัดการสั่งสอนมันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โทษฐานที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ มาชวนผู้หญิงของเขาไปทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัย “ปล่อยนะ ฮือๆ” จมูกโด่งรั้นแดงก่ำเพราะร้องไห้หนักหน่วง “หึ… ปล่อยงั้นเหรอ?” เขาแสยะยิ้ม กระชากร่างแน่งน้อยปะทะอกแกร่ง “ปล่อยแน่ แต่ปล่อยในนะ” คำพูดหยาบโลนทำเอาร่างบางแทบสิ้นสติ!
เธอ… อยากหลบหนีไปให้ไกล เขา… วิ่งไล่เพื่อให้ได้กลับคืน "คุณมันโรคจิตคุณแอรอน!” น้ำรินกัดฟันพูด ถ้ามีอาวุธร้ายอยู่ในมือตอนนี้เธอคงไม่ลังเลที่จะฆ่าเขา ฆ่าคนที่พังชีวิตของเธอจนย่อยยับ! “อย่าเพิ่งสาวน้อย… อย่าเพิ่งรีบตัดสินความโรคจิตของฉัน คืนนี้เธอยังต้องเจอกับสิ่งเหล่านั้นอีกเยอะ ใจเย็นๆ” เสียงเข้มกระซิบแหบพร่าสะท้านกายสาว
“พริ้งรู้มาตลอดว่าพี่เลว แต่พริ้งไม่คิด… ว่าพี่จะเลวได้มากขนาดนี้” ที่ผ่านมาเธอประเมินค่าความเป็นคนของเขาสูงเกินไป ความร้ายกาจของโรมไม่เคยสิ้นสุด เขาใจร้ายกับทุกคนที่ขัดขวางความต้องการของเขา “เดี๋ยวจะเลวให้มากกว่านี้อีก” นอกจากไม่สำนึก แววตาของโรมยังอัดแน่นไปด้วยแรงอาฆาต พริ้งพลอยส่ายหน้าผิดหวัง รู้สึกขยะแขยงผู้ชายน่ารังเกียจจนกระทั่งไม่อยากหายใจร่วมกับเขาแม้แต่วินาทีเดียว “ถ้าขาของพริ้งก้าวลงจากเตียงเมื่อไร สาบานว่าจะไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกเลย” ------------------------------------------ “พี่ไม่รู้หรอกนะ ว่าไอ้หมอนั่นมันพูดหรือทำอะไรที่ทำให้พริ้งเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้” เขาวกกลับมายังเรื่องเดิม “แต่ที่พี่รู้… คือพี่จะไม่ยอมเสียพริ้งไปให้ใครเด็ดขาด” นี่ไม่ใช่คำบอกเล่าทั่วไป แต่เป็นวาจาประกาศกร้าวให้พริ้งพลอยรู้ว่าหลังจากนี้ชีวิตของเธอต้องอยู่ในกำมือของเขาตลอดไป!
เมื่อหัวใจอันแข็งแกร่งอ่อนไหวให้กับเด็กสาวในปกครอง จอมทัพ เมอร์ริสัน จำต้องสวมวิญญาณเป็นเทพบุตรร้ายเพื่อครอบครองเรือนร่างแสนหวานของ ปลายรุ้ง “คุณทัพเป็นผู้ใหญ่ซะเปล่าแต่ชอบรังแกเด็ก” ปลายรุ้งทำหน้ากระเง้ากระงอดหลังถูกเขาสำเร็จโทษอย่างเอาแต่ใจ “ก็เด็กคนนี้น่ารังแก” ไม่พูดเปล่า จอมทัพหอมแก้มนวลเต็มฟอด กอดกระชับร่างน้อยอย่างหวงแหน ความรู้สึกอิ่มเอมแผ่ซ่านล้นอก รู้สึกเป็นผู้ชายเต็มตัวยามได้สวมกอดผู้หญิงคนนี้ แต่แล้วอารมณ์เปี่ยมสุขเป็นอันต้องพังทลายลง เมื่อมือถือของปลายรุ้งมีสายเรียกเข้าดังขึ้น ร่างบางทำท่าจะลุกไปหยิบหากก็ช้าไปกว่าคนตัวโตที่เดินลิ่วไปแบบไม่แคร์ว่าตัวเองอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า สันกรามขบแน่น รายชื่อคนโทร. เข้ากระตุ้นอารมณ์หึงหวงให้ลุกพรือขึ้นมาอีกครั้ง “ที่งานเลี้ยงยังไม่หนำใจใช่ไหม ถึงได้ให้เบอร์ติดต่อกับมัน!” ตะคอกถามเสียงเข้ม ปลายรุ้งหน้าซีดเป็นไก่ต้ม เธอพลาดที่ให้เบอร์โทรศัพท์กับริคคาโด ไม่คิดว่าเขาจะโทร.เข้ามาตอนนี้ นี่มันจังหวะนรกชัดๆ “เงียบทำไม ตอบมาสิ!” ยิ่งเห็นหล่อนเงียบเขาก็ยิ่งโกรธ ปามือถือเจ้าปัญหาอัดกำแพงตกแตกกระจายเกลื่อนพื้น “คุณทัพทำเกินไปแล้วนะคะ!” ปลายรุ้งปากคอสั่น สองมือกำหมัดแน่น “หึงหวงอะไรก็ช่วยมีขอบเขตบ้าง” เสียงหวานต่อว่า จอมทัพแค่นเสียงหัวเราะ “เธอเองก็ควรมีขอบเขตเหมือนกัน เตือนตัวเองให้หนักๆ ว่าอยู่ในฐานะอะไร อย่าริมีชู้หรือคิดนอกใจฉันเด็ดขาด!” “คุณทัพพูดจาน่าเกลียด” ปลายรุ้งน้ำตาคลอ น้อยใจที่เขาพูดราวกับเธอเป็นผู้หญิงไร้ยางอาย “น่าเกลียดตรงไหน? ผัวเตือนเมียให้รู้จักหักห้ามใจ จะได้รู้ว่าควรหรือไม่ควรทำสิ่งใด” “แต่รุ้งยังไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น” ปลายรุ้งเถียง “งั้นต้องรอให้ทำก่อนใช่ไหมถึงจะพูดได้” จอมทัพตีความไปอีกแบบ “คุณทัพ!” เธอเหนื่อยจะพูดกับคนบ้าอย่างเขาแล้วนะ “จำไว้นะปลายรุ้ง คนอย่างไอ้จอมทัพไม่ใช่ผู้ชายที่เธอจะมาล้อเล่นกับความรู้สึก ถ้าคิดจะเอาเขามาสวมใส่บนหัวฉันล่ะก็…” ชายหนุ่มแสยะยิ้มร้าย “เธอได้ครางตายอยู่ใต้ร่างฉันแน่!!!”
ปริญ หลงเสน่ห์เพียงเธอมาช้านาน พยายามพูดคุยและเข้าหา แต่แม่ดอก เอื้องฟ้า กลับเมินเฉยและถอยห่าง เขาจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อฉุดรั้งให้เธอเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว “กรี๊ด! คุณนัย” คนถูกลอกคราบร้องไห้โฮ ปริญดันร่างบางชิดกำแพงใต้ฟักบัว สายน้ำราดรดเขาและเธอ “ปล่อยฟ้านะ ปล่อย” น้ำเสียงแหบแห้งเว้าวอนขณะที่ริมฝีปากร้อนระอุจูบไซ้ต้นคอระหง “ทำไมต้องต่อต้านฉันด้วยเอื้องฟ้า หรือเธอคิดจะไปนอนทอดกายให้ไอ้สารวัตรหน้าโง่นั่น!” น้ำเสียงเหี้ยมห้าวดุดัน ร่างบางสั่นสะท้านเพราะตอนนี้ไม่มีอะไรขวางกั้นเรือนกายกำยำที่พยายามบดเบียดเป็นเนื้อเดียวกับเธอ “ไม่ใช่นะคะ ฮึก ฟ้าไม่เคยคิดแบบนั้น” เสียงหวานสั่นเครือขั้นสุด น้ำตาไหลรินจนนับครั้งไม่ถ้วน อยู่กับเขามีแต่ความเจ็บปวด ต้องอยู่ภายใต้ข้อบังคับมากมายที่เธอไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ “ก็ดี! ไม่คิดก็ดีไป” รอยยิ้มพึงพอใจติดชิดแก้มนวล มือหนาจับกรอบหน้าสวยบังคับให้เธอหันมาสบตา “เพราะถ้าคิดเมื่อไร ทั้งเธอและมันได้ตายแพ็คคู่แน่!!!” ประกาศกร้าวอย่างโอหังพร้อมร่ายบทลงโทษแสนหวามเพื่อสั่งสอนให้เธอรู้ว่าเรือนร่างงดงามนี้เป็นของเขา ห้ามให้ใครหน้าไหนมาแตะต้อง!
“อย่าฝันว่าจะไปมีผัวใหม่ได้ง่ายๆ!” เขาบีบคางมนกระชากเสียงเหี้ยมเกรียม ดาริกาเจ็บร้าวไปทั้งปากแต่ไม่คิดร้องขอความเมตตาจากเขา น้ำตาไหลรินออกจากหางตาไร้เสียงสะอื้น ภานุข่มใจไม่คล้อยตามความอ่อนแอของคนตัวเล็ก “ต่อไปนี้ซินต้องอยู่กับพี่ทุกยี่สิบสี่ชั่วโมง” เปลี่ยนมาใช้สรรพนามที่คุ้นเคยกับน้องอีกครั้ง ดูเหมือนโทสะเริ่มจางลงแต่มือหนายังคงกอดเอวบางไว้ไม่ยอมปล่อยลงจากตักง่ายๆ “คุณจะบ้าหรือไง ฉันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของคุณนะ” ดาริกาคัดค้าน “ซินเป็นเมีย” ภานุตอกย้ำ “ฉันไม่ อื้อ!” คำพูดแสลงหูไม่มีโอกาสได้เล็ดลอดผ่านเรียวปากอิ่มเมื่อเขาฉกกลีบปากนุ่มบดขยี้ด้วยความรุนแรงป่าเถื่อน ดาริกาทุบกำปั้นระดมใส่อกแกร่งหวังให้เขาปล่อยแต่แรงน้อยนิดไม่อาจทำอะไรผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่อย่างภานุได้ ต้องยอมให้คนใจร้ายตักตวงความหอมหวานจนกระทั่งเขาพึงพอใจถึงยอมปล่อยริมฝีปากนุ่มนิ่มให้เป็นอิสระ “คนน่ารังเกียจ” ดาริกาสะอื้นทั้งน้ำตาแล้วใช้หลังมือถูเช็ดรอยจูบของเขาออกแรงๆ “เดี๋ยวได้รังเกียจมากกว่านี้แน่ รอให้ถึงบ้านก่อนเถอะ พี่จะทำให้ซินรู้ว่าซินไม่ควรวิ่งหนีคนอย่างพี่!”
เขาเถื่อน เขาร้าย เขารัก และเธอ คือสมบัติล้ำค่า ที่จะไม่มีวันยกให้ใครเด็ดขาด “ปล่อยฉันคุณแดน อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!” พรรณนิการ์ทั้งเกลียดทั้งขยะแขยงผู้ชายจิตใจต่ำทราม หลงคิดว่าเขาจะเป็นคนดีที่ไหนได้ก็แค่ภาพลวงตาที่เขาสร้างหลอกลวงเธอไปวันๆ “ทำไมฉันจะแตะต้องตัวเธอไม่ได้หะ?!” คนถูกต่อต้านกัดฟันถามแล้วเพิ่มแรงกอดรัดจนเจ้าตัวเริ่มหายใจไม่ออก “เพราะว่าคุณมันน่ารังเกียจ คนเห็นแก่ตัวอย่างคุณไม่คู่ควรได้รับความรักจากใครทั้งนั้น ว้าย!” คนตีฝีปากกล้ากรีดร้องเสียงหลงหลังถูกผลักให้นอนราบกับเตียง แดนนี่ไม่ปล่อยให้เหยื่อแสนพยศได้มีโอกาสตั้งตัว เขากระโจนร่างสูงใหญ่โถมกายทาบทับพร้อมกดตรึงข้อมือเรียวทั้งสองข้างเหนือศีรษะทุยแล้วใช้สายตาดุดันจ้องหน้าเธออย่างเจ็บแค้น “รังเกียจมากใช่ไหม คนอย่างฉันมันไม่คู่ควรกับความรักใช่ไหม ได้!” คนถูกจี้ปมกระชากถามเสียงดุดัน พรรณนิการ์เม้มเรียวปากอิ่มเป็นเส้นตรงพลางนึกตำหนิตัวเองในใจว่าไม่น่าปากพล่อยต่อว่าเขาเช่นนั้นเลย เพราะความโกรธตัวเดียวแท้ๆ ที่นำพาเธอมาสู่จุดๆ นี้ “งั้นเมียที่ไม่ได้เรื่องอย่างเธอก็ไม่คู่ควรกับความรักความอ่อนโยนจากฉันเช่นกัน!” สีหน้าท่าทางของแดนนี่พร้อมคุกคามภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายเต็มที่ “ไม่นะ! อย่า… อื้อ!”
เธอคือยอดรัก ยอดดวงใจที่เขาหวงแหนที่สุดในชีวิต และเขาพร้อมที่จะกักขังเธอด้วยไฟพิศวาสอันร้อนแรงสุดแสนดิบเถื่อนตลอดกาล “ฉันใจดีกับเธอมามากแล้วพิมพ์ชนก เธอโตแล้ว ไม่ควรวิ่งหนีความจริง” คนพูดคล้ายต้องการสั่งสอนไปในตัว “ไม่ค่ะ! ความจริงแบบนี้ฉันไม่มีวันรับได้ คุณก็รู้ว่าฉันไม่เต็มใจ ฉันไม่เคยอยากอยู่ที่นี่ สถานะผู้หญิงของคุณฉันไม่ได้ต้องการเลยสักนิดแต่คุณก็ยังบังคับกัน คุณมันคนเห็นแก่ตัว บังคับคนไม่มีทางสู้!!!” พิมพ์ชนกระบายความอัดอั้นในหัวใจ แก้วหูคนฟังสั่นระริก ตรงเข้าบีบแขนเรียวอย่างแรง “เจ็บค่ะ…” “แล้วฉันเจ็บไม่เป็นหรือไง ฉันมันน่ารังเกียจมากหรือพิมพ์ชนก ทั้งๆ ที่ฉันชัดเจนว่ารู้สึกยังไงกับเธอ แต่เธอก็ยังทำท่าทางรังเกียจฉัน!” เขาไม่เคยลงทุนทำแบบนี้ให้ใครมาก่อน หล่อนเป็นคนแรกและคาดหวังให้เป็นคนสุดท้าย “ก็ฉันไม่ต้องการ คุณเองก็โตพอที่น่าจะรับความจริงได้แล้ว ผู้หญิงไม่รักก็ไม่ควรบังคับหรือฝืนใจ!” วาจายอกย้อนได้เจ็บแสบ ลูเซียโน่สะอึก ความทรมานกัดกินก้อนเนื้อข้างซ้ายจนเต้นไม่เป็นจังหวะ ยิ่งเธอพูดเขาก็ยิ่งเดือด กรามแกร่งบดเบียดยามมองสบนัยน์ตาสาว พิมพ์ชนกหวาดกลัวเหลือเกิน “ไม่!” เพียงคำเดียวสั้นๆ น้ำตาของหล่อนก็รินไหล “คนอย่างลูเซียโน่ถ้าพอใจแล้วต้องได้!!!”
“ปล่อยฉัน คุณริคปล่อย” “ต่อต้านทำไม!!!” ดวงตาวาวโรจน์จ้องใบหน้าหวาน กลิ่นสุราคละคลุ้งจนเธอแทบอาเจียน แม้เป็นเหล้าราคาแพงแต่มันก็เหม็นชวนน่าเวียนหัว “หรือหวังจะเก็บความงามไปให้ไอ้เวรนั่นเชยชม” ว่าจะไม่พูดแต่เธอทำให้ความตั้งใจเดิมพังทลายลงไม่เป็นท่า กล้าขัดขืนสัมผัสของเขา ทำแบบนี้มันหยามศักดิ์ศรีกันชัดๆ “คุณพูดเรื่องอะไร” ไอ้เวรที่เขาตะคอกใส่นั้นคือใคร ปิ่นมุกสับสนปนเปไปหมดแล้ว “ก็ไอ้เพื่อนชายตัวดีของเธอไง” เขารู้ชื่อของมันแต่ไม่อยากเอ่ยให้เป็นเสนียดปาก เกลียดนักไอ้พวกชอบยุ่งกับเมียชาวบ้าน ของๆ ใครให้มันรู้ซะบ้าง ขืนยังไม่เลิกราจากแม่เชลยแสนหวานล่ะก็ มันได้รู้ฤทธิ์ไอ้เฟอเดอริกคนนี้แน่
“ปล่อยนะไอ้ฝรั่งบ้า ไม่รู้จะตามมาทำไม ปล่อย!” เสียงหวานตะโกนก้อง มือเรียวจิกข่วนใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่าย “ก็มาตามเมียที่ริอาจหนีไปคบผู้ชายคนอื่นไง” ชายหนุ่มไม่ยอมแพ้ แม้ต้องเจ็บตัวจากเล็บอันแหลมคมของแม่เสือสาวก็ตาม “ใครเป็นเมียคุณ อย่ามาพูดพล่อยๆ นะ ฉันไม่ใช่…” คนตัวเล็กปฏิเสธ เกลียดนักผู้ชายหน้าด้านไร้ยางอาย ผู้หญิงเขาไล่แล้วยังไม่ไปอีก “คุณเป็นเมียผมเพียงฟ้า หรือต้องให้ผมล่ามโซ่คุณไว้แล้วกระทำย้ำๆ เพื่อเตือนสติว่าคุณเป็นเมียผม!!!” ไม่พูดเปล่าแต่เขาทำจริงดั่งปากว่า มือหนากระชากข้อเท้าเล็กแล้วพันธนาการเจ้าหล่อนด้วยโซ่ตรวนขนาดใหญ่ ดวงตาวงรีเบิกกว้าง “ไอ้บ้าโทมัส ไอ้คนบ้า โอ๊ย! ทำบ้าอะไรเนี่ย ฉันเจ็บนะ” “ก็ต้องการให้เจ็บไง!” เสียงเข้มตะคอก แววตาวาวโรจน์ “คนอย่างไอ้โทมัสเสียทองท่วมหัวแต่ไม่ยอมเสียเมียให้ใครเด็ดขาด แล้วถ้าไอ้เวรหน้าไหนกล้าแย่ง พ่อจะยิงให้ไส้แตกเลยคอยดู!!!” วาจาประกาศิตที่คนฟังสะท้านไปทั้งทรวง…!
เขา คือคนที่เธอรักสุดหัวใจ แต่ เธอ คือเมียที่เขาไม่ต้องการให้อยู่ในชีวิต! “คุณจะไปไหนคะ?” เจ้าสาวคนสวยเอ่ยถามหลังเห็นสามีป้ายแดงกระชากโบว์ตรงคอเหวี่ยงทิ้งพื้นแล้วทำท่าจะเดินออกจากห้องหอ “ไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีเธอ” ธนาคิมพูดเสียงดัง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง หัวใจคนมองเจ็บช้ำ ปวดร้าวราวกับถูกอุ้งมือมัจจุราชบีบคั้น “คุณคิมอย่าไปเลยนะคะ คืนเข้าหอเขาไม่ให้บ่าวสาวออกจากห้อง” เสียงหวานร้องขอ ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นคงไม่รีรอที่จะทำตามคำขอนั้น ยิ่งคนขอเป็นสตรีหน้าหวานน่าพิศมัย คงไม่ยากหากจะหว่านล้อมหัวใจผู้ชายให้อยู่ในกำมือ แต่ทฤษฏีเหล่านั้นใช้ไม่ได้กับธนาคิม เขาสลัดมือเรียวทิ้งอย่างไร้เยื่อใย “ผู้หญิงเห็นแก่ตัวอย่างเธอไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรจากฉันทั้งนั้น!” น้ำเสียงแข็งกระด้างกดต่ำในลำคอ ยิ่งเห็นใบหน้าจิ้มลิ้มทำตัวใสซื่อเขาก็ยิ่งเกลียด “คุณคิมอย่าไป” มะลิลาวิ่งไปกอดเอวเขาเอาไว้ ซบใบหน้าเปื้อนน้ำตาแนบลงบนแผ่นหลังแกร่ง “โอ๊ย!” แต่คนใจแข็งผลักไสร่างเล็กกระเด็นไปไกล ศีรษะทุยกระแทกขอบโต๊ะเครื่องแป้งอย่างแรง เลือดเหนียวข้นไหลซึมระกรอบหน้าหวานมากองรวมอยู่ที่ ปลายคาง หยดสีแดงเปรอะเปื้อนชุดเจ้าสาวแสนบริสุทธิ์ มะลิลาค่อยๆ แตะนิ้วมือสัมผัสบาดแผลบนหน้าผาก อาการเจ็บจี๊ดรวดร้าว แต่นั่นไม่เท่ากับหัวใจดวงน้อยที่แหลกสลายยามได้ยินถ้อยคำเลือดเย็นของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี “เอาเลือดชั่วออกซะบ้าง เธอจะได้มีจิตสำนึกมากขึ้น!”
เธอคือสตรีที่เขา 'ปรารถนา' อยากได้เป็น 'เมีย' “ฉันขอนอนกับคุณได้ไหมคะ?” พูดออกไปแล้ว เธอพูดประโยคนั้นออกไปแล้ว! “เดี๋ยวนะ เมื่อกี้ว่าไงนะ” เขาหรี่ตาถาม รอยยิ้มมีเสน่ห์ผุดขึ้นบนเรียวปากหยัก “ขอนอนกับฉันงั้นเหรอ” “ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ นอนในที่นี้ฉันหมายถึงแค่นอนธรรมดา ไม่ใช่นอนแบบ เอ่อ…” วราลีรีบปฏิเสธ พยายามจะอธิบายให้เขาเข้าใจ แต่น้ำเสียงของเธอกลับดูลุกลี้ลุกลนจนแม้แต่เจ้าตัวยังควบคุมไม่ได้ “โอ๊ะ ใจกล้าดีแฮะ ขอนอนกับผู้ชายแต่บอกนอนเฉยๆ ไม่คิดอะไร” ภูเบศหัวเราะชอบใจยกใหญ่ “ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่แบบนั้น คือ โอ๊ย! จะพูดยังไงดีเนี่ย” วราลีขยี้เส้นผมจนยุ่งเหยิง ซึ่งมันดูเซ็กซี่ในสายตาผู้ชาย “โอเคๆ ใจเย็นๆ แล้วค่อยๆ พูด ฉันมีเวลาให้เธอทั้งวันแหละ” จากตอนแรกตั้งใจว่าจะเข้าบริษัทฯ ไปเคลียร์งานที่คั่งค้าง พอเจอกวางน้อยเลี้ยวเข้าถ้ำเท่านั้นแหละ เสือร้ายอย่างเขาก็พร้อมเบนเข็มทิศทันที
“ผมหิวน้ำ” “หะ หิวน้ำ?” “ใช่ ผมหิวน้ำ” ดวงตานั้นเริ่มปรือปรอย แก้มสากแดงก่ำเหมือนคนเมาเหล้า “ผมอยากดื่มน้ำ” “บนรถฉันไม่มีน้ำหรอกค่ะ ถ้าอยากดื่มคุณก็ต้องซื้อเอา” แพรพลอยโล่งอกที่เขาไม่คิดทำร้ายเธออย่างที่หวาดระแวง “ไม่จำเป็นต้องซื้อ บนรถคุณมี” “ไม่มีค่ะ ฉันไม่พกน้ำดื่ม” “คุณมีน้ำครับ” “คุณจะเถียงฉันให้ได้อะไรขึ้นมา ฉันเป็นเจ้าของรถนะ ฉันบอกว่าไม่มีก็คือไม่มีสิ คุณนี่มัน อ๊ะ! คุณเจษ” เจษฏาสอดมือเข้าใต้กระโปรงสีหวานแล้วรั้งแพนตี้ตัวจิ๋วเป็นเส้นตรงให้เสียดสีกับติ่งเนื้ออ่อนไหวของผู้หญิง “น้ำที่ผมอยากดื่มไม่มีขายที่รัก” รอยยิ้มร้ายกาจเชื่อมโยงกับดวงตาสีน้ำตาลเข้มส่งตรงมาที่เธอ ถึงตอนนี้แพรพลอยเข้าใจแล้วว่าเขาหมายถึงน้ำอะไร “ใช่ครับ ผมอยากดื่มน้ำของคุณ” ชายหนุ่มหลุบตามองหว่างขาเรียวที่ตอนนี้ถูกมือของเขาจับแยกออกเล็กน้อย “มะ ไม่ คุณจะบ้าเหรอ นี่มันในรถนะ”
“พูดแบบนี้ แสดงว่าอยากไปเป็นของมันมากงั้นสิ” “ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะต้องปฎิเสธผู้ชายดีๆ อย่างเขา” ฉันเชิดหน้าตอบกลับ มือหนาอีกข้างบีบแก้มของฉันอย่างไม่ปราณี “จะบอกอะไรไว้อย่างนะเปียโน” “…” “เธอคิดเหรอว่าที่ฉันเฝ้าทนุถนอมเธอ เพื่อต้องการส่งต่อให้ผู้ชายคนอื่น” “พะ พี่อชิ” ฉันเผลอเรียกเขาในแบบเดิม “อย่าฝัน! ฉันไม่มีวันยกเธอให้ใครเด็ดขาด!” อชิประกาศกร้าว
“บอกแล้วใช่ไหมว่าให้เลิกยุ่งกับมัน” เสียงทุ้มต่ำน่ากลัว สองมือหนาบีบหัวไหล่มนกดชิดกำแพง ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกเจ็บหรือไม่ “คิดจะลองดีกับพี่ใช่ไหม” เขาไม่เคยอยากร้ายกาจกับเธอเลยสักครั้ง ถ้าหากว่ามุกดายอมลดความดื้อรั้นลงบ้าง ช่องว่างระหว่างเราคงไม่เลยเถิดมาจนถึงขั้นนี้ “ทำไมมุกต้องลองดี ในเมื่อมุกมีสิทธิ์ที่จะคบใครก็ได้” อีกแล้ว… “ลืมไปแล้วเหรอ ว่าครั้งล่าสุดที่พูดประโยคนี้กับพี่ มุกต้องแลกกับอะไรบ้าง” ภาพในอดีตที่อยากลบเลือนมากที่สุดหวนกลับมาอีกครั้ง นัยน์ตาสีเข้มเรืองรองความร้ายกาจที่ซุกซ่อนอยู่ด้านใน ไอร้อนแห่งความกรุ่นโกรธแผ่ซ่านออกมาจากร่างสูง ความรู้สึกสุดท้ายที่มีต่อกันและกันเป็นสิ่งที่เขาและเธอไม่อยากจดจำมากที่สุด ค่ำคืนเดียวที่ทำให้ความสัมพันธ์อันดีต้องพังทลายลง!
“จะไปไหน จะไปอ่อยไอ้หน้าอ่อนนั่นอีกหรือไง” เสียงห้าวไม่พอใจ “ใช่! ฉันจะไปอ่อยผู้ชายคนอื่น นี่ใช่ไหม คำตอบที่คุณอยากได้ยิน พอใจหรือยังล่ะ!” เมื่อพูดไปก็หาว่าแก้ตัว สาวเจ้าเลยเลือกที่จะประชดเสีย แต่หารู้ไม่ว่ายิ่งเธอพูดแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเอาน้ำมันไปราดรดบนกองไฟ และเป็นไฟที่เต็มไปด้วยความ หึงหวง เสียด้วย! “งั้นก็เสียใจด้วย! เพราะว่าคืนนี้ฉันจะใช้สิทธิ์ในความเป็นผัวหาความสุขจากเธอทั้งคืน ถ้าอยากไปอ่อยใครก็คงต้องรอให้ฉันอิ่มหนำในตัวเธอก่อนนะที่รัก…” เซนยักคิ้ว รั้งร่างเล็กเข้าสู่อ้อมแขน ก่อนจะตระหวัดขึ้นอุ้มเดินไปยังเตียงกว้าง “ปล่อยนะคุณเซน! ปล่อย” นาเดียพยายามทุบตีไปตามตัวของชายหนุ่ม เซนกักร่างอ้อนแอ้นไว้อย่างแน่นหนา มือหนาล็อคข้อมือเล็กเอาไว้ทั้งสองข้าง “ตอนนั้นที่ฉันกินเธอครั้งแรก… เธอยังคงเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสา แต่มาวันนี้เธอโตแล้ว ฉันเองก็อยากจะรู้เหลือเกิน… ว่าเธอ… จะมีรสชาติเหมือนเดิมหรือเปล่า” เสียงเข้มแหบห้าว ยิ่งได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ จากร่างเล็กที่ลอยเข้ามาแตะปลายจมูก คนเมาอยู่นิดหน่อยก็ยิ่งควบคุมสติตัวเองไม่อยู่ “ปล่อยนะ! ฉันเกลียดคุณ รังเกียจ! อย่ามาจับตัวฉัน!” นาเดียมองใบหน้าคมคายอย่างเดียดฉันท์ “หึ… คืนนี้ฉันจะทำยิ่งกว่าจับอีก ฉันจะสอด ฉันจะใส่ ฉันจะดูด เลีย ขบ เม้ม ขยำ ขย่ม กระแทก กระทั้น! เอาให้เธอพรุนจนเดินไปอ่อยใครไม่ได้เลยเป็นไง” นาเดียเบิกตากว้างกับคำพูดที่คนเบื้องบนพ่นใส่ และเธอรู้ดีว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเอ่ยมันไม่ใช่แค่ขู่ แต่ผู้ชายคนนี้ทำจริง!!!
“คะ คุณเกียร์ ไม่ค่ะ ไม่” สติน้อยนิดสั่งให้ต่อต้านและผลักไส พิมพ์ชนกเริ่มดิ้นอีกครั้ง “อย่าปฏิเสธเลยยิหวา แค่มองตาก็รู้ว่าเธอไม่ได้รังเกียจฉัน” เขามั่นใจว่าหล่อนไม่ได้รังเกียจอย่างปากว่า ใช่… เธอไม่ได้รังเกียจเขา แต่กระนั้นก็ไม่อาจปล่อยกายให้เขาเชยชมง่ายๆ เขาเป็นใคร เธอเป็นใคร สถานะของเราสองคนแตกต่างกันเกินไป เธอไม่อยากได้ชื่อว่ากินบนเรือนขี้รดบนหลังคา อาศัยพึ่งใบบุญเขาก็ต้องรู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว “คุณเกียร์ปล่อยยิหวาเถอะนะคะ ยิหวาขอร้อง” พิมพ์ชนกร้องขอเสียงสั่น น้ำตาปริ่มล้นจวนจะไหลอยู่รอมร่อ “หยุดร้องเดี๋ยวนี้ยิหวา!” เกียร์ชักหงุดหงิดที่คนใต้ร่างทำเหมือนไม่ต้องการเขา ทั้งๆ ที่ผู้ชายอย่างเขาเพรียบพร้อมด้วยฐานะและชาติตระกูล เกียร์พันธนาการข้อมือเล็กทั้งสองข้างด้วยฝ่ามือเพียงข้างเดียว ใช้มือที่ยังว่างอยู่จับปลายคางให้หล่อนหันมาสบตา “บอกฉันยิหวา เธอต้องการสิ่งใดฉันพร้อมหามาให้ทุกอย่าง ขอเพียงแค่เธอยอมฉัน ยอมเป็นผู้หญิงของฉัน แล้วเธอจะสุขสบายไปทั้งชาติ” เกิดมาจนอายุขึ้นเลขสามไม่เคยสักครั้งที่จะอ้อนวอนให้ผู้หญิงคนไหนมานอนด้วย เพียงกระดิกนิ้ว สตรีมากหน้าหลายตาก็พร้อมกระโดดขึ้นเตียงบรรเลงเพลงสวาทไปพร้อมกับเขา ผิดกับสาวเอเชียหน้าหวานคนนี้ พิมพ์ชนกทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง เพียงได้ทอดมองก็อยากครอบครองเป็นเจ้าของ ยิ่งใกล้ชิดก็ยิ่งรักและหวงแหน ต่อให้ต้องแลกกับทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ เขาก็พร้อมหามาประเคนตรงหน้าเธอ ขอเพียงหล่อนยินยอมพร้อมใจไปกับเขา ยอมเป็นดอกไม้งามข้างกายอสูรตลอดไป “ฉันไม่ต้องการอะไรจากคุณทั้งนั้น” พิมพ์ชนกคิดว่าเขาดูถูกศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงโดยการยกเงินทองมาหลอกล่อ คนหยิ่งทะนงกัดฟันตอบ แววตาอ้อนวอนเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นแข็งกระด้าง “ดี! ไม่ต้องการก็ดีเหมือนกัน งั้นฉันจะได้กินเธอให้หนำใจ เอาให้เธอสำนึกว่าไม่ควรไปทำตัวสนิทสนมกับผู้ชายหน้าไหนอีก!” “คุณเกียร์ อย่านะ ปล่อย”
"ฐิติวรดา!" มือหนาจับแก้มข้างขวาที่ถูกแม่สาวร่างบางลงทัณฑ์อย่างเดือดดาล "คุณกล้าดียังไงมาตบหน้าผม" "ฉันจะทำยิ่งกว่านี้ถ้าหากคุณไม่เลิกดูถูกฉัน" เรียวปากอิ่มเม้มแน่นเพราะความโกรธ เขาเป็นใคร ถือดีอย่างไรมาใช้ถ้อยคำต่ำช้ากับเธอ "กับผมคุณตบ แต่กับมัน... คุณคงขึ้นเตียงพร้อมถวายตัวเลยสินะ!" เสียงเข้มตะคอกใส่ "คุณชยกฤต!" "ทำไม!" ดวงตาคมคายดุดัน กระชากร่างเล็กเข้าหาตัว "ปล่อยนะ จะทำอะไร ปล่อย!" ฐิติวรดาดิ้นอยู่ภายใต้อ้อมกอดของผู้ชายใจร้าย มือใหญ่บีบเรียวแขนสาวเจ้าจนบอบช้ำ แต่เธอกลับไม่ปริปากแสดงความเจ็บปวดให้เขารู้ ท่าทางแข็งกระด้างของเธอกำลังทำให้เขานึกอยากเอาชนะ เป็นแค่หญิงตัวน้อยถือดีอวดศักดิ์กับผู้ชายเยี่ยงเขา "ผมอยากรู้นักว่าไอ้ปากที่เอาแต่ร้องบอกให้ปล่อยๆ เนี่ย คุณอยากให้ปล่อยจริงหรือเปล่า" คนพูดยิ้มยั่ว "ฉันไม่เคยอยากให้คุณมาแตะเนื้อต้องตัวฉัน ปล่อย!" ดวงตากลมโตแข็งกร้าว ไม่ยอมโอนอ่อนแม้สถานการณ์จะตกเป็นรองอีกฝ่าย "งั้นมาดูกัน ว่าถ้าผมทำมากกว่าแตะเนื้อต้องตัว คุณจะรู้สึกยังไง!" "อย่านะคุณชยกฤต อย่า!"
Dear Reader, we use the permissions associated with cookies to keep our website running smoothly and to provide you with personalized content that better meets your needs and ensure the best reading experience. At any time, you can change your permissions for the cookie settings below.
If you would like to learn more about our Cookie, you can click on Privacy Policy.