ชายหนุ่มผ่อนร่างอวบอิ่มเต็มไม้เต็มมือลงนอนราบบนพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบ ก่อนตนเองนั้นทรุดกายหนาลงตามมาไม่ห่าง มายาวีอกสะท้านหวามไหวถึงสิ่งกำลังเกิดขึ้น แม้ตอนแรกปากจะปฏิเสธว่าไม่ต้องการและถึงขั้นรังเกียจ ทว่าหัวใจเธอกลับโหยหาต้องการมันมาเติมเต็มบางอย่าง ซึ่งเธอไม่กล้าหาคำตอบ มายาวีหรุบเปลือกตาหลบสายตากระหาย เดวิสลูบเส้นผมอ่อนนุ่มปลอมประโลม “ไม่ต้องกลัวนะเม ฉันจะไม่รุนแรงกับเธอ”
(คำโปรย) “คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับดิฉันก็พูดมาสิคะ มัวแต่ทำรุ่มร่ามอยู่นั่น แล้วเมื่อไหร่จะคุยกันรู้เรื่อง...” พูดแล้วจึงดันร่างเล็กกว่าถอยห่างออกจากอ้อมแขน หากแต่คนตัวใหญ่กลับรั้งมากอดไว้แนบแน่นกว่าเก่า “ผัวอยากจะชื่นใจเมีย มันรุ่มร่ามตรงไหนหึ...” “คุณเหม!...” ร่างน้อยผละห่างพร้อมช้อนสายตาจ้องมองเจ้าของตักอย่างฉงนในคำพูดของเขา ร้อยวันพันปีเขาไม่เคยเรียกแทนตัวเองว่าผัวแล้วเรียกแทนเธอว่าเมีย ขนาดตอนร่วมรักกันเขายังไม่เคยหลุดปากพูดให้ได้ยินด้วยซ้ำ จะไม่ให้เธอตกใจได้ยังไง “ทำไม...หรือฉันพูดอะไรผิด ทำไมต้องทำหน้าเหมือนอย่างกับเห็นผีด้วยเล่า” “ก็คุณไม่เคยเรียกแทนตัวเองแบบนี้ แล้วอีกอย่างมันก็ไม่สมควร คุณเองก็รู้ว่าเพราะอะไร”
"เธอ" ถูกเขาตีตรา ตั้งราคาให้เป็นเพียงสะใภ้ขัดดอก "เขา" เกลียดเธอ เพียงเพราะมีปมอดีตฝังใจ คำโปรย... “พี่พยัคฆ์...” “ดีนะที่ยังอุตส่าห์จำชื่อผัวตัวเองได้อยู่...” คนโมโหหึงจนหน้ามืดเอ่ยประชดประชัน เมื่อกวาดตามองร่างหอมในอ้อมแขนน่านพยัคฆ์ก็อยากจะกอดให้ร่างนี้จมหายเข้าไปในร่างของตัวเองซะเหลือเกิน “นั่นคุณจะทำอะไร...ปล่อยนิลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ...” เมื่อนาวินตั้งสติได้ จึงรีบลุกขึ้นยืนสาวเท้าเข้าไปขวางหน้าผู้บุกรุกอย่างไม่กลัวเกรง “มึงอย่ามาเสือกเรื่องของผัวเมีย...หลบไปให้พ้นๆหน้ากูเลยไป ก่อนที่กูจะหมดความอดทนแล้วฆ่ามึงตายตรงนี้เสียก่อน...” น่านพยัคฆ์ชักสีหน้ารำคาญกระชากเสียงไล่ด้วยอารมณ์ร้อนฉ่า หากมันไม่ยอมถอย เขาคงได้ฆ่าคนอย่างที่ปากว่าก็ได้ เมื่อหัวใจของเขาตอนนี้ มันกำลังเดือดพล่านยิ่งกว่าภูเขาไฟระเบิดเสียอีก “อ้อ...คุณคงเป็นคุณพยัคฆ์สินะ...” นาวินยืดตัวมองผู้ชายที่มาฉกเอาดวงใจของเขาไปครอบครองด้วยความรู้สึกไม่สบอารมณ์เช่นกัน “เออ!...กูนี่ล่ะน่านพยัคฆ์ ผัวของหนูนิ...” น่านพยัคฆ์กระแทกเสียงบอก ก่อนจะก้าวขาของตัวเองเดินต่อไปยังรถยนต์ของตัวเอง นาวินได้แต่ยืนนิ่งเพราะไม่สามารถจะยื้อแย่งหญิงสาวที่เขารักกลับมาได้ เมื่อคนที่มาฉกเอาดวงใจของเขาไป มีสิทธิ์ในตัวของเธออย่างเต็มที่และถูกต้องทุกประการ... “หนูนิเวียนหัวจังเลยค่ะ พี่พยัคฆ์...” ใบหน้าหวานที่ตอนนี้มีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาเต็มขมับ เผยอริมฝีปากบอกสามี เมื่อเขายังอุ้มเธอเอาไว้บนตักกอดรัดร่างของเธอไม่ยอมปล่อยให้เธอนั่งบนพื้นเบาะ ถึงตอนแรกเธอจะขัดขืนไม่ยอมนั่งบนตักเขา แต่เมื่อถูกเขาดุเสียงดังขึ้นมา เธอเลยต้องจำยอมนั่งบนตักเขาไปโดยปริยาย “ไม่ต้องมาทำเป็นสำออย!ไปหน่อยเลยนะหนูนิ เธออย่าคิดว่าพี่โง่มองไม่เห็นอะไรสิ...” คนหึงเมียยังคงหน้ามืด อารมณ์ขุ่นเคืองยังอัดแน่นอยู่ภายใน ชายหนุ่มจึงพูดออกมาเพราะความโกรธบังตา ไม่ได้คิดถึงหัวใจของคนฟังเลย...
ทับทิมก้มมองสภาพตัวเอง ร่างกายของเธอเปลือยเปล่า ไร้ซึ่งอาภรปกปิดห่อหุ้ม ตอนนี้ตัวเธอนอนล่อนจ้อนบนเตียงไม้แข็งกระด้าง มันถูกวางเอาไว้ตรงริมตู้สภาพเก่า ไม่รู้ยังใช้งานได้อยู่หรือเปล่า เมื่อมองเลยไปยังด้านนอก สิ่งที่เธอเห็นคือต้นไม้สูงใหญ่ กำลังโยกไหวไปตามทิศทางลมดูถมึงทึง น่าเกรงขาม และเมื่อก้มมองสภาพของตนเองซ้ำอีกครั้ง ทับทิมต้องกัดริมฝีปากข่มความรู้สึกสมเพชเวทนาไว้อย่างสุดฤทธิ์ เธอปล่อยให้น้ำตาไหลพรากโดยไม่คิดยกมือป้ายมันทิ้ง ปล่อยให้มันไหลเคอะใบหน้างาม เธอไม่นึกสนใจอะไรทั้งนั้นอีกต่อไปแล้ว ถ้าตายก็ขอให้ตายๆไปเลยจะได้ไม่ทรมาน...
“อย่าไปไหนนะนายไม้... ได้โปรด กลับมาหาฉันก่อน...” ในความฝันแสนเจ็บปวด สิริสรกำลังยืนเคว้งอยู่ท่ามกลางไอหมอกอันหนาวจัด เธอโก่งคอเรียกหาคนรัก ทว่าเขากับไม่แยแส ไม่คิดแม้จะหันกลับมามองเธอ “นายไม้! กลับมา...อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว...ฮือ...ฮือ...” คนหัวใจสลายส่งเสียงเว้าวอน ขอร้องให้ชายหนุ่มกลับมาหาเธอ ตอนนี้รอบกายเธอช่างมืดมิดไร้แสงสว่าง พื้นดินด้านล่างเต็มไปด้วยขวากหนามยั้วเยี้ย มันพันเท้าเธอไว้แน่น ขยับไม่ได้ หากนั่นไม่ได้ทำให้เธอหวาดหวั่นใจ ได้เท่ากับการเห็นแผ่นหลังกว้างของชายคนรัก เขากำลังเดินห่างออกไปทุกที ข้างกายเขามีสาวน้อยแสนสวย เด็กสาวข้างบ้านคนนั้น คนที่เธอเคยเห็น ทั้งสองคอยส่งยิ้มให้กันลึกซึ้ง มือของทั้งคู่เกาะกุมกันไว้ไม่ห่าง ราวกับคนรักที่รักกันมาก ถ้านั่นคือคนรักของสมหมาย แล้วเธอล่ะ? เป็นอะไรกับเขา... (นิยายลำดับ 2 ภาคต่อ พ่อเลี้ยงเหมราช)
เพราะความเข้าใจผิดจึงทำให้ ปวีณ จับตัว นาทยสุรี เพื่อมาแก้แค้นแทนน้องสาวนอกใส้ สายใยแห่งแค้นทักทอจนเกิดเป็นรักเกินห้ามใจ ปวีณจะทำเช่นไร เมื่อหญิงสาวที่เขาแค้น ดันเป็นรักแรกและรักเดียวของตนเอง...... คำโปรย... “โอ๊!!! ” เสียงคำรามหนักดังลั่นเมื่อเสร็จสมอารมณ์หมาย ปวีณแช่ตัวอยู่ในช่องหลืบแสนคับแน่นรอจนกว่าจะถูกรีดพิษสวาทออกจากความกระสันเสียวจนหยดสุดท้าย นาทยสุรีนอนหายใจรวยระรินเพื่อปรับระบบหายใจให้เป็นปกติ เมื่อบ่ายนี้เขากลับเข้าไปฉุดเธอออกมาจากบ้านที่ไม่ต่างจากกรงขังสำหรับเธอ แล้วลากเธอมายังกระท่อมท้ายสวนโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร เขาก็จัดการปล้ำถอดชุดเธอ ก่อนจะกระโจนจ้วงเข้าใส่โดยไม่พูดไม่จากันสักคำเดียว... “ลุกออกจากตัวฉันเสียทีสิ ฉันหนักนะ...” ฝ่ามือน้อยผลักร่างหนาให้ลุกออกไปให้พ้นจากตัวเธอ ดวงตาใสแต่เต็มไปด้วยหยาดของน้ำตาเงยหน้าขึ้นมองคนใจร้าย เขาทำกับเธอไม่ต่างจากโสเภณีข้างถนน เวลานึกอยากขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ไปฉุดกระชากเธอมากระทำย่ำยี โดยไม่คิดจะถามไถ่กันสักคำเดียวว่าเธอต้องการหรือเปล่า พอเข้ากระท่อมมาได้ เขาก็จับเธอนอนกับพื้นเตียงกระแทกความปรารถนาเข้าใส่อย่างไม่ลืมหูลืมตาก็ว่าได้... “หึ...เก่งดีนี่ ขนาดโดนฉันจัดหนักขนาดนี้ ยังอุตส่าห์มีเรี่ยวแรงหลงเหลือมาสะดีดสะดิ้งใส่ฉันได้อีก หรือจะต่อกันอีกสักยกดีล่ะ ฉันยังไม่ค่อยอิ่มสักเท่าไหร่เลยเหมือนกัน เฮ้อ! ก็เนื้อเธอมันช่างหอมหวานเสียเหลือเกิน ยิ่งกินก็ยิ่งหิวยิ่งอยากอึบเธออีกหลายๆ รอบ เป็นเมียคนบ้านป่าบ้านสวนก็ต้องอดทนหน่อยแล้วกัน เพราะของดีๆ แบบเธอมันหากินยากเสียด้วย พอได้มาแล้วมันก็ต้องใช้ให้คลุ้มค่ากับการเสี่ยงไปฉุดตัวเธอมากันสักหน่อย...” คำพูดหยาบคายไม่รักษาน้ำใจกัน ยิ่งทำให้นาทยสุรีต้องเม้มริมฝีปากเข้าหากันเป็นเส้นตรง “ฉันเกลียดแก...” หญิงสาวตะโกนใส่หน้าชายหนุ่มด้วยความรู้สึกน้อยอกน้อยใจ ถ้าหากเธอรู้สักนิด เขาทำกับเธออย่างนี้เพราะสาเหตุมาจากอะไร บางทีเธออาจจะยอมชดใช้ให้กับเขาโดยไม่ต้องใช้กำลังเข้าข่มแหงรังแกกันให้เจ็บปวดอย่างนี้ก็ได้... “แล้วคิดว่าฉันรักเธอตายนักหรือไง เพราะฉันก็เกลียดเธอไม่ต่างกันนักหรอกนะ อาจจะเกลียดมากกว่าที่เธอรู้สึกกับฉันก็ได้...” เป็นเพราะไม่ชอบใจกับคำพูดใส่หน้าเขาว่าเกลียดของนาทยสุรี จึงทำให้ปวีณรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที ทั้งๆ ที่ก็นอนด้วยกันอยู่ทุกค่ำคืน นี่น้องน้อยของเขายังจะมาตะโกนใส่หน้าเขาว่าเกลียดอีกหรือไง คนมันก็น้อยใจเป็นเหมือนกันนะ ก็ไม่เพราะทุรนทุรายจวนเจียนจะเป็นบ้าตายด้วยความคิดถึงนี่หรือไง เขาถึงได้ไม่อยากรีรอให้ถึงตอนกลางคืน จึงทำหน้ามึนเดินเข้าไปฉุดเธอมาจัดการให้หายคิดถึงให้มันหมดเรื่องหมดราวไปเสียที เขาจะได้มีสมาธิทำงานในสวนต่อ แต่พอมาได้ยินคำว่าเกลียดกัน ใจเขาก็เลยร้อนรนขึ้นมา ใครมันจะยอมให้เมียตัวเองมาตะโกนแหกปากบอกว่าเกลียดได้ล่ะ เธอพูดได้เขาก็พูดได้ ดูสิใครมันจะแน่กว่ากัน... “ถ้าเกลียดฉันก็ปล่อยฉันไปเสียทีสิ จะมากักขังฉันไว้ทำไมล่ะฮะ! ” ถึงปากจะตะโกนบอกเขาว่าเกลียด แต่จะมีผู้หญิงสักกี่คนจะเกลียดผู้ชายคนแรกของตัวเองได้ลงคอจริงๆ ยิ่งความรู้สึกส่วนลึกมันมักจะชี้ให้เธอเห็นเขาเป็นพี่เสือเข้าไปทุกที เธอจึงรู้สึกรู้สากับความรู้สึกนี้จนอยากจะบ้าตาย แม้จะย้ำบอกกับตัวเองสักกี่ครั้ง ไอ้ผู้ชายแสนร้ายกาจคนนี้ไม่มีทางจะใช่พี่เสือของเธอไปได้ แต่พอโดนเขาสัมผัสถึงเนื้อถึงตัวทีไร ความรู้สึกมันก็ขัดบอกให้เธอคิดว่าเขาคือพี่เสือของเธออยู่นั่น แล้วถ้าหากเขาคือพี่เสือของเธอขึ้นมาจริงๆ เธอไม่ต้องเสียใจหนักไปมากกว่านี้หรอกหรือ กับสิ่งที่เขาทำกับเธออย่างไม่ให้เกียรติกันเช่นนี้... *************************
ขคราช - หนุ่มเจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจ ปากร้าย แต่ความหล่อเหลาระดับแถวหน้า เขาเกลียดมารตรี ดูถูกเธอสารพัด กล่าวหาเธอเป็นเพียงผู้หญิงหิวเงิน ขายร่างกายหวังแลกเศษเงินจากผู้ชาย โดยผู้ชายหนึ่งในนั้นคือบิดาบังเกิดเกล้าของเขาเอง เรื่องอะไรเขาจะยอม ถ้าอยากนักเขาจะสนองเธอเอง... มารตรี - หญิงสาวสวยหมดจด ครอบครัวล้มละลาย เธอจึงทำงานทุกอย่างไม่เกี่ยง ขอแค่เป็นงานสุจริต หวังเพียงเลี้ยงตัวเองกับคุณตา เธอถูกขคราชคอยกล่าวหา ยัดเยียดให้เป็นผู้หญิงขายตัว เป็นผุ้หญิงของบิดาเขา แต่ทำไมเขาถึงชอบเข้าหาเธอนักก็ไม่รู้ ยิ่งหนีเขายิ่งตาม ยิ่งเธอรำคาญเขายิ่งตามตอแย...
เขาคือเครื่องระบายอารมณ์ที่มีลมหายใจ คงไม่ต่างจากตุ๊กตายางในร่างของผู้ชายสมบูรณ์แบบ แต่ถึงกระนั้นต่อให้แดนดินหล่อเหลาปานเทพบุตรสักเพียงใด ทุกอย่างย่อมมีอายุการใช้งานของมันเสมอ... ----------------------------- การจากลามันทำให้เธอเจ็บปวด การแก้ไขไม่ใช่การวิ่งหนี การยอมรับความจริงแล้วอยู่กับมันได้ต่างหาก คือความสุขที่จับต้องได้... รุ้งแก้วเลื่อนสายตาหยุดไว้ตรงใบหน้าคมสัน เฝ้ามองเขานอนหลับอยู่แบบนั้นด้วยหัวใจอุ่นซ่านจนกระทั่งคนเฝ้าไข้เผลอฟุบหลับไปในที่สุดเสียเอง ถ้าหากมีใครเปิดประตูเข้ามาในห้องนี้ ก็จะได้เห็นภาพหญิงสาวคนหนึ่งฟุบหน้าหลับอยู่เคียงข้างคนป่วย โดยมีมือข้างหนึ่งเกาะกุมมือของอีกฝ่ายไว้ไม่ห่างหาย มันเป็นภาพที่เกิดขึ้นติดต่อมานานหลายวัน คงนับตั้งแต่ทางโรงพยาบาลอนุญาตให้แดนดินกลับมาพักฟื้นต่อที่บ้านได้นั่นเอง... รุ้งแก้วเผลอหลับยาวโดยไม่รู้สึกตัว หัวคิ้วเธอยังไม่คลายออกจากกันแม้ในขณะนอนหลับ ทว่าตอนนี้กลับมีดวงตาคมกล้าลืมขึ้นมามองเธอด้วยความรู้สึกสับสน ปนความไม่แน่ใจในบางอย่าง เส้นทางข้างช่างมืดมนจนเขาแทบมองไม่เห็นทางเดิน... “คุณทำแบบนี้ทำไมคุณรุ้ง?...”
คำโปรย... “ว่าแต่ทุกอย่างจะไม่มีปัญหาตามมาใช่ไหมครับ ถ้าหากทางนี้ตอบตกลง จะรับเป็นพ่อของเด็ก...” ทัชชกรหมายถึงพ่อของเด็กตัวจริง ถ้าผลสรุปของครอบครัวเขามีความคิดเห็นตรงกัน เลือกจะให้ความช่วยเหลือมนุษย์คนหนึ่ง มากกว่าความเป็นจริงในด้านสังคมอันน่าเบื่อหน่าย ส่วนตัวเขาเองไม่รู้สึกขัดข้องด้วยเพราะไม่ได้มีพันธะอยู่กับใคร การขึ้นชื่อเป็นพ่อให้เด็กสักคน คงไม่ใช่เรื่องต้องทำให้ใครเดือดร้อน “ถ้ากรจะหมายถึงเจ้ากษิ รายนั้นมันมีแต่จะตีปีกบินป๋อเสียมากกว่า” คุณดิสรณ์พูดพร้อมสีหน้าผิดหวัง ก็เพราะเจ้าตัวดีนี่มิใช่หรือ เป็นฝ่ายเสนอให้เขาบากหน้ามาที่นี่ เพียงเพราะต้องการปัดความรับผิดชอบ มือบางบนตักกำเข้าหากันอย่างเผลอตัว หญิงสาวหลับตาพร้อมสูดเอาอากาศเย็นชืดเข้าไว้ในทรวงอกแปลบปลาบ คุณดิสรณ์พูดไม่ผิดหรอก กษิรามีแต่จะปัดความรับผิดชอบทั้งหมด เขาโวยวายขึ้นหลังจากคุณรุจีลุกออกจากตรงนั้นพร้อมเดินกลับขึ้นชั้นบน ปิดกั้นการรับรู้ถึงปัญหาภายในครอบครัว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคู่ชีวิตจัดการสะสางปัญหาทั้งหมดก่อนจะถึงวันสำคัญ... --------------------------------------- คำโปรย... “ปิดประตูแล้วมานั่งลงตรงนี้หน่อย” หลังจากกษิรากระแทกก้นนั่งบนโซฟาตัวยาว เขาก็จัดแจงกวักมือเรียกให้นวลเนื้อหอมเดินตามเข้ามาหา นัยน์ตาทรงเสน่ห์อ่อนเชื่อม หรี่มองร่างกลมกลึงตรงหน้าด้วยอารมณ์รุ่มร้อน คนถูกเรียกให้เดินตามเข้ามาตัวสั่นน้อยๆ นวลเนื้อหอมเข้าใจได้ทันที เจ้านายหนุ่มต้องการสิ่งใด “แต่วันนี้นวลยังไม่พร้อม...” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงกล่อมแกล้ม พยายามข่มความกลัวไม่ให้มันแตกกระเจิง หรุบเปลือกตามองเพียงพื้นกระเบื้องห้อง ด้านหนึ่งถูกปูด้วยพรมสีขาวสะอาดตา เธอจะบอกเขาได้อย่างไรเล่าว่ากลีบสาวของเธอยังไม่หายบวมช้ำ กว่าเมื่อคืนเขาจะยอมปล่อยให้เธอกลับลงมานอนพัก เธอก็ถูกเขาจับกระแทกจนกลีบทั้งสองแคลมบวมช้ำ ขนาดตอนเดิน เธอยังรู้สึกหน่วงเดินขัดๆอยู่เลยนี่นา “ทำไม?” เสียงห้าวตวาดถาม จนนวลเนื้อหอมสะดุ้งตกใจ กลืนคำพูดต่อมาได้อย่างอัตโนมัติ... คราวนี้กษิราไม่นั่งเฉย เขารีบลุกพรวดขึ้นยืนข่มร่างน้อยเอาไว้ราวกับปีศาจ เคล้นคำสั่งรอดไรฟัน เขาไม่ต้องการให้นวลเนื้อหอมขัดใจ “นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการฟัง ถอดเสื้อผ้าแล้วมาจัดการธุระสำคัญของฉันให้เสร็จ” --------------------------------------------------
สาวงามใดใต้หล้า ไม่มีผู้ใดเทียมเท่า เสน่หาหนึ่งเดียวในใจ คือเธอเพียงผู้เดียว "ขวัญไพร" **************************** คำโปรย... “พี่หลง!...” แววตาคู่เดิมคู่นี้ คู่ที่นำแต่ความสุขมาให้เธอ ขวัญไพรเรียกชื่อสามีแล้วยิ้มกว้าง หากเพียงไม่นานรอยยิ้มกว้างกลับเจือลงแววตาวาววับดูเศร้าสร้อยตอนได้ยินชายหนุ่มย้ำชื่อตนเองให้เธอฟัง “ผมคือชาคร์... ชาคร์ คาร์เกน ไม่ได้ชื่อ หลง...” ชายหนุ่มย้ำชื่อตัวเองแล้วถอนหายใจ นึกโมโหตัวเองที่เป็นต้นเหตุทำให้ผู้หญิงในอ้อมกอดเสียใจอีกแล้ว ให้ตาย!เห็นเจ้าหล่อนเจ็บทีไร ใจเขาก็เจ็บไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเท่าไหร่นักหรอก ไม่ได้อยากทำให้ขวัญไพรเสียใจเลยสักนิด ชาคร์ยกมือข้างหนึ่งเชยคางมนให้แหงนเงยขึ้น สองดวงตาสบกันแน่นิ่ง “จะเป็นไปได้ไม่ถ้าหากเราสองคน มาเริ่มต้นกันใหม่ แล้วละทิ้งเรื่องราวที่ยังจำไม่ได้นั้นซะ” ชาคร์ค่อยๆเอื้อนเอ่ยถ้อยคำที่เขาเฝ้าทบทวนมาหลายวัน ความรู้สึกที่เขามีต่อขวัญไพร มันชัดเจน เขาหลงรักเจ้าหล่อนเข้าอย่างเต็มเปา เขาหลงรักเมียตัวเองเข้าแล้วนะสิ... (ชาคร์ vs ขวัญไพร) คำโปรย... หญิงสาวลืมตาใสแจ๋ว พลางเงยหน้าขึ้นสบตาชายหนุ่มผู้เป็นพ่อของลูก “ลูกดิ้นใหญ่เลยค่ะ...” ประโยคบอกเล่าแสนสั้นหากก็ทำให้หัวใจของอีกหนึ่งดวงมันรู้สึกพองโตจนแน่นคับอก สิงห์รีบก้มใบหน้าลงมองดวงหน้ากระจ่างของเมียตัวเล็ก ไล้สายตาลงสู่กึ่งกลางลำตัวที่มีเจ้าตัวน้อยของเขานอนหลับปุ๋ยอยู่ในนั้น ชายหนุ่มคลี่ยิ้มเมื่อจิตนาการถึงร่างน้อยๆตัวเท่าฝ่ามือนอนขดตัวอยู่ในนั้น สิงห์มองหน้าท้องนูนสลับกับใบหน้าของชารีน มันตื้อตันจนพูดอะไรไม่ออก “คุณอยากสัมผัสยายหนูดูไหมคะ” “พี่...เอ่อ...ผมสัมผัสเขาได้เหรอ” สิงห์ถึงกับยืนทื่อ มือเท้าที่โอบกอดแม่ของลูกเย็นเฉียบ ดวงตาคมกริบเริ่มแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆและตรงหัวตามันมีน้ำใสเอ่อล้น ชายหนุ่มจำต้องยกมือขึ้นปาดมันทิ้ง (สิงห์ vs ชารีน)
คำโปรย... ความในใจของผู้ชายที่ชื่อ อานนท์ บูรณกำจร… “นนท์คะ ช่วยหยิบตะกร้าหวายตรงโต๊ะมุมห้องมาให้หน่อยสิคะ มุขจะจัดตะกร้าขนมหวาน เอาไปให้คุณแม่ของนนท์เย็นนี้” อ้า...เสียงหวานของภรรยาตัวน้อยของผมดังมาจากห้องครัว “ครับมุข...” ผมหยุดความคิดลง พร้อมวางอัลบั้มรูปภาพของเธอไว้ในกล่องอย่างดี ผมชอบแอบถ่ายรูปตอนเธอทำงานบ้านยามเผลอ มันทำให้ผมรู้สึกดีอย่างแปลกประหลาด ทุกครั้งที่ผมเห็นเธอเดินป้วนเปี้ยนอยู่ในบ้าน ผมจะถ่ายรูปเธอเก็บไว้ เพราะรูปภาพเหล่านี้ก็เหมือนตัวแทนของความทรงจำในอดีต ให้ระลึกถึงแม้ยามที่เราแก่เฒ่า นี่คือภรรยาสุดที่รักของผม ชีวิตของผมที่ถูกเติมเต็มด้วยเธอคนนี้คนเดียว เสน่หารักนี้คือเธอ...
มันเป็นเรื่องของมากอยากับอีลูกสาวคนโตของเศรษฐีหม่านที่ชื่อว่าคำหวาน...อีนางคนสวยปากเสีย มาสร้างความขุ่นเคืองใจให้มากอยาอย่างแสนสาหัส ศักดิ์ศรีของขุนโจรต้องมาถูกทำลายลงด้วยถ้อยคำแสนเจ็บแสบ มันมาดูถูกมากอยา กล่าวหาว่ามากอยาเป็นไอ้พวกโจรกระจอก ไหนเลยจะมีปัญญาหาเมียฐานะสูงส่งได้อย่างตัวมัน...ถ้ามากอยาอยากได้เมียดีๆ ก็ให้หัดตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองเสียบ้าง ผู้หญิงดีๆที่ไหนเขาจะมองไอ้โจรชาติชั่วว่าเป็นเทพบุตร มีแต่เรื่องเพ้อฝันทั้งเพ...เป็นใครมาได้ยินก็ต้องโกรธจนควันออกหูกันบ้างจริงไหม? และมากอยาก็ได้ยินชัดเต็มสองหู --------------------------------- คำโปรย... โจรหนุ่มหัวเราะร่วน แกล้งจนคลายสนุก ก่อนจะรวบข้อมือเล็กบอบบาง รัดรวมกันไว้ด้วยมือข้างเดียว ส่วนอีกข้างเขาจัดการกระชากอาภรณ์ของอีสาวชาวเมืองราหูจนขาดวิ่น หลุดออกทั้งส่วนบนส่วนล่าง เหลือไว้เพียงชั้นในตัวจิ๋ว... ผิวขาวลออราวกับหยวกกล้วยปรากฏโฉมต่อหน้าขุนโจรเด่นชัด มากอยายิ้มพราว แลบลิ้นเลียรอบปากแห้งผาก หรี่สายตาคมกล้ามองเรือนร่างที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งรับกันอย่างพอเหมาะพอเจาะ *************************
คำโปรย... "ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะ...พอดีว่าหิวน้ำเลยจะเข้ามาเอา" ขวัญฤทัยก้มหน้าหนี รับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตแผ่กระจายออกมาจากตัวเขา อย่าบอกนะว่าเจ้านายกำลังเข้าใจเธอกับคุณมารุตผิด แต่จะว่าไปความเข้าใจของเขาจะผิดหรือถูก มันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับเธอด้วยสักหน่อยเพราะว่าเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับเขา ขวัญฤทัยจึงหมุนตัวเดินสวนเจ้านายหนุ่มออกมาจากห้องครัว ทำงานของตัวเองต่อโดยละความสนใจทั้งคนพี่คนน้อง เธอยังต้องขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าในห้องเจ้านายลงมาใส่เครื่องซัก เสร็จแล้วยังต้องเตรียมทำอาหารเย็น แล้วก็รดน้ำต้นไม้ งานบ้านต้องทำจิปาถะ ขวัญฤทัยจึงจมจ่อกับงานตัวเองมากกว่าจะให้ความสำคัญกับเจ้านาย "กลับบ้านแต่หัววันเลยนะไอ้พี่ชาย..." มารุตหัวเราะขบขันชอบใจอยู่ลึกๆที่เห็นแม่บ้านสาวคนงามไม่แสดงอาการกลัวไอ้พี่ชายของเขาจนหงอ เขาเอี้ยวตัวสูงหลบให้ไอ้พี่ชายเดินเอื่อยๆเข้ามาด้านใน ออสตินเพียงปรายตามองไอ้แมวขโมยพร้อมเดินมาจนถึงตู้เย็น "ก็นี่บ้านกู..." นานๆจะได้ยินออสติน โคล เอ่ยคำหยาบ นี่แสดงว่าอารมณ์ไม่ปกติจริงๆ เขาเองก็ไม่อยากเสี่ยงถ้าจะให้โดนมากกว่าถูกเตะก็ไม่อยากหาเห่าใส่หัวให้ตัวเองเจ็บตัว ดังนั้นแล้วหาทางเอาตัวรอดกลับก่อนดีกว่า "อะ...เพิ่งนึกขึ้นได้ นัดกับซ่าร่าเอาไว้ว่าจะไปหาที่คอนโด งั้นก็...ลาเลยนะครับคุณพี่..." มารุตหันหลังตั้งท่าโบกมือลาไหวๆ ออสติน โคลเหล่ตามองแผ่นหลังกว้างด้วยอารมณ์คันส้นเท้าแปลกๆ เขาเปิดฝาขวดเทน้ำลงคอดื่มจนเกลี้ยง ขวดในมือถูกบีบขยำจนบี้แบน นัยน์ตาที่ก่อนหน้าเรียบสงบกลับมาเปล่งประกายดูน่ากลัวสยดสยอง ภาพเมื่อกี้ไม่ใช่เขาไม่รู้สึก มันยิ่งกว่าการราดน้ำมันลงเปลวเพลิงดีๆนี่เอง... ---------------------------------------
คำโปรย... ถึงได้ว่าตอนฉกาถูกนายพรานทัพทองพาตัวมาหมู่บ้านสามโคกใหม่ๆ สายตาของบรรดาสาวเล็กสาวใหญ่ในหมู่บ้านหลายคู่ ต่างจับจ้องมองมายัง ฉการาวกับจะกินเลือดกินเนื้อกันซะให้ได้ ที่แท้ก็ด้วยเหตุผลของเรื่องนี้นี่เอง คงจะเสียดายของใหญ่กันสินะ... ฉกายังเคยได้ยินเสียงซุบซิบนินทาจากปากพวกคนกลุ่มนั้นบ่อยๆ ‘นังส้มแป้นคงได้ตกกระป๋องก็คราวนี้’ ‘มันก็ของแก้ขัดเหมือนกันละหว่า จะหลงมันได้สักกี่วันเชียว...’ เป็นเสียงค้านจากแม่ของคนที่ถูกกล่าวถึง เพราะหวั่นใจกลัวลูกสาวจะเป็นดั่งปากพวกมันว่า ส้มแป้นคงไม่ถูกหัวหน้าหมู่บ้านเรียกไปรับใช้บ่อยเหมือนครั้งที่ผ่านๆมา คราวนี้ครอบครัวจะลำบาก ต้องกลับมาหาของป่าเอาไปแร่ขายในหมู่บ้านมะแว้งอีกเหมือนเดิม นางไม่อยากกลับไปลำบากเหมือนอดีต ฉะนั้นแล้วงานนี้จะต้องหาวิธีกำจัดอีเด็กสาวผู้นั้นให้สิ้นซาก แต่จะด้วยวิธีไหนยังคิดไม่ออก เอาไว้ค่อยหาทางในภายภาคหน้า ถ้าอีเด็กนี่กลายเป็นคนโปรดของนายบ้าน มันก็ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ยืนยาว หากคิดในอีกทาง ไม่แน่หรอกว่านายพรานอาจนึกเบื่ออีเด็กผู้นี้ในเร็ววันก็อาจเป็นได้... ‘แต่นายบ้านทัพ ไม่ชอบกินเด็กมิใช่หรือ...อีพวกสาวๆที่ถูกเรียกใช้ ส่วนใหญ่ก็ต้องเป็นสาวเต็มตัว หรือไม่ก็อีพวกผัวตายแล้วเสือกเหงา ไม่เห็นนายบ้านทัพแกจะเคยเรียกอีพวกนมเพิ่งจะตั้งเต้ามารับใช้แบบนี้สักที’ ‘โอ้ย!มะเฟืองเอ่ย เอ็งแหกตาดูอีเด็กนั่นซะก่อน รูปร่างหน้าตามันใช่เด็กนมเพิ่งตั้งเต้าเสียที่ไหน ทั้งนมทั้งต้มใหญ่กว่าพวกเราด้วยซ้ำ’ ‘นั่นสิ...นังส้มแป้นเทียบไม่ติดขี้ตีน...’ เสียงถกเถียงของสาวเล็กยันสาวใหญ่ในกลุ่มนั้นทำให้ฉกาสนใจหันไปมองแต่กลับถูกนายบ้านสามโคกดึงให้เดินตาม *เรื่องนี้แต่งโดยจินตนาการของไรท์ตัวนิยายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลใดหรือสถานที่ใดทั้งนั้น*
Dear Reader, we use the permissions associated with cookies to keep our website running smoothly and to provide you with personalized content that better meets your needs and ensure the best reading experience. At any time, you can change your permissions for the cookie settings below.
If you would like to learn more about our Cookie, you can click on Privacy Policy.